Monster Pet Evolution – วิวัฒนาการสัตว์เลี้ยงกลายพันธุ์ - ตอนที่ 125
‘นี่ฉันมีแม่เหล็กที่เอาไว้ดึงพวกหัวขโมยให้มาหาเขารึไงเนี่ย’ เกาเผิงเริ่มคิดว่าพวกหัวขโมยจะมาหาเขาบ่อยเกินไปแล้วนะ
เกาเผิงนั่งอยู่บนโซฟา ตรงหน้าของเขามีโจรสามคนที่กำลังคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเขา หนึ่งในพวกเขาพยายามก้มหน้าอย่างสุดฤทธิ์เพื่อไม่ให้เกาเผิงจำเขาได้
“เราเคยพบกันที่ไหนมาก่อนรึเปล่า” เกาเผิงเปิดปาดถามขึ้นมาทันที
“เป็นไปไม่ได้หรอกครับ พวกเราเพิ่งจะได้เจอกับคุณชายเป็นครั้งแรก” โจรหัวเราะกลบเกลื่อน เหงื่อไหลเต็มใบหน้าของเขา
“หืม.. คุณชายงั้นหรือ?”
โจรได้รีบปิดปากทันที เมื่อรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรบางอย่างออกไป
เกาเผิงไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร แต่วิธีเรียกเขาคุณชายแบบนี้ ทำให้เขาได้ในทันทีว่าเขาคือใคร
‘คงไม่ใช่พนักงานของร้านเฟอร์จิเจอร์ที่มาเพิ่งเมื่อนตอนเย็นๆหรอกนะ’
“งั้นฉันขอถา..” จู่ๆเกาเผิงก็ขมวดคิ้ว “ที่พวกนายเลือกที่มาปล้นฉันก็เพราะว่าฉันเป็นไอ้โง่ที่อยู่บ้านคนเดียวที่มีเงินเยอะใช่มั้ย”
จู่ๆเฟลมมี่ก็ตีปีกหัวเราะขึ้นมาทัน ถึงมันจะไม่เข้าใจแต่มันรู้สึกจี้เส้นมันมาก
ต้าซื่อยกตัวขึ้นและตบไปที่ศีรษะเฟลมมี่ มันบอกเฟลมมี่ว่า
‘แกไม่อนุญาตให้หัวเราะเจ้านาย’
“ผะ ผม..” ริมฝีปากของโจรเริ่มสั่นเทา เขาไม่มีอะไรจะแก้ตตัว เขาเริ่มทนไม่ไหว เขาใกล้จะร้องไห้ออกมาแล้ว
เขาไม่มีอะไรแก้ตัว การที่บุกเข้ามาในยามวิกาลแบบนี้ แน่นอนว่าจะมาปล้นเกาเผิงที่อาศัยอยู่คนเดียวห่างจากตัวเมืองและร่ำรวยแบบนี้ แน่นอนพวกเขามาปล้นเกาเผิงแต่เขาก็ไม่กล้าพูดออกมา หากพูดไปพวกเขาตั้งถูกฆ่าแน่ๆ
โชคดีเขาไม่ตกใจตายจากการที่จู่ๆก็มีโครงกระดูกได้โผล่พรวดมาที่ข้างหลัง เป็นภาพที่น่ากลัวมากแค่คิดก็ขนลุกแล้ว
‘ชายคนนี้ที่เก็บโครงกระดูกไว้เป็นสัตว์อสูรแบบนี้ ต้องไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน’
เกาเผิงรู้สึกอึดอัดใจ เขานวดที่ขมับของเขา พวกเขาไม่สามารถหนีไปได้ เลยคุกเข่าขอโทษยอมรับผิดต่อหน้าเกาเผิง
