Monster Pet Evolution – วิวัฒนาการสัตว์เลี้ยงกลายพันธุ์ - ตอนที่ 150
“รับมาเท่าไหรก็สวนไปให้แรงกว่าที่รับอย่างงั้นเหรอ” เกาเผิงพึมพำกับตัวเอง ดวงตาของเขาก็พลันสว่างขึ้น
จีฮันอูพยักหน้าชื่นชม ดูเหมือนหลานชายของเขาจะเข้าใจสิ่งที่เขาพูด
“จริงๆ แล้วหลังจากที่ตากลับมาที่จีน ตากะจะมาหาหลานตั้งแต่ที่ตามาถึงแต่ตาทำไม่ได้ เพราะเกรงว่าตาจะนำโชคร้ายมาให้หลาน” เขาพูดอย่างจริงจัง
“ผมเข้าใจ ลุงหลิวได้บอกในเรื่องแล้วว่าทำไมตามาหาผมไม่ได้” เกาเผิงพยักหน้า
“ในช่วงที่เกิดมหาภัยพิบัติ ตาได้ติดอยู่ที่เกาะพอดี ตาได้ใช้ชีวิตที่นั่นเป็นเวลา 1ปี หลังจากนั้น ตาก็กลับมาที่จีน พอกลับมาถึงบริษัทของตาได้เปลี่ยนเจ้าของไปแล้วและการกลับมาของตาทำให้พวกมันรู้สึกไม่สบายใจ เจ้าคนพวกนั้นมันเกลียดตาเข้ากระดูกดำ พวกมันต้องการฆ่าตาให้ตายให้ได้ หึ แต่พวกมันก็ทำไม่ได้ ส่วนหลานที่ตอนนั้นยังเป็นคนธรรมดาที่ยังไม่ได้ทำพันธะสัญญาเลือด ตาเกรงว่าพลังของตาอาจไม่เพียงพอที่จะปกป้องหลานได้” จีฮันอูถอนหายใจ “ที่ตาต้องทำแบบนี้ ทั้งหมดนั่นก็เพื่อให้มั่นใจว่าหลานจะปลอดภัย”
“ยังไงหลานก็เป็นครอบครัวที่เหลืออยู่ของตา”
“เออ..คุณตาครับ เรื่องศัตรูของ..” เกาเผิงลังเลเล็กน้อย “หากมีสิ่งไหนช่วยคุณตาได้ ผมยินดีที่จะช่วยครับ เห็นอย่างนี้ผมก็เก่งพอตัวนะครับ”
จีฮันอูได้ยิ้มเบาๆ ก่อนจะโบกมือ “ไม่ต้องหรอก ตาได้จัดพวกตัวเป้งแล้ว ตอนนี้เหลือแต่พวกตัวเล็กตัวน้อย พวกมันทำอะไรตาไม่ไดหรอก อีกไม่นานสถานการณ์ของบริษัทของตาจะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน” จีฮันอูพูดเหมือนมันไม่ใช่เรรื่องใหญ่อะไร
“เพราะงั้นตาเลยมาหาหลานได้ไง” เขามองเกาเผิงอย่างตั้งใจ หลานของเขาช่างดูแตกต่างที่เห็นในทีวีมาก
ผ่านไปสักพักเขาก็พูดว่า “หลานสูงขึ้นเยอะเลยนี่ จะสูงเท่าตาแล้ว เมื่อก่อนยังตัวเล็กเท่านี้เลย” เขาพูดพลางยกมือประกอบ
เกาเผิงพยักหน้า คุณตาของเขาสูงจริงๆ เขาสูงอยางน้อยสัก 190ซม. ในอายุรุ่นๆคุณตานั่นถือว่าสูงมาก
“ตารู้มาว่ามีคนจะต่อรองให้หลานถอนตัวจากการสอบรอบที่สามใช้มั้ย” จีฮันอูกล่าวเข้าประเด็น
เกาเผิงไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่ คุณตาจะรู้ ใช่แล้วมีคนมาพบพูดคุยก่อนที่จะกลับโรงแรม
“และตาก็รู้ว่าหลานปฏิเสธ แต่หลานรู้มั้ยคนพวกนี้มันมีวิธีสกปรกเยอะแยะมากมายที่จะทำให้หลานออกจะการสอบ ที่เขามาขอคุยกับหลานก็เพื่อหยั่งเชิงเท่านั้น”
