MMORPG: Martial Gamer - ตอนที่ 240
Chapter 240: พาวิลเลียนฤดูใบไม้ผลิ-ฝน
ปราสาทหน้าผาโลหะ หวังหยู่นั้นเคยได้ยินหมิงตู่พูดถึงสถานที่นี้มาก่อน
มันตั้งอยู่ภายในเมืองฝนฟ้าคะนอง
เมืองฝนฟ้าคะนองนั้นตั้งอยู่ระหว่างฝ่ายแสงและฝ่ายมืด มันเป็นตำแหน่งกลยุทธ์ระหว่างทั้งสองฝ่าย
ปราสาทหน้าผาโลหะนั้นมีเนื้อเรื่องเบื้องหลังอยู่ ท่ามกลามเมืองทั้งหมดใน {REBIRTH} ตำนานได้กล่าวไว้ว่า ปราสาทหน้าผาโลหะนั้นได้ถูกก่อตั้งขึ้นมาโดยคนแคระและมันต้อนรับเอลฟ์และพวกโนมส์อย่างอบอุ่น มันเป็นสถานที่ที่สามเผ่าพันธุ์ได้รับการยอมรับ
เนื่องจากการว่มมือของสามเผ่าพันธุ์ในที่แห่งนั้น ทั้งการสร้างและเทคโนโลยีในปราสาทนั้นสูงส่งจนแผ่นดินภายนอกเทียบไม่ติด
โลหะที่ไม่สามารถเจาะทะลุได้ที่คนแคระสามารถสร้างมันขึ้นมาเพื่อเสริมกำแพงของปราสาท ทำให้มันเหนียวแน่น
เทคโนโลยีของโนมส์ในการสร้างเรือบินเวทย์มนต์
เอลฟ์ที่ข้องเกี่ยวกับเทคโนโลยีพร้อมกับอาวุธดั้งเดิมของพวกเขา การสร้างอาวุธที่ทรงพลังด้วยคริสตัลเวทย์มนต์
ตามตำนานนั้น ฝ่ายมืดนั้นได้พยายายมที่จะยึดครองปราสาทหน้าผาโลหะสองครั้ง แต่กองทัพของพวกเขานั้นถูกทำลายล้างไปทั้งหมดสองครั้ง
แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นข้องเกี่ยวกับในปราสาทหน้าผาโลหะ หลังจากที่พวกเขาได้พ่ายแพ้ต่อกองกำลังความมืดในสงครามรอบที่สอง ทำให้ปราสาทที่ไม่สามารถเจาะทะลุได้นั้นกลายเป็นเรื่องตลกขบขันใน {REBIRTH}
ไม่สำคัญว่าด้านนอกของปราสาทจะทนทานมากแค่ไหน มันก็มีหนทางที่จะล้มสลายจากด้านใน
เนื่องจากความแตกต่างของเผ่าพันธุ์ สงครามภายในจึงปะทุขึ้นระหว่างสามเผ่าพันธุ์ ในตอนสุดท้ายของสงคราม โนมส์นั้นถูกผลักดันให้จากไป เอลฟ์นั้นถูกสังหารและคนแคระก็กลายเป็นเจ้าของปราสาทหน้าผาโลหะ
สงครามนี้ทำให้ปราสาทนั้นอ่อนแอลง และเหลือไว้เพียงแค่เงาจากอดีต เมื่อฝ่ายมืดมาในครั้งนี้ ปราสาทหน้าผาโลหะนั้นก็ได้เป็นพันธมิตรกับฝ่ายแสงไปแล้ว และกลายเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนเมืองฝนฟ้าคะนอง
“หมิงตู่ นายยังอยู่ในเมืองฝนฟ้าคะนองหรือเปล่า?”หวังหยู่ส่งข้อความไปในแชทกิลด์
“ใช่!”
การตอบกลับสั้นๆนั้นดูไม่สมกับเป็นหมิงตู่และทำให้หวังหยู่รู้สึกกังวลเล็กน้อย
“นายกำลังโดนล่าอยู่งั้นเหรอ เฒ่าหลี่?”รัศมีฤดูใบไม้ผลิถาม
“ใช่!”หมิงตู่ส่งมาอีกครั้งหนึ่ง
“เชี่ย!”
“เฒ่ากระทิง นายกำลังจะไปเมืองฝนฟ้าคะนองด้วยเช่นกันงั้นเหรอ?”รัศมีฤดูใบไม้ผลิถามหวังหยู่
“ใช่ ผมกำลังจะไป!”
