Monster Pet Evolution – วิวัฒนาการสัตว์เลี้ยงกลายพันธุ์ - ตอนที่ 117
“ขอให้โชคดีในการสอบของคุณ” ทันใดนั้นเจ้าหน้าที่ก็พูดให้กำลังใจเกาเผิง
ใบหน้าของเกาเผิงที่นิ่งๆก็คลายลงและเขาก็กล่าวว่า “ขอบคุณ”
ซิลลี่ก็โบกหนวดไปที่เจ้าหน้าคนนั้นอย่างเป็นมิตร มันอยากจะให้รางวัลแก่เขา
“พอแล้ว แกไม่ต้องโบกมือให้ใครต่อใครก็ได้ เราไม่ได้มาจ่ายตลาดซื้อซอสถั่วเหลืองซะหน่อย” เกาเผิงรีบเตือนซิลลี่ไม่ให้สนใจสิ่งรอบข้างมากเกินไป
ซิลลี่รู้สึกงงๆมันก็รีบประท้วงเกาเผิงขึ้นมาทันที “ฉันไม่กิน ฉันไม่กินซอสถั่วเหลือง”
“จ้าๆฉันรู้ว่าแกไม่กินซอสถั่วเหลือง แค่บอกว่าไปซื้อซอสเฉยๆ”
ทันใดนั้นซิลลี่ก็หยุดอยู่นิ่งๆ จู่ๆมันก็รู้สึกโกรธ มันบินขึ้นไปอยู่บนศีรษะ มันมักจะทำแบบนี้บ่อยๆเมื่อมันโกรธเขา
ทหารที่อยู่แถวนั้นกำลังจะพูดบางอย่างบางแต่เกาเผิงรีบโบกมือปฏิเสธทันที และเดินจากไป
พอเดินไปได้สักพัก เกาเผิงก็พูดกับซิลลี่อย่างใจเย็นว่า “แกอยากดื่มน้ำผลไม้ใช่มั้ย?”
ซิลลี่ยกหนวดขึ้นและบินออกจากศีรษะของเกาเผิงทันที “อยากๆ”
เกาเผิงรู้วิธีง้อซิลลี่ เมื่อมันงอนหรือประสบปัญหาอะไรก็ตาม เขาก็จะเอาน้ำผลไม้มาล่อ พอมันได้ดื่มน้ำผลไม้มันก็ลืมเรื่องที่งอนไปหมดเลย
บางทีเขาก็รู้สึกอิจฉาซิลลี่เหมือนกันนะชีวิตมันไม่ต้องการอะไรมากขอแค่มีน้ำผลไม้ที่แสนอร่อยก็พอ
เกาเผิงหยิบกล่องน้ำผลไม้มาจากระเป๋า ซิลลี่ก็หยิบมาดื่มอย่างเอร็ดอร่อย มันเผอเรอเป็นฟองน้ำผลไม้ออกมา พอมันรู้เจ้านายกำลังมองมันอยู่ มันก็รีบหันหน้าหนีไปทางอื่นทันที
‘เจ้านายไม่ควรจะเห็นมัน’
เกาเผิงไม่สนใจที่มันทำเมื่อกี้ เขายกมือมาจับไปที่หนวดของซิลลี่และลากมันมา อย่างกับเกาเผิงกำลังลากลูกโป่งสีเขียวอยู่ยังไงยังงั้น
เกาเผิงหยิบแผ่นหมายเลขของเขามา เขาได้หมายเลข A5 เขาไม่รู้ว่าตัวเลขหมายถึงอะไร แต่A น่าจะหมายถึงสนามแข่งขัน A ล่ะมั้ง
เนื่องจากสนามสอบที่นี่มีพื้นที่กว้างมาก กว้างขนาดเขาต้องนั่งรถเพื่อไปสนามสอบของเขา
เจ้าหน้าที่ที่คุมสอบส่วนใหญ่เป็นคนจากกองทัพ มันก็บอกยากว่างานใหญ่แบบนี้จะไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงใดๆ เนื่องจากมีเพียงกองทัพเป็นผู้คุมการสอบนี้อย่างเบ็ดเสร็จ
เกาเผิงใช้เวลานั่งรถถึง 10นาทีเพื่อไปถึงสถานที่สอบของเขา นี่ที่เต็มไปด้วยนายทหารที่เต็มเครื่องแบบเต็มยศ
เกาเผิงพบว่าสนามสอบที่นี่ใหญ่กว่า สนามสอบ B และ C อีก ที่สองสนามสอบนั้น ผู้เข้าสอบต้องผลัดกันเข้าไปท้าทายสัตว์อสูรข้างใน และการต่อสู้แต่ละครั้งก็กินเวลาไป 2ชั่วโมง และพักอีกครั้งชั่วโมง
แน่นอนว่าหากผู้เข้าสอบมีสัตว์อสูรเพียงแค่ตัวเดียว สู้เสร็จก็กลับบ้านได้เลย
‘A, B, C การจัดกลุ่มแบบนี้คงไม่ได้แบ่งตามชนชั้นใช่มั้ย’ เกาเผิงคิด
‘หากมีใครนำสัตว์อสูรชนชั้นราชวงศ์มา ก็คงต้องมีสนามสอบ S แน่ๆ’ เกาเผิงรู้ว่าเขาคงคิดมากเกินไป ไม่มีทางที่คนทั่วไปจะมีสัตว์อสูรเลเวลที่สูงแบบนี้แน่ๆ
ผู้เข้าสอบเอนทรานซ์นี้มีอายุระหว่าง 17 ถึง 19 ปี คนที่รีไทร์มาสอบก็มีเช่นกัน
เกาเผิงเข้าไปในสถานที่สอบของเขา ที่นี่กว้างพอๆกับฟุตบอลเลย มีมีกำแพงสูงถึง 5เมตรล้อมรอบที่นี่ไว้