“หยั่งเชิงเหรอครับ”
“ใช่แล้ว พวกมันคงรู้แล้วว่าไม่มีคนโง่จะยอมทิ้งโอกาสดีๆไปหรอก พวกมันเลยจะใช้วิธีทำลายชื่อเสียงของหลานแทน”
“หลานจำสาวน้อยที่มาชวนหลายไปทานข้าวได้มั้ย หากหลานตกลงไปด้วย เธอก็จะให้ท่าหลาน พอมีอะไรกันเสร็จ เธอก็จะกรีดร้องโวยวายและพวกอื่นๆว่า หลานได้มอมเหล้าข่มขืนเธอ”
“จากนั้นชื่อเสียก็จะแพร่สะพัด และหลานมีภูมิหลังเป็นเด็กกำพร้าแบบนี้ จึงไม่สามารถแก้ต่างอะไรให้ตัวเองได้เลย ถึงพวกมันจะทำให้ออกจากการสอบไม่ได้ แต่ในช่วงเวลา 3เดือนนี้ ก็มากพอที่จะจัดการหลานโดยอำพรางศพให้ดูเหมือนฆ่าตัวตายได้”
เกาเผิงนิ่งเงียบ ด้วยการป้ายสีจนทำให้ชื่อเสียงของเขาต่ำได้ขนาดนี้ ก็คงไม่ยากที่จะจัดการเขา
“คำถามต่อไปหลานจะจัดการกับพวกมันยังไง” จีฮันอูกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“พวกมันเป็นใคร”
“นายกเทศมนตรีเมืองเจียงหนาน ฮั่นหยวนหมิง”
เกาเผิงกัดฟันแน่น เขาต้องแก้แค้นคนที่คิดร้ายกับเขา
“ตาหวังว่าหลานจะจัดการกับมันอย่างรวดเร็ว แต่หากว่าหลานต้องการความช่วยเหลือ หลานบอกตาได้ทุกเมื่อ ตาจะช่วยอย่างเต็มที่เลย”
“ครับ ขอบคุณครับ คุณตา”
ถึงเกาเผิงจะไม่ใช่คนใจกว้างอะไรขนาดนั้นที่จะยอมปล่อยให้คนที่คิดร้ายกับเขาลอยนวลไปได้
ฮั่นหยวนหมิง เกาเผิงจดจำชื่อนี้ไว้ขึ้นใจ
“และนอกจากนี้ ถึงหลานจะออกจากการแข่งขันนี้ตาก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ” จีฮันอูกล่าว “มันไม่เกี่ยวกับชายคยนั้น นี่เป็นความเห็็นส่วนตัวของตาเฉยๆ”
เกาเผิงงุนงงเล็กน้อย
“หลานคิดดูสิ นี่เพิ่งจะ 3ปี หลังจากเกิดมหาภัยพิบัติเองนะ ทุกคนจะอายุแค่ไหนก็ตามต่างก็เพิ่งเริ่มฝึกสัตว์อสูรได้แค่ 3ปีเอง ฉะนั้นช่องว่างก็แทบจะไม่ต่างกันเลย ทำไมหลานไม่ตั้งเป้าหมายเป็น ผู้ฝึกสอนสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก โดยตัดคำว่ารุ่นเยาว์ออกล่ะ”
เกาเผิงตะลึง “ผู้ฝึกสอนสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอย่างนั้นเหรอครับ”
“ใช่แล้วเป็นผู้ฝึกสอนสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก” จีฮันอูกล่าวพลางพยักหน้า “เป็นชายหนุ่มต้องทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูงเข้าไว้”
ราวกับว่าสิ่งที่คุณตาได้บอกเขา มันช่วยเปิดโลกในเขา
จริงอยู่ว่าความทะเยอทะยาน คำนี้มักจะใช้ในทางที่เสื่อมเสีย แต่ก็เป็นคำที่รู้สึกได้ถึงความลึกลับน่าค้นหา
