Monster Pet Evolution – วิวัฒนาการสัตว์เลี้ยงกลายพันธุ์ - ตอนที่ 114
ระหว่างกลับบ้านเกาเผิงได้พบกับลุงหลิวพอดี เขากำลังเดินเล่นกับแมวดำตัวหนึ่ง ยาว 2เมตร สูง 1เมตร รูปร่างคล้ายกับเสือดำเลย มันมีดวงตาสีเขียว
“สวัสดีครับลุงหลิว พาแมวมาเดินเล่นเหรอครับ” เกาเผิงกล่าวอย่างอารมณ์ดี เพราะเขาเพิ่งได้เงินมา 500เครดิตพันธมิตรมาฟรีๆ หัวหน้าเฉินนี่ใจดีจริงๆ
“อ้าวหวัดดีเกาเผิง ฉันมาออกกำลังน่ะหลังอาหาร” ลุงหลิวกล่าว
เกาเผิงเหลือบไปมองแมวของลุงหลิว เขาคิดว่ามันเป็นแค่แมวธรรมดา แต่พอได้ข้อมูลมาเขาก็ตกใจ
[ชื่อสัตว์อสูร] แมวเงาราตรี
[เลเวล] 36 (ชนชั้นนักรบ)
[ระดับ] สมบูรณ์
[ทักษะ] อำนาจแห่งเงา เลเวล 2
[จุดอ่อน] กัญชาแมวใบขาว หากมันบริโภคเข้าไปจะทำให้แขนขาอ่อนเปลี้ยไม่มีแรงและจะทำให้เกิดสภาวะที่คลุมเครือ
‘สภาวะที่คลุมเครือมันคืออะไรน่ะ’ เกาเผิงมองอย่างสงสัย
“แมวของลุงดูดีมากเลยครับ” เกาเผิงพูดขณะที่จ้องไปที่มัน
ไม่รู้ว่าลุงหลิวใช้เวลาไปเท่าไหร่ที่ทำให้แมวเงาราตีตัวนี้มีเลเวล 36ได้ ต้องใช้ความพยายามและความอดทนสูงมาก
ในชนชั้นนักรบที่มีเลเวล 21 ถึงเลเวล 40 สำหรับเลเวล 36 ถือว่าเป็นช่วงที่แข็งแกร่งที่สุดของชนชั้นนักรบ
“มันก็แค่แมวธรรมดาๆ สกปรกตัวหนึ่งเท่านั้นเอง ฉันเพิ่งทำพันธะสัญญาเลือดกับมันมาสักพักแล้วล่ะ ฮ่าๆ ดูสิที่จมูกมันยังมีเศษขี้มูกอยู่เลย มันซกมกแค่ไหน” ลุงหลิวหัวเราะ
ในทันนั้นแมวเงาราตรีก็หยุดเดิน
มันยืนอยู่ตรงนั้นมองลุงหลิวอย่างเย็นชาและโมโห ไม่ว่าลุงหลิวจะสั่งมันยังไงก็ไม่ยอมไป
ลุงหลิวหัวเราะกับท่าทางของมัน “น่าๆอย่าโกรธฉันเลยที่ฉันพูดไปเมื่อกี้ เราก็รู้จักกันมานานแล้วนี่”
มันส่งเสียงไม่พอใจ จากนั้นก็เดินไปสวนข้างๆด้วยท่าทางที่สง่างาม ด้วยเงามืดของต้นไม้ทำให้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“เป็นแมวที่แปลกๆ ดีนะครับ” เกาเผิงพูดแก้ขัด เขาไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
“เจ้าซอฟตี้จริงๆมันแข็งแกร่งมากและสามารถพรางตัวในความมืดได้ดี แต่ข้อเสียของมันคือขี้โมโหไปหน่อย” ลุงหลิวชินกับท่าทีแบบนี้ของมันแล้ว
ทุกๆคนมักจะพูดว่าแมวนั้นเป็นสัตว์อสูรที่ดูแลยากมาก ในตอนแรกเขาก็ไม่เชื่อ แต่ตอนนี้เขาเชื่อสนิทใจแล้ว
“เอ๋ แมวตัวนี้ชื่อซอฟตี้เหรอครับ” เกาเผิงประหลาดใจที่ชื่อของมันไม่เข้ากับนิสัยของมันเลย
“มันมีอารมณ์ฉุนเฉียวตั้งแต่เด็กๆแล้ว ฉันเลยตั้งชื่อแก้เคล็ดเพื่อหวังว่ามันจะอ่อนโยนลงบ้าง” ลุงหลิวอธิบาย
“บางทีคุณอาจจะทำให้มันอารมณ์เสียบ่อยๆก็ได้นะครับ” เกาเผิงรู้สึกไม่มีเรื่องคุยกับลุงหลิวแล้ว จึงขอตัวกลับอพาร์ทเม้นท์ทันที
“อ่อใช่ เดี๋ยวสิเกาเผิง” ลุงหลิวเรียกเกาเผิง “ทำไมเสี่ยวเพิงไม่ไปอยู๋ที่คฤหาสน์ที่ชานเมืองซะทีล่ะ ไม่ใช่ว่าหลานซื้อมันไว้เหรอ”
เกาเผิงประหลาดใจ “ลุงก็รู้เรื่องด้วยเหรอ” แต่ด้วยตัวตนของเขาจึงไม่แปลกที่เขาจะรู้เรื่องคฤหาสน์ของเขา
เกาเผิงรู้สึกหนักใจในเรื่องคฤหาสน์แต่ไม่รู้จะปรึกษาใครดี “ลุงหลิวไม่ใช่ว่าผมจะอยากไปอยู่ที่นั่น ที่ผมไม่ย้ายไปซะทีก็เพราะผมรู้สึกว่ามีคนหมายหัวผมอยู่”
ลุงหลิวตกใจ “เรื่องมันเป็นมายังไง” น้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนจริงจังทันที
เกาเผิงก็เกี่ยวกับที่มีคนโทรเรียกเขาออกมาวันนั้น
หลังจากที่ลุงหลิวได้ฟังเรื่องราวของเกาเผิง เขาก็เข้าใจเกาเผิงทันที
‘เขาอยู่ตัวคนเดียวแบบนี้ เมื่อเกิดเรื่องขึ้นเขาไม่รู้จะปรึกษาใคร เลยต้องหาทางออกด้วยตัวเอง’
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเกาเผิงรู้สึกหวาดกลัวแบบนี้ เขาไม่เคยเห็นด้านนี้ของเกาเผิงเลย
“ลุงไม่คิดว่าเสี่ยวเผิงจะหวาดกลัวได้ขนาดนี้นะ แต่ไม่ต้องกังวลไปเรื่องนี้ได้ถูกคลี่คลายแล้ว” ลุงหลิวได้ลองพูดกระตุ้นเกาเผิงที่รู้สึกอยู่กลัวอยู่เพื่อดูท่าทีของเขา
เกาเผิงตอบโต้ทันที “ผะ ผมไม่ได้กลัวซะหน่อย ก็แค่ต้องรอบคอบเท่านั้นเองนะครับ”
ลุงหลิวหัวเราะเสียงดังและตบบ่าของเกาเผิง “เอาเถอะๆ การตั้งตนให้ไม่อยู่ในความไม่ประมาทเป็นสิ่งที่ดี จะทำให้เธอเอาตัวรอดจากสถานการณ์ร้ายๆออกไปได้”
เกาเผิงรู้สึกว่าเขากำลังโดนลุงหลิวปั่นหัวอยู่รึเปล่า
จากนั้นลุงหลิวก็หยุดยิ้มและก็พูดอย่างจริงจังทันที “ตอนนี้หลานใกล้เจอปัญหาที่ใหญ่กว่าที่หลานคิด”
เกาเผิงไม่รู้ว่าปัญหาของลุงหลิวที่ว่าคืออะไร อาจจะเป็นคนที่ล่วงรู้ถึงความสามารถของเขาและต้องการใช้ประโยชน์จากจุดนี้