จริงๆเกาเผิงสามารถฆ่าพวกเขาและฝังแถวๆนี้โดยไม่ใครหาพวกเขาเจอได้เลยตลอดกาล
ถึงเขาจะเป็นคนประเภทตาต่อตา ฟันต่อฟัน แต่ถ้าเป็นไปได้เขาไม่อยากฆ่าใครโดยไม่จำเป้น
“ผมจะไม่ฆ่าพวกคุณ เนื่องจากพวกคุณแค่ต้องการมาขโมยทรัพย์เฉยๆไม่ได้หวังเอาชีวิต” เกาเผิงลุกบิดขี้เกียจอ้าปากหาว เขายังนอนไม่เต็มอิ่มเลย
พวกเขาได้ส่งสายตาขอบคุณเกาเผิงที่ปล่อยมีชีวิตรอดออกไปได้
“ต้าซื่อโทรเรียกตำรวจสิ” เกาเผิงสั่ง
ต้าซื่อรีบไปที่โทรศัทพ์และกดเบอร์อย่างรวดเร็ว
ที่สถานีตำรวจ “สวัสดีครับ มีอะไรให้พวกเราใช้บริการครับ”
“ซี่ ซี่ ฟ่อ ฟ่อ” ต้าซื่อคุยอย่างออกรสผ่านทางโทรศัพท์แต่อีกฝ่ายเงียบไปไม่คุยกับมัน ทำให้มันรู้สึกร้อนรน
ที่ตำรวจไม่เงียบไม่ตอบเพราะไม่แน่ใจว่าเขากำลังถูกโทรป่วนรึเปล่า
เกาเผิงรีบหยิบโทรศัพท์จากต้าซื่อมาทันที
‘เจ้าบื้อ ฉันแค่ให้แกกดเบอร์ให้เฉยๆ ก็พอ พวกเขาฟังแกไม่รู้เรื่องหรอก’
เกาเผิงได้โทรแจ้งตำรวจและรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด พวกเขาได้รับทราบจะรีบมาที่นี่ให้เร็วที่สุด
หลังจาก 10นาที รถตำรวจก็มาถึงที่คฤหาสน์ พวกโจรได้ถูกจับใส่กุญแจมือถึงรถตำรวจไป พวกตำรวจได้ถามคำถามเกาเผิงสักเล็กน้อย ระหว่างที่ทางตำรวจได้สอบถามเขา ทำให้ได้รู้ว่า โจรพวกนี้เป็นมืออาชีพ พวกตำรวจตามจับมานานแล้ว แต่จับไม่ได้ซะทีเพราะเขาไม่เหลือร่องรอยใดๆทิ้งไว้เลย
“ที่นี่ค่อนข้างอันตราย หากมีเรื่องอะไรโทรหาพวกเราได้เลย พวกเราจะรีบมาให้เร็วที่สุด” นายตำรวจได้เตือนเกาเผิง
เกาเผิงพยักหน้าเข้าใจ “พวกคุณเดินทางมาไกล ดื่มอะไรสักหน่อยมั้ยครับ”
“ไม่เป็นครับ ขอบคุณมาก” โทรศัพท์ดังขึ้น และเขากดรับทันทีและขอตัวเดินออกไป
“เอ ซิลลี่ไปอยู่ไหนเนี่ย” เกาเผิงพึ่งนึกได้ว่าตั้งแต่ที่กลับมาจากสนามสอบ เขาไม่เห็นซิลลี่เย แม้แต่ตอนทานข้าวด้วย
“ต้าซื่อช่วยฉันหาซิลลี่หน่อยสิ” เกาเผิงก้มไปลูบศีรษะต้าซื่อ
ต้าซื่อพยักหน้า มันคลานขึ้นไปที่ชั้น 2 สักพักมันก็ลงมาพร้อมกับแมงกะพรุนสีเขียว
เกาเผิงรู้สึกว่ามันดูค่อนข้างเงียบผิดปกติ?
