MMORPG: Martial Gamer - ตอนที่ 284
Chapter 284: หวังหยู่ที่ถูกทอดทิ้ง
“เหี้.. ฉันลืมไอ้โง่สองตัวนี้ไปเลย!”
โรลลิ่งมาริโอตะโกนด้วยความกราดเกรี้ยว เมื่อเขาได้ยินเสียงของยาม เขาก็รีบถอยหลังหลบพวกเขาไปในทันที
ในขณะที่หวังหยู่กําลังอยู่กลางอากาศ บาเรียแห่งความมืดก็ลอยขึ้นและยามก็เข้ามาใกล้เขาในเวลาเดียวกัน
ยามนั้นมีระดับที่มากกว่า 200 พวกเขามีความสามารถในการสังหารเทพเจ้าและปีศาจได้ เพียงแค่บาเรียแห่งความมืดงอกง่อยก็ไม่สามารถที่จะหยุดพวกเขาได้
บาเรียแห่งความมืดก็พังลง เมื่อยามเหยียบลงไปบนพวกมัน
ตั้งแต่ที่ยามมีระดับสูงเกินกว่าระดับของผู้เล่น สกิลควบคุมสถานะผิดปกติก็ไม่ทํางานกับพวกมัน มันไม่ผิดอะไร ถ้าพวกเขาสามารถที่จะทําลายบาเรียได้อย่างง่ายดาย
เมื่อยืมแรงจากยาม หวังหยู่ก็ลอยถอยหลังอีกครั้งหนึ่ง
หวังหยู่ยังอยู่ภายใต้การโดนใบ้อีกกว่าห้าสิบวินาที เขาจะต้องใช้อีกวิธีหนึ่งในการหลบหนีจากยาม ตั้งแต่ที่เขาไม่สามารถใช้สกิลได้
เขายังพยายามควบคุมสมดุลของตัวเองกลางอากาศและก็หล่นลงบนหัวของผู้เล่นคนหนึ่งอย่างนุ่มนวล
ยามนั้นเล็งไปที่หวังหยู่และไม่สนใจใครก็ตามที่อยู่ใต้ร่างของเขา ยามก็พุ่งเข้าใส่หวังหยู่และ แทงหอกของพวกเขาและผู้เล่นที่อยู่ด้านล่างหวังหยู่ก็เปลี่ยนกลายเป็นฝุ่น
หวังหยู่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากวิ่งหนีไปบนหัวของผู้เล่น เมื่อยามตามติดหวังหยู่ไป แสงสีขาวก็สว่างขึ้นในทุกๆที่ที่หวังหยู่ไปและไม่มีใครรอดชีวิตจากยาม
ตั้งแต่ที่โบสถ์เป็นจุดเกิดสําหรับผู้เล่น มันก็มีผู้เล่นบางคนที่โชคร้ายพอที่จะตายอีกครั้งหลังจากที่พวกเขาเกิดขึ้นมาใหม่
เนื่องจากการกระทําอันกล้าแกร่งของหวังหยู่ ผู้เล่นทุกคนก็ได้ลิ้มรสความแข็งแกร่งของทหาร และสามารถทําได้เพียงวิ่งหนีและหลบซ่อน
โรลลิ่งมาริโอก็หลบหนีไปยังพื้นที่ปลอดภัยในจังหวะที่หวังหยู่หลบหนีจากกับดักของเขา ใบหน้าของเขาซีดเผือด เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนนั้นกลับไปเกิดใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าแล้วก็โดนสังหารไปอย่างต่อเนื่อง
เขาคิดว่าการรุมหวังหยู่ด้วยผู้เล่นนับสิบคนก็เป็นเรื่องที่น่าชมเชยสําหรับหวังหยู่แล้ว เขาไม่เคยคิดเลยว่าหวังหยู่จะถูกทนมากกว่าในเรื่องราวที่เล่าๆกันมา
นักต่อสู้และนักเวย์นั้นคล้ายคลึงกัน พวกเขาทั้งคู่นั้นต่างพึ่งพาสกิลของพวกเขาอย่างมาก ยังไงก็ตามกระทิงเหล็กก็สามารถที่จะหลบหนีและโต้ตอบได้โดยปราศจากการใช้สกิล หวังหยู่นั้นเปลี่ยนมุมมองต่อความเป็นจริงของโรลลิ่งมาริโอไปอย่างสมบูรณ์
โรลลิ่งมาริโอไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าหวังหยู่นั้นใช้ศิลปะการต่อสู้ แต่เขาก็ดีพอที่จะบอกได้ว่าการควบคุมของหวังหยู่นั้นเกินความเข้าใจของนักต่อสู้ธรรมดาทั่วไป
“เขาทําแบบนั้นได้ยังไงกัน…นักต่อสู้มันเล่นยังงั้นได้ยังไงกัน?” ความคิดของโรลลิ่ง มาริโอยุ่งเหยิงไปหมด
“เฮะเฮะ นั่นคือที่ที่นายซ่อนตัวอยู่สินะ!”
