MMORPG: Martial Gamer - ตอนที่ 269
Chapter 269: ไม่กลัวต่อความยากลําบาก
หลังจากที่บอสทั้งสี่ตัวล้างสมองมอนสเตอร์เสร็จแล้ว พวกมันทั้งสามหมื่นตัวก็ได้รับบัฟพร้อมกับแสงสีเขียวสว่าง มันเป็นฉากที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างมาก
เมื่อมอนสเตอร์เข้ามาใกล้ ทุกคนก็บัฟพวกเขาเองและยกโล่ของพวกเขาขึ้นและเตรียมที่จะโจมตี
หลังจากที่มอนสเตอร์เข้ามาในระยะของนักธนู ไร้ความกลัวก็ออกคําสั่งในช่องแชทกิลด์ “เอาละ ไปกันเถอะ!”
ในเวลาเดียวกัน เขาก็ทําแบบเดียวกันในช่องแชทกลุ่ม “นักธนู คุ้มครองพวกเราด้วย!”
หลังจากที่ไร้ความกลัวโบกคทา กลุ่มทั้งสี่กลุ่มของสมาชิกนิกายซวนเฉินก็พุ่งเข้าใส่บอส
“ซื้อ? คุ้มครอง? เขาหมายความว่าอะไรกัน?” คนของพันธมิตรอันนองเลือดสับสน มันเป็นเรื่องที่น่ามหัศจรรย์แล้วที่พวกเขาจะล่อมอนสเตอร์พวกนี้ไว้ได้ ทําไมไร้ความกลัวถึงร้องขอการคุ้มครองกัน?
ในเวลาเดียวกัน สมาชิกของนิกายซวนเฉินก็อยู่ท่ามใกลางมอนสเตอร์ที่สู้กับพวกมันแล้ว
“เหี้..เอ้ย! พวกเขาต้องการที่จะตายงั้นเหรอ?”
ทุกคนจากพันธมิตรอันนองเลือดต่างตกตะลึง รวมทั้งธงสงครามอันนองเลือดด้วยเช่นกัน
เหี้..เอ้ย มันมีมอนสเตอร์ถึงสามหมื่นตัว แม้ว่าพวกมันจะแยกตัวกัน จํานวนของพวกมันก็ไม่สามารถที่จะดูถูกได้เลย มอนสเตอร์เหล่านี้ต่างมีระดับ 34 และพร้อมกับบัฟของพวกมันแล้ว แม้กระทั่งนิกายซวนเฉินก็ไม่สามารถที่จะเอาชีวิตรอดได้
อย่างไรก็ตาม ความจริงก็ทําลายการคาดการณ์ของสมาชิกพันธมิตรอันนองเลือดไป สมาชิกของนิกายซวนเฉินต่างรุดหน้าไปเหมือนกับมีดที่กรีดไปที่เนย แทนที่จะโดนรุมจนตาย
“โคตรแกร่ง! พวกเขาคิดเหี้..อะไรกันอยู่เนี่ย?”
{REBIRTH} นั้นเปิดมาสักพักหนึ่งแล้ว และทุกคนก็เริ่มที่จะคุ้นเคยกับกับเกมนี้แล้ว ผู้เล่นส่วนใหญ่ก็มีความสามารถในการสังหารมอนสเตอร์ที่มีระดับสูงกว่าพวกเขา อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อที่นิกายซวนเฉินสามารถที่จะกําราบมอนสเตอร์เหล่านั้นได้
ธงสงครามอันนองเลือดพูดไม่ออก
“อะไ..ไร้ความกลัวเป็นชายที่น่าหวาดกลัวที่คิดกลยุทธ์นี้ออกมาได้”
สตอร์มทิงเกอร์เป็นชายที่เรียนรู้เร็ว เขาก็เริ่มที่จะตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้
“อะไรนะ?”ธงสงครามอันนองเลือดถาม “นายหมายความว่าอะไร?”