จีฮันอูลุกขึ้นและเดินไปตบบ่าเกเผิง เขาเรียกเกาเผิงให้ไปยืนมองท้องฟ้าที่หน้าต่าง
“หลานเอ๋ย ยุคสมัยมันได้เปลี่ยนไปแล้ว ถึงแม้บ้านเมืองในตอนนี้จะดูสงบแต่มันก็อยู่ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ความสงบนี้ไม่ต่างจากคลื่นใต้น้ำเลยนะ หากวันใดวันหนึ่งคลื่นที่ดูสงบนี้ได้ระเบิดขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น” จีฮันอูหันมองเกาเผิง “หากวันใดวันหนึ่งมีคนขี่สัตว์อสูรบุกทำลายเมืองและเปลี่ยนผู้ปกครองเมืองต่างๆแทนจะเป็นอย่างไร เรื่องนี้ใช่ว่าจะเกิดไม่ได้นะ เพราะพวกผู้คนต่างก็มีความโลภที่ไม่สิ้นสุดด้วยกันทั้งนั้น”
“เมื่อมีผู้สร้างก็ย่อมมีผู้ทำลาย” จีฮันอูยิ้ม
เกาเผิงเงียบ เขาไม่อาจนึกจินตนาการถึงภาพอันเลวร้ายพวกนั้นได้
“ดังนั้นการไปแข่งขันพวกนี้ มันจะทำให้หลานเสียเวลา” จีฮันอูกล่าวให้กำลังใจ
“จู่ๆมาถอนตัวแบบนี้ ผมจะได้รับผลกระทบมั้ยครับ”
“ไม่ต้องกลัวไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตาจะปกป้องหลานเอง” จีฮันอูกล่าวโดยไม่ลังเล
เกาเผิงรู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาทันที
“งั้นผมจะถอนตัวจากการแข่งขัน” เกาเผิงกล่าว
จีฮันอูพยักหน้าอย่างมีความสุข “ไม่ว่าหลานจะตัดสินใจอย่างไรตาก็พร้อมสนับสนุน”
เขาหยุดชั่วครู่ก่อนนจะพูดต่ออย่างขุม “จริงๆแล้วตาได้เตรียมอะไรเล็กน้อยให้หลานด้วย ก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้น ก่อนจะมีการคัดเลือกกรรการ ตาจะฝากหลานไปแข่งขันที่นั่นแทน”
เกาเผิงตะลึงกับเรื่องที่คุณตาได้บอกเขา
“ถึงตาจะช่วยฝากแต่ก็ไม่ใช่ว่าหลานจะเป็นกรรมการได้ง่ายๆ ดังนั้นสามเดือนนี้หลานต้องขยันฝึกซ้อมให้มากขึ้น หากหลานแพ้ตาต้องขายหน้าแน่ๆ” จึฮันอูหัวเราะออกมาดังๆ
จีฮันอูรู้อยู่แก่ใจว่า จู่ๆจะให้หลานสละสิทธิ์ทั้งๆที่หลานพยายามมาอย่างยากลำบากนั้น นั่นทำให้หลานของเขาต้องไม่สบายใจแน่ๆ ดังนั้นเขาจึงต้องหาอะไรบางอย่างมาชดเชยให้กับเกาเผิง
คนที่ออกจากการแข่งขันและจู่ๆได้โผล่มาอีกทีก็ได้เป็นกรรมการแล้ว เรื่องนี้ต้องทำให้ผู้เข้าสอบคนอื่นต้องตกใจแน่ๆ จีฮันอูชื่นชอบไอเดียของเขามาก
แต่เกาเผิงกลับมองคุณตาอย่างหวั่นๆ การที่คุณสามารถฝากเขาไปคัดเลือกกรรมการได้นั้น ก็หมายความว่าอำนาจและบารมีของคนคนนั้นต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