ในขณะที่โรลลิ่งมาริโอจมอยู่ในความคิด เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะ เมื่อเขามองขึ้นไปก็เห็นหวังหยู่กําลังเหยียบหัวของทุกคนมาทางเขา
ยามก็หันกลับไปแทงและพุ่งเข้าใส่ เพียงแค่นั้นกลุ่มผู้เล่นก็ตายกันอีกครั้งหนึ่ง
โรลลิ่งมาริโอตื่นตระหนกและเริ่มที่จะวิ่งหนีไป “พี่กระทิง…ผมนั้นที่จริงแล้วเป็นแฟนคลับ พี่…”
“แฟนคลับแม่มึงสิ นายเกือบที่จะทําให้ผมโดนฆ่า!” มาริโออาจจะหลอกคนอื่นได้ แต่หวังหยู่ เป็นสมาชิกของนิกายซวนเฉินและเขาก็จะไม่โดนหลอกง่ายๆอย่างแน่นอน
ยามนั้นอยู่ห่างจากหวังหยู่ไม่ถึงห้าเมตร
หวังหยู่กระโดดและลงบนพื้นด้านหน้าของโรลลิ่งมาริโอ
“พี่กระทิงลุงกระทิง…เฮ้อ..เหี้..เอ้ย!”โรลลิ่งมาริโอร้องขอความเมตตา
หวังหยู่เมินเขาและพลิกตัวเขาลงกับพื้นและหวังหยู่ก็จับไปที่ขาของมาริโอและลากเขาไปหายาม
เมื่อยามกําลังจะถึงตัวเขา หวังหยู่ก็ขว้างมาริโอเข้าใส่พวกเขาและพุ่งหลบไปที่ด้านห ลังของพวกเขา
มาริโอนั้นไม่สามารถที่จะหลบได้อย่างหวังหยู่ ตั้งแต่ที่หวังหยู่ลากขาของมาริโอ ขาของมาริโอก็เปิดออกกว้าง เมื่อเขาโดนขว้างไป ยามก็แทงเข้าไปที่หว่างขาของเขาโดยปราศจากความเมตตา
ผู้เล่นทุกคนที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกลับมาริโอก็หน้าซีดและเงียบกริบ เมื่อพวกเขาหันไปมองหวังหยู่อีกครั้งหนึ่ง พวกเขาก็แสดงออกถึงความตื่นตระหนก
หลังจากที่มาริโอเกิดขึ้นมา เขาก็ยังดูเหมือนคนตายอยู่และก็นั่งกุมไข่ด้วยท่าทางที่น่าสงสาร และสกิลใบ้ที่ใช้ใส่หวังหยู่ก็หมดลงด้วยเช่นกัน ความแข็งแกร่งที่หวังหยู่แสดงออกมาทําให้ผู้เล่นนั้นตกสู่ความหวาดกลัวและพวกเขาก็เปิดเส้นทางให้กับเขา
หวังหยู่ก็ใช้คอมโบสกิลการเคลื่อนที่อีกครั้งหนึ่งและพุ่งตรงไปยังทางออก หลังจากนั้นเขาก็เปิดประตูและเดินจากไป ในขณะที่ทุกคนกําลังจ้องมายังเขาและเหลือทิ้งไว้เพียงแค่กลุ่มผู้เล่นที่ดูสติแตก หลังจากที่โดนจัดการอย่างหนักหน่วงโดยหวังหยู่และยามสองคนก็ทําตัวเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผู้เล่นสามารถทําได้เพียงบ่นใส่ เมื่อพวกเขามองไปยังยามโง่ทั้งสองคน
พวกเขาทั้งสองคนนั้นเป็นNPCที่มีสติปัญญาระดับต่ํา การดุด่าพวกเขานั้นเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์ สําหรับการทําร้ายพวกเขาแล้วงั้นเหรอ…เอิ่ม ถ้าเบื่อการใช้ชีวิตอยู่แล้วละก็ก็ทําได้
หวังหยู่ก็หงุดหงิดด้วยเช่นกัน ใครก็ตามที่ได้รับประสบการณ์เช่นเขาก็คงหงุดหงิดด้วยเช่นกัน
สําหรับฝายมืด มันก็ไม่มีทางที่หวังหยู่จะหน้าด้านพอที่จะเข้าร่วมกับพวกเขา
บอสของฝายมีดเคยอ้อนวอนขอให้หวังหยู่เข้าร่วมกับฝ่ายของพวกเขา แต่หวังหยู่ก็ปฏิเสธเขาไว้ การกลับไปและขอเข้าร่วมกับพวกเขานั้นเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากเกินไป
ไม่ต้องพูดถึงการเข้าร่วมฝ่ายมืดนั้นหมายถึงการสิ้นสุดความสัมพันธ์กับนิกายซวนเฉินเลย หวังหยู่ก็เลือกที่จะไม่เข้าฝ่ายมืดด้วยเหตุผลนั้นเพียงข้อเดียวอยู่แล้ว
“เหี้…ฉันถูกทิ้งไว้บนโลกใบนี้งั้นเหรอ?” หวังหยู่ตะโกนออกมาอย่างกราดเกรี้ยว เขาพึ่งจะพูดออกมาว่าพวกคิดนอกกรอบนั้นเป็นพวกงเง่า และในตอนนี้เขาก็กลายเป็นหนึ่งในพวกเขา มันเป็นเวรกรรมที่เลวร้ายมากที่สุด