“ธงสงคราม นายไม่สังเกตเห็นเหรอว่ามันไม่ได้มีมอนสเตอร์มากสักเท่าไหร่ที่สู้กับพวกมัน” สตอร์มบังเกอร์อันนองเลือดตอบกลับ
“ใช่เหรอ?” ธงสงครามอันนองเลือดกดรีบมองไปยังตําแหน่งของสตอร์มบังเกอร์อันนองเลือดที่พูดออกมา
ทั้งสองคนอยู่ตรงฝั่งซ้ายของประตู สมาชิกของนิกายซวนเฉินที่อยู่ที่นี่มีเพียงแค่หมิงตูและหยางนัว เพียงแค่สตอร์มบังเกอร์อันนองเลือดพูดเสร็จ ทั้งสองคนก็เริ่มสู้กับมอนสเตอร์นับสิบตัว
“เหี้..อะไรวะเนี่ย?” ธงสงครามอันนองเลือดก็ตะโกนออกมา “นี่มันเวทย์มนต์หรือเนี่ย?”
“ไม่ใช่!” สตอร์มบังเกอร์อันนองเลือดอธิบาย “มอนสเตอร์เหล่านี้ตั้งวงล้อมที่ใหญ่มากเกินไปและทําให้รูปแบบของมันอ่อนแอ
พื้นที่ส่วนกลางของผู้เล่นนั้นมีขนาดเท่ากับสํานักงานกิลด์ซึ่งถูกตัดสินจากจํานวนของผู้เล่นในกิลด์
เมื่อนิกายชวนเฉินทําเควสป้องกันสํานักงานกิลด์ของพวกเขา สํานักงานกิลด์ของพวกเขาก็ยึดครองเกือบไป 10% ของหุบเขารุ่งสางโดยคนแค่แปดคน
พันธมิตรอันนองเลือดมีสมาชิกในกิลด์หลัก ห้าร้อยคน สํานักงานกิลด์ของพวกเขาจะต้องใหญ่เท่ากับหมู่บ้านอย่างแน่นอน เพื่อที่จะทําให้เพียงพอต่อผู้คนห้าร้อยคนควบคู่ไปกับสิ่งอํานวยความสะดวกและห้องสําหรับทํากิจกรรม
แม้กระทั่งแผนที่ใหญ่ๆอย่างหุบเขาไวเปอร์ สํานักงานกิลด์ของพันธมิตรอันนองเลือดก็ใช้ไป 20% ของแผนที่
ถึงแม้ว่าสํานักงานกิลด์นั้นจะเป็นตึกสี่เหลี่ยม แต่มอนสเตอร์ที่ล้อมรอบพวกเขาเป็นวงกลม นั่นหมายความว่าแถวของมอนสเตอร์จะต้องเป็นมีความยาวกว่าสํานักงานกิลด์คูณด้วยพาย
เนื่องจากจํานวนของมอนสเตอร์ วงล้อมขนาดใหญ่นั้นหมายความว่ามันมีพื้นที่ไม่กี่เมตรที่จะมีมอนสเตอร์ในแต่ละส่วนของวงกลม นั่นทําให้รูปแบบของมันอ่อนแอ
นอกจากนี้ มอนสเตอร์สามารถที่จะโจมตีได้เพียงผ่านประตูเท่านั้น ตราบเท่าที่นิกายซวนเฉินสามารถที่จะหลบหลีกการโจมตีของมอนสเตอร์ในแต่ละฝั่งได้ พวกเขาก็จะสามารถสู้กับมอนสเตอร์นับสิบตัวได้
ธงสงครามอันนองเลือดประทับใจกับกลยุทธ์ของพวกเขา เมื่อเขาเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น “มีเพียงแค่กลุ่มคนจากนิกายซวนเฉินเท่านั้นที่สามารถทําเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาได้ ถ้ามันเป็นคนอื่นแล้วละก็ พวกเขาก็จะต้องราดไปแล้วแน่ๆ” เขาชื่นชม
“ถูกแล้วครับ ไร้ความกลัวเป็นอัจฉริยะที่คิดแผนแบบนี้ออกมาได้”สตอร์มบังเกอร์ก็ประหลาดใจด้วยเช่นกัน
ในตอนแรกพวกเขาจะสร้างสํานักงานกิลด์ขึ้นมาโดยไม่ใช้พื้นที่สูงเพื่อทําให้วงล้อมของมอนสเตอร์ที่ล้อมรอบสํานักงานกิลด์อ่อนแอลงไป
หลังจากนั้น พวกเขาก็ค้นพบจุดอ่อนของระบบแอคโกรของมอนสเตอร์ และเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ตรงๆโดยปราศจากความสูญเสีย