“หลานต้องระวังให้มากกว่านี้” ลุงหลิวกล่าวอย่างหนักแน่น “และลุงจะช่วยหลานจัดการกับปัญหาที่ว่านั่นด้วย ฉะนั้นหลานไม่จำเป็นต้องกังวลไป”
เกาเผิงพยักหน้า “แล้วปัญหาที่ว่ามันคืออะไรเหรอครับ”
“เดี๋ยวลุงจะบอกให้เธอรู้เองเมื่อถึงเวลา” ลุงหลิวตอบ
เกาเผิงเงียบไม่พูดอะไร เขามองลุงหลิวที่อยู่ตรงหน้า เพื่อมอง [สถานะ] ของเขา
‘ความสุขอย่างลับๆ’
นี่คือข้อมูลที่เกาเผิงได้รับ ‘ฉันไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร แต่สิ่งที่ลุงหลิวพูดมาคงไม่ใช่เรื่องโกหกแน่’
เกาเผิงมองไปที่หลังของลุงหลิวที่เดินออกไป ภาพของเขาเป็นแค่ชายวัยกลางคนที่ดูโดเดี่ยวเท่านั้น…..
…..
เมื่อกลับมาถึงที่ห้อง เกาเผิงนึกถึงปฏิกิริยาของลุงหลิวที่เล่าเรื่องที่มีคนโทรเรียกเขาออกไป เขาดูจริงจังและซีเรียสมาก แต่ความจริงถึงจะไม่มีเหตุการณ์นั้นเกาเผิงก็ไม่สามารถไปที่คฤหาสน์นั้นได้อยู่ดี ก็เพราะว่าที่นั่นอยู่ในชานเมือง การเดินทางเลยไม่สะดวกสบายมากนัก เขาจำเป็นต้องมีรถซะก่อนถึงจะย้ายไปอยู่ที่นั้นได้
เขาเคยที่จะหารถมาขับมาตั้งนานแล้ว เขาสนใจในรถบรรทุกรุ่น แบล็คดราก้อนซีรีย์ 3 หนึ่งในรุ่นที่คลาสสิคที่สุด
รถบรรทุกคันนี้มีล้อทั้งหมด 16ล้อ รองรับตู้ขนาดใหญ่ได้ดีสามารถถอดประกอบเพื่อปรับเปลี่ยนได้ มีแนวป้องกันรอบตัวรถถึงสองชั้น รูปร่างมันดูเรียบง่ายและแข็งแรง
ที่นั่งคนขับก็กว้างขวาง ใหญ่กว่ารถออฟโร้ดทั่วไปสักเล็กน้อย และการตกแต่งภายในหรูหรามาก หนึ่งคันราคาตกอยู่ที่ 6ล้านเหรียญพันธมิตร
เขาสามารถบรรทุกสัตว์อสูรของเขาไปไหนมาไหนตามที่ต้องการได้
เกาเผิงคลิกไปที่เว็บไซด์ซื้อขายของรถคันนี้ และกดสั่งทันที เขาดำเนินการซื้ออย่างรวดเร็วมาก
หลังจากมหาภัยพิบัติ ทำให้เกณฑ์การสอบใบขับขี่ลดสองปี ทำให้อายุ 16ปีก็สามารถทำใบขับขี่ได้แล้ว เกาเผิงได้สอบใบขับขี่มาแล้วเมื่อสองปีก่อนแต่ตอนนั้นเขายังไม่มีรถ แต่อย่างไรก็ตามการจะขับรถบรรทุกเขามาในเมืองนั้นจำเป็นต้องได้รับอนุญาตเสียก่อน ดังนั้นเขาจึงขับได้แค่บริเวณชานเมืองเท่านั้น เพราะแถวชานเมืองถนนกว้างขวางและสามารถขับได้สบายๆสำหรับมือใหม่หัดขับ