เขาสังเกตเห็นว่ามีที่สนามประลองของผู้เข้าสอบ 8ที่จัดอยู่ในสนามสอบแห่งนี้ แสดงว่านอกจากเขาแล้วก็ยังมีผู้ฝึกสอนสัตว์อสูรอีก7คนที่มีสัตว์อสูรชนชั้นนักรบ
เกาเผิงรู้สึกพูดไม่ออกเลย นอกจากดัมมี่แล้วก็มีสัตว์อสูรตัวอื่นที่มีความแข็งแกร่งที่ใกล้เคียงกับมันถึง 7ตัวเลย
บนโลกนี้ไม่เคยขาดแคลนอัจฉริยะ คำกล่าวนี้ไม่ใช่คำกล่าวที่เกินจริงเลย
ถึงความความสามารถของเกาเผิงจะดูขี้โกงแต่เขาสามารถทำได้แค่เพิ่มระดับของสัตว์อสูรเท่านั้น แต่ไม่ใช่การเพิ่มเลเวล เขาอาจจะมีเงินเพื่อซื้อวัสดุดิบมาเร่งการเติบโตของมัน แน่นอนว่าพวกคนรวยก็ทำได้เช่นกัน
ยิ่งครอบครัวมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งมากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะไดวัตถุดิบหายากหรือสัตว์อสูรระดับสูงๆมาครอบครองผ่านเส้นสายของพวกเขา ยกตัวอย่างเฉินฮั่วเฉียวที่ได้รับหมีประกายแสงมา หากมันโตขึ้นก็จะกลายเป็นสัตว์อสูรชนชั้นนักรบ
เกาเผิงอดรู้สึกใจหายไม่ได้ เขาต่างจากคนพวกนี้เพราะทุกอย่างที่เป็นของเกาเผิง เขาสร้างมันขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองด้วยความอุสาหะ ไม่ใช่ได้รับง่ายๆแบนคนพวกนี้ เขาสิควรจะเรียกว่าอัจฉริยะตัวจริง
เกาเผิงไปตรงที่สนามประลองที่ว่างอยู่ พอผ่านไปสักพักสนามประลองก็ถูกจับจองครบทุกอันแล้ว
ที่สนามประลองทางด้านซ้ายของเกาเผิงมีหญิงสาวสวมชุดกีฬาสีขาวยืนอยู่ ผมสีดำที่นุ่มสลวยพาดที่ไหล่ทั้งสองของเธอ เธอมีใบหน้านิ่งๆดูสงบ มีอนาคอนด้ายักษ์สีดำ ยาวกว่า 18เมตร กว้างราวๆแท้งน้ำ มันพันรอบตัวของเธอ มันมีดวงตาขนาดใหญ่สีแดงราวกับเลือด
เกล็ดของมันเปล่าประกายสีดำ ต้อนรับกับสงอาทิตย์ที่สาดลงมา
[ชื่ออสูรอสูร] อนาคอนด้าทมิฬ
[เลเวล] 25 (ชนชั้นนักรบ)
[ระดับ] สูง
ส่วนทางด้านขวาของเขามีชายสวมแว่นตาที่ท่าทางดูอ่อนโยน เขาสวมชุดลำลองแบบเรียบๆ ที่ด้านข้างของเขามีเสือยักษ์สีแดงที่ดูสะดุดตาตัวหนึ่งยืนอยู่
นี่เป็นครั้งแรกที่เกาเผิงได้เห็นสัตว์อสูรประเภทเสือ หากชายคนนี้สามารถทำให้เสือธรรมดากลายเป็นสัตว์อสูรได้แสดงว่าพื้นหลังของขายคนนี้ต้องไม่ธรรมดา
หลังจากเกิดมหาภัยพิบัติทำให้จำนวนเสือได้ลดลง ผิดกับพวกแมลงที่มีเพิ่มมากขึ้น
ตอนนี้ผู้เข้าสอบทุกคนเดินทางมาถึงสถานที่สอบครบทุกคนแล้ว
การสอบจะเริ่มตอน 9โมงเช้า
ที่สนาม A มีผู้สอบ 8คน B มีผู้เข้าสอบ 300คน และC มีผู้เข้าสอบ 661คน รวมผู้เข้าสอบทั้งสิ้น 999คน
ตอนนี้เกาเผิงรู้แล้วว่า สนามสอบได้แบ่งตามชนชั้นของสัตว์อสูรอย่างที่เขาเดาไว้จริงๆ
อย่างไรก็ตามดัมมี่ก็เป็นแค่สัตว์อสูรชนชั้นขุนนางเท่านั้น เมื่อถูกล้อมรอบสัตว์อสูรชนชั้นนักรบแบบนี้ เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นฮัสกี้ที่อยู่ท่ามกลางหมาป่าเลย
เกาเผิงไม่รู้ว่าที่สนามแห่งนี้ได้มีผู้ชมที่เป็นผู้เข้าสอบหลายพันคนได้เข้ามาเป็นผู้ชมการต่อสู้ของทั้ง 8คนในสนามสอบ A แห่งนี้
ในสนามสอบ A ได้รวบรวมเหล่าผู้ฝึกสอนสัตว์อสูรที่เก่งกาจของเมืองฉางอานเอาไว้