“นายไปที่นั่นทำไม?”รัศมีฤดูใบไม้ผลิถามต่อ
“พี่ชายฤดูใบไม้ผลิว่างอยู่งั้นเหรอ?”หวังหยู่ถาม
“ใช่ ฉันว่าง…ในความเป็นจริงนั้นฉันกำลังอยู่บนเครื่องบินที่กำลังไปยังเมืองฝนฟ้าคะนอง!”รัศมีฤดูใบไม้ผลิตอบกลับ
“มีอะไรกับเมืองฝนฟ้าคะนองงั้นเหรอ?”หวังหยู่คิด “ทำไมมันถึงมีเควสเกี่ยวกับที่นั่นเยอะจัง?”
“เหี้..! รัศมีฤดูใบไม้ผลิ เฒ่ากระทิง บอกพวกนายมาว่ากำลังทำอะไรอยู่! บอกฉันมาว่าเควสของพวกเรานั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกัน!”หมิงตู่พูดอย่างฉับพลัน
“ฉันกำลังจะไปปราสาทหน้าผาโลหะเพื่อตามหาไดอารี่ของเกษตรกร!”รัศมีฤดูใบไม้ผลิตอบกลับ
“ผมกำลังจะไปปราสาทหน้าผาโลหะเพื่อตามหาปากกา-ไม้บรรทัดของซิมบ้า!”หวังหยู่ตอบกลับ
“เหี้..อะไรวะ! ฉันกำลังตามหาคู่มือฝึกฝนไรอันในปราสาทหน้าผาโลหะด้วย!”หมิงตู่อุทาน
“เอ่อ จากที่ดูแล้วมันเหมือนกับว่าเควสขอพงวกเราไมได้เกี่ยวข้องต่อกันและกันนะ..”หวังหยู่เกาหัวแล้วเขาก็ตอบกลับ
“น่าประหลาดใจแหะ…”รัศมีฤดูใบไม้ผลิตอบกลับอย่างฉับพลัน “ปากกา-ไม้บรรทัดและไดอารี่นั้นอาจจะเกี่ยวข้องต่อกันและกัน..”
“นั่นมันเกินความสมเหตุสมผลไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”หวังหยู่ถาม
“เอ่อ นายก็รู้ว่านักออกแบบเกมมันชั่วร้ายมากขนาดไหน…”
“ลืมมันไปเถอะ ยังไงก็ตาม ความยากของปราสาทหน้าผาโลหะนั้นสูงมากจริงๆ เควสพวกนี้ไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ด้วยการเล่นเพียงคนเดียว ทำไมพวกนายไม่มาที่นี่ก่อนละ พวกเราจะได้ช่วยกันทำเควสให้เสร็จได้ ถ้าเควสพวกนี้มันเป็นเควสสองด้านแล้วละก็ พวกเราก็จะสู้กันเองเพื่อแย่งชิงมันมาละกัน!”หมิงตู่ตอบกลับ
“นายต้องการที่จะสู้กันงั้นเหรอ?”หวังหยู่ถาม
“แล้วถ้าทอยเต๋าละ?”
“ทำไมพวกเราไม่มาสู้กันตัวต่อตัวละ?”หวังหยู่ยังไม่ยอมแพ้
“ฮ่าๆ สุดท้ายแล้วพวกเราก็เป็นพี่น้องกันนะ มันไม่ดีเลยที่จะสู้กันเอง…”หมิงตู่เริ่มรู้สึกเสียใจกับคำพูดของเขา
“อย่ากังวลไปเลย! สุดท้ายแล้วพวกเราก็เป็นเพื่อนกัน แม้ว่าผมจะฆ่าพวกนายไป พวกเราก็ยังคงเป็นเพื่อนกันอยู่ใช่ไหมละ?”หวังหยู่หัวเราะ
“ไปตายซะ!”หมิงตู่และรัศมีฤดูใบไม้ผลิตอบกลับมาพร้อมกัน
หลังจากที่เลือกจุดที่จะไปได้แล้ว หวังหยู่ก็ออกไปจากร้านตีเหล็กและขึ้นเครื่องบินไปยังเมืองฝนฟ้าคะนองด้วยเช่นกัน
หลังจากผ่านไปห้าสิบนาที เขาก็ไปถึง
เมืองฝนฟ้าคะนองนั้นเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่มีกำแพงที่สร้างขึ้นมาด้วยก้อนหินสีขาวบริสุทธิ์ มันทำให้ดูสวยงามและงดงามมาก
เหตุผลที่เมืองนี้ถูกตั้งชื่อว่าเมืองฝนฟ้าคะนองเนื่องจากมวลเมฆดำจำนวนมากนั้นล้อมรอบเขตนี้ เมืองนี้ก็เหมือนกับศูนย์รวมของพายุ
นักเวทย์ที่เป็นหนึ่งในเจ็ดวีรบุรุษนั้นเกิดขึ้นมาที่เมืองนี้ ด้วยเหตุนี้นี่เอง เมืองนี้จึงเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นเมืองสำหรับนักเวทย์หลังจากสงครามครั้งใหญ่
เมืองฝนฟ้าคะนองได้ถูกสร้างขึ้นมาบนภูเขา ด้วยเหตุนี้นี่เอง สถาปัตยกรรมจึงสร้างขึ้นให้เหมาะสมกับพื้นที่ ถนนนั้นทั้งแคบและคดเคี้ยว ไม่เหมือนกับถนนกว้างๆของเมืองรัตติกาล
หลังจากที่ไปยังตำแหน่งที่หมิงตู่ส่งมาให้เขา หวังหยู่ก็ได้พบกับหมิงตู่และรัศมีฤดูใบไม้ผลิในโรงเตี๊ยม
หวังหยู่ก็เดินเข้าไปในโรงเตี๊ยม เพียงแค่เห็นหมิงตู่และรัศมีฤดูใบไม้ผลิกำลังดื่มอยู่บนโต๊ะพร้อมกับรอยยิ้มอันชั่วร้ายนั้น…ก็เหมือนกับว่าชายทั้งสองคนนั้นได้ตัดสินอะไรบางอย่างกันแล้วเรียบร้อย
“เฮ้! พี่ชายฤดูใบไม้ผลิ! เฒ่าหลี่!”
หวังหยู่ตะโกนจากทางเข้าแล้วเขาก็โบกมือให้กับพวกเขา
“เฒ่ากระทิง! มานั่งเถอะ!”ทั้งสองคนตะโกนแล้วพวกเขาก็โบกมือ
เพียงแค่เขาจะเดินไปหา นักเวทย์และนักต่อสู้จากอีกโต๊ะหนึ่งก็เดินมายังโต๊ะของพวกเขา
นักเวทย์หยุดอยู่ด้านหน้าโต๊ะของพวกเขา รัศมีฤดูใบไม้ผลิและหมิงตู่ก็จ้องไปที่ตราบนหน้าอกของพวกเขา
“นิกายซวนเฉินงั้นเหรอ?”นักเวทย์ถามอย่างไม่แยแส
“ถูกแล้ว! นายต้องการลายเซ็นของพวกเรางั้นเหรอ?”หมิงตู่หัวเราะ
“หลี่จี่ซางที่ไม่มีใครเทียบได้?”นักเวทย์ยิ้ม
หวังหยู่สังเกตเห็นร่างกายของหมิงตู่และรัศมีฤดูใบไม้ผลิตึงขึ้นอย่างฉับพลัน
“นายคือใคร?”รัศมีฤดูใบไม้ผลิจ้องไปที่นักเวทย์และถาม
หลี่จี่ซางนั้นเป็นชื่อในเกมของหมิงตู่ที่เคยใช้ เมื่อนิกายซวนเฉินพึ่งสร้างขึ้นในตอนเริ่มแรกเมื่อนานมาแล้ว จะมีใครที่สามารถจำชื่อเก่าของผู้เล่นปัจจุบันของนิกายซวนเฉินได้ยังไงกัน…ใครก็ตามที่รู้จักพวกเขาเป็นศัตรูกันมาอย่างยาวนาน
“ฮ่าๆ นายจะต้องเป็นรัศมีฤดูใบไม้ผลิ…นายสมควรที่จะได้รับชื่อเสียงนั้นจริงๆ”นักเวทย์หัวเราะอย่างเย็นชา “ชื่อของฉันคือนักแอบซุ่ม แม้ว่านายจะไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แต่ฉันมั่นใจว่านายจำชื่อพาวิลเลียนฤดูใบไม้ผลิ-ฝนใช่ไหม?”