แต่จุดอ่อนของแผนการนี้ก็เด่นชัด นอกจากความเสี่ยงแล้ว ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะต้องเพียงพอกับมัน เพื่อที่จะควบคุมสนามรบและใช้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งของเขาให้ดีที่สุด นั่นหมายความว่าไร้ความกลัวจะต้องมีประสบการณ์ในการต่อสู้ที่มีจํานวนของศัตรูมากกว่ามาแล้ว
“นี่มันมากเกินไปจริงๆ”
สตอร์มทิงเกอร์เป็นชายที่มีความมั่นใจในความชาญฉลาดของตัวเอง อย่างไรก็ตามหลังจากเห็นสิ่งที่ไร้ความกลัวทํา เขาก็สูญเสียความรู้สึกนั้นไป
“แผนการต่อไปก็น่าจะป็นการแยกบอสออกจากลูกน้องของพวกมัน”
ความตั้งใจของการกระทําของนิกายซวนเฉินนั้นเห็นได้อย่างเด่นชัดแล้วในตอนนี้ สตอร์มบิงเกอร์ก็รีบออกคําสั่งในช่องแชทกลุ่ม “นักธนู เล็งมอนสเตอร์เพื่อที่จะดึงดูดแอคโกรของพวกมันไว้ แต่อย่าโจมตีบอส!”
นักธนูที่อยู่ตรงประตูซ้ายก้รีบทําตามคําสั่งอย่างรวดเร็ว พวกเขาก็สามารถดึงดูดแอคโกรของมอนสเตอร์เข้าใส่สํานักงานกิลด์และล่อพวกมันออกห่างจากหมิงตูและหยางทั่วไป
ผู้นําของประตูอื่นก็รีบทําตามและก็ลดแรงกดดันอันหนักหน่วงที่กดลงบนบ่าของสมาชิกนิกายซวนเฉินได้อย่างมากมาย
“ทําได้ดีมาก สตอร์มบังเกอร์!”ไร้ความกลัวตอบกลับในช่องแชท สตอร์มบังเกอร์ก็รู้สึกถึงดีขึ้นอย่างฉับพลันจากการชื่นชมของไร้ความกลัว “เนื้อะไรวะเนี่ย ฉันเริ่มที่จะนับถือไอ้บัดซบนี่เป็นไอดอลไปแล้ว…” สตอร์มบังเกอร์รู้สึกไม่สบายใจและก็คิดกับตัวเอง
สตอร์มบังเกอร์ไม่ใช่เพียงคนเดียว แม้กระทั่งผู้เล่นที่ด่าไร้ความกลัวก็เริ่มรู้สึกนับถือสมาชิกของนิกายซวนเฉินด้วยเช่นกัน
สุดท้ายแล้วมันก็เป็นแค่เกมเกมหนึ่ง ผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดต่างได้รับความนับถือ มันเป็นเรื่องธรรมดาในการนับถือใครบางคนที่ทําบางสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถทํามันได้
สมาชิกทั้งสิบคนของนิกายซวนเฉินต่างโจมตีมอนสเตอร์นับพันตัวและทําให้ผู้เล่นของพันธมิตรอันนองเลือดต่างเลือดร้อนไปตามๆกัน พวกเขาก็หลุดพ้นจากความหวาดกลัวและเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้น
นอกจากการยั่วยุของไร้ความกลัวก่อนหน้านี้ ฝูงชนก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจในการเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์อยู่ดี
อย่างไรก็ตาม ความกล้าหาญของสมาชิกนิกายซวนเฉินนั้นทําให้ผู้เล่นพันธมิตรอันนองเลือดต่างมีความมั่นใจ
“เหี้ยเอ้ย ถ้าพวกเขาสิบคนกล้าที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูนับหมื่นคนแล้วละก็ พวกเราจะกลัวอะไรละ เมื่อพวกเรามีคนมากกว่าพวกเขาเสียอีก!”