“มานี่สิซิลลี่” เกาเผิงกวักมือเรียก
ซิลลี่ลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะบินไปที่ศีรษะเกาเผิง มันดูหวาดกลัวเป็นอย่างมากเหมือนที่มาอยู่กับเขาในตอนแรกๆเลย
เกาเผิงเหลือบไปมองเฟลมมี่ก็เข้าใจได้ในทันทีว่าสาเหตุที่มันกลัวขนาดนั้นเป็นเพราะอะไร เพราะเฟลมเป็นสัตว์อสูรประเภทนก เลยทำให้ซิลลี่หวาดกลัวอย่างมาก
ซิลลี่ใช้หนวดจับศีรษะของเกาเผิงอย่างแน่นหนา
เกาเผิงจ้องไปที่เจ้ากระเรียนตัวนี้ ด้วยรูปร่างและลักษณะของมัน ช่างดูคล้ายกับตัวอะไรสักอย่างที่เขารู้จักเป็นอย่างดี
‘บางทีหากฉันวิวัฒนาการมันไปเรื่อยๆ มันจะกลายเป็น…’
นกในตำนาน ไบฟ่าง(Bi Fang)
มันเป็นสัตว์มงคลในตำนานของจีน มีเรื่องเล่าขานว่ามันเป็นสัตว์เลี้ยงของเทพเจ้าสงคราม ทุกๆย่างก้าวของมันจะเป็นไปด้วยไฟที่ร้อนระอุ ตามตำนานกล่าวไว้ว่าไบฟ่างเป้นนกกระเรียนและมีขาเพียงข้างเดียว แต่ขนของมันเป็นสีฟ้าไม่ใช่สีขาวแบบเฟลมมี่
แต่ยังไงก็ตามนี่เป็นเพียงแค่ตำนานเท่านั้น
บางทีคนสมัยโบราณอาจจะเข้าใจผิดก็เป็นได้ ที่เห็นกระเรียนนอนหลับโดยยืนเพียงแค่ขาเดียว และทำให้คนที่เจอคิดเป็นตุเป็นตะว่านี่คือสัตว์ในตำนานก็เป็นได้
นี่ก็ดึกมากแล้ว เขาลูบซิลลี่ที่อยู่ศรีษะของเขาเบาๆ
“ไปนอนกันเถอะ” เกาเผิงดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ นี่ก็ตี3แล้ว นอนดึกมากๆมันไม่ดีต่อไต
…..
รุ่งเช้า
แสงแดดได้สาดส่องกระทบไปที่ดวงตาของเขา เขาลุกขึ้นอย่างสะลึมสะลือ เขาเดินไปทำอาหารอย่างง่วงๆ
ต้าซื่อที่ได้กลื่นไอร้อนของกระทะ ก็รีบเข้ามาที่ห้องครัวทันที จ้องมองแผ่นหลังของเกาเผิงด้วยสายตาที่คาดหวัง
หลังจากที่เกาเผิงทำซุปเสร็จ เขาก็เทอาหารที่เขาทำลงไปในชามของต้าซื่อ มันรีบสวาปามทันทีที่เขาเทเสร็จ
สตีปี้ก็ชามสแตนเลสของมันมาและจ้องไปที่เกาเผิงเราวกับเด็กน้อยที่กำลังรอรับอาหารกลางวันที่โรงอาหาร
ดัมมี่ได้จับลูกสนเข็ม 5อันมัดเข้าด้วยกัน พร้อมกับสูดและปล่อยควันออกมา
เฟลมมี่ที่เข้ามาเจอพวกสัตว์อสูรที่เข้าแถวเพื่อรอรับอาหาร ทำให้มันแทบจะกลั้นขำเอาไว้ไม่ไหว มันคิดว่าการกระทำของพวกมันดูโง่มาก ต้องทำตัวเรียบร้อยเพื่อจะเอาอาหารเนี่ยนะ
“เฮ้ เฟลมมี่ แกอยากจะกินซุปปลาที่ฉันทำวันนี้มั้ย กลิ่นมันหอมมากนะ” เกาเผิงชะเง้อหน้าจากห้องครัวเพื่อถามเฟลมมี่
เฟลมมี่หัวเราะเย้ย ‘อย่าได้ใจเกินไป ฉันไม่มีทางกินอาหารของแกหรอก’
จากนั้นกลิ่นหอมก็ลอยออกมาจากห้องครัวไปที่ห้องนั่งเล่นที่เฟลมมี่อยู่
เฟลมมี่ที่ได้กลิ่นที่หอมหวานนี้ มันหันไปมองที่ห้องครัวพร้อมกับกลืนน้ำลาย
‘กลิ่นของมันช่างน่าอร่อยมาก นี่เขาเป็นคนทำเองกับมืองั้นหรือ’ เฟลมมี่คิด
เกาเผิงเทซุปลงให้ถ้วยของเขาและเติมขึ้นมาชิมอย่างอร่อย เมนูในวันนี้หรูหราที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมาเลย