Monster Pet Evolution – วิวัฒนาการสัตว์เลี้ยงกลายพันธุ์ - ตอนที่ 152
ซอฟตี้ที่นอนอยู่บนพื้น มันได้เหลือบมองเกาเผิงที่กำลังอุ้มนกอ้วนกลับบ้านไป
เมื่อเห็นว่าเกาเผิงเดินไปไกลมากแล้ว มันจึงลุกขึ้นเดินไปที่โทรศัพท์ ใช้อุ้งตีนซ้ายจับโทรศัพท์ ส่วนอุ้งตีนขวากดเบอร์โทร
*กรี๊ง*
“เมี๊ยว” ซอฟตี้พูดอย่างเกียจคร้าน
“เข้าใจแล้วค่ะ” ดูเหมือนว่าปลายสายจะคุ้นเคยกับสถานการณ์นี้เป็นอย่างดี
หลังจากวางสายพนักงานสาวได้เขียนบางอย่างก่อนจะติดต่อหัวหน้าของเธอ
“หัวหน้าค่ะ ลูกค้าหมายเลข 12 ได้โทรมาสั่งเฟอร์นิเจอร์ชุดใหม่ค่ะ”
“หลี่ไปที่บ้านของเขาสิ ตรวจสอบให้เรียบร้อยหลังจากนั้นค่อยขนเฟอร์นิเจอร์เข้าไป”
“ได้ครับหัวหน้า” ชายหนุ่มที่วมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีน้ำเงิน เดินออกจากสำนักงานและขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปที่ชายเมือง
…..
เมื่อเกาเผิงกลับไปถึงบ้าน เขาได้วางเฟลมมี่ลง
ด้วยน้ำหนักที่เยอะทำให้มันทรงตัวไม่ได้และล้มลงมา มันกลิ้งไปมาอย่างกับลูกบอล
“แคว่ก แคว่ก” เฟลมส่งเสียงให้เพื่อนๆสัตว์อสูรให่ช่วยพยุงมันขึ้นมา
ต้าซื่อมีท่าทีลังเลที่จะช่วยเฟลมมี่
“ห้ามใครช่วยมันทั้งนั้น ถ้าวันนี้แกลุกขึ้นเองไม่ได้ แกก็ไม่ลุกขึ้นมาอีกเลยตลอดชีวิต” เกาเผิงกล่าวอย่างเย็นชา
เฟลมมี่แข็งค้าง ช็อคกับท่าทีของเจ้านาย ก่อนที่มันจะนอนแผ่ราบไปที่พื้นและแกล้งตาย
……..
เกาเผิงได้จับเฟลมมี่ไว้บนลู่วิ่ง
“แกวิ่งบนลู่วิ่งไปก่อน ไว้หลังจากนี้ ฉันจะหาวิธีออกกำลังที่เหมาะสมกับแกเอง” เกาเผิงลูบศีรษะมันเบาๆ
ยอดบนศีรษะของมันที่เป็นสีแดงเลือดนั้น ผิวสัมผัสค่อนขางหยาบกร้านให้ความรู้สึกเหมือนจับหินเย็นๆเลย แม้เฟลมมี่จะมีคุณสมบัติธาตุไฟ แต่ที่ศีรษะที่เขาได้ลูบกลับเย็นและขนของเฟลมมี่นุ่มมาก ช่างนุ้มนุ่ม รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้สัมผัส
หลังจากนั้น เกาเผิงได้ขับรถบรรทุกไปโรงเรียน
ถึงเกาเผิงจะขี่สตีปี้อยู่บ่อยครั้งแต่เขาเขาก็รู้สึกไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ ทุกครั้งที่นั่งมันพอถึงที่หมาย เขาจะลงจากหลังของสตีปี้ด้วยก้นที่ระบม
ฉะนั้นการได้ขับรถเองนั้นมันสะดวกสบายมากกว่า
ขณะที่เขาขับรถ ผู้บนท้องถนนต่างมองรถของเขาด้วยความอิจฉา ด้วยความใหญ่โตและทนทานของรถคันนี้ เป็นที่สะดุดอย่างมาก
เกาเผิงจอดรถที่ลาดจอดรถของโรงเรียนจากนั้นเขาก็ได้เดินเข้าไปเข้าใน
ถึงช่วงนี้อยู่ในช่วงปิดภาคเรียน แต่พวกอาจารย์ก็ได้จัดการสอนในภาคฤดูร้อนเพิ่มเติมสำหรับเด็กม.ปลาย
ถึงเกาเผิงจะเรียบจบแล้วแต่เขาก็อยากรู้ว่าเพื่อนของเขาเป็นยังไง เลยเข้ามาดูพวกเขา
ยังไม่ทันที่เกาเผิงจะเหยียบเข้าไปในโรงเรียน ก็มียามมาขวางเขา
“บุคคลภายนอกไม่อนุญาตในเข้าไปในบริเวณโรงเรียนครับ”
ที่ข้างป้อมยามได้มีที่พักของแมวพัลลัสหลังเหล็กนอนอยู่ มันเงยหน้ามามองเกาเผิงอย่างน่ากลัว ถึมแม้มีจะมีรูปร่างกลมบ๊อกแบบนี้ แต่มันเป็นสัตว์ที่ดุร้ายอย่างไม่นานเชื่อ
แมวพัลลัสหลังเหล็กตัวนี้ตัวเล็กมาก ตัวมันยาวแค่ 2ฝ่ามือเอง มันลุกขึ้นมาเดินวนรอบๆ สำรวจเกาเผิง
“ลุงยามครับ ผมเป็นนักเรียนของที่นี่นะครับ” จากนั้นเกาเผิงก็บอกเลขประจำตัวนักเรียนของเขา
จากนั้นลุงยามก็ได้ตรวจสอบหมายเลขและพบว่าเป็นของจริง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มองเกาเผิงอย่างสงสัย
“ทำไมฉันรู้สึกคุ้นหน้าเธอจัง”
มันไม่ทันที่เกาเผิงจะตอบอะไร เจ้าแมวพัลลัสได้กระโดดขึ้นมา หมายมั่นจะกัดไปที่กางเกงและฉีกมันออก ให้เป็นรูขนาดใหญ่ที่ก้นของเขา
แต่เกาเผิงได้หันไปมองอย่างตกใจ และได้เบี่ยงตัวหลบได้ทันอย่างท่วงที ทำให้แมวพัลลัสกลิ้งไปไกลหลายตลบ
ด้วยความโมโหแมวพัลลัสหลังเหล็กได้พุ่งไปหาเกาเผิงอีกครั้ง
“หยุดเดี๋ยวนี้” เกาเผิงดุมันด้วยน้ำเสียงที่เข้มลึก
เกาเผิงก้มไปหยิบมันและพบว่ามันตัวเบากว่าที่คิด มันของมันหนามากทำให้คิดว่าตัวมันใหญ่
ถึงแม้มันจะถูกเกาเผิงจับตัวเป็นในก็ใช้อุ้งตีนน้อยโจมตีต่อไป เป็นภาพที่น่ารักมาก
แมวพัลลัสนั้นเป็นที่ชื่นชอบในหมู่ผู้หญิง ด้วยขาที่สั้น อ้วน กลมๆ ใบหูกลมมนและหางน้อย ทำให้นารักมาก
“ลุงยามเลี้ยงแมวพัลลัสตัวนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” เกาเผิงถามอย่างสงสัย เขาจำได้ว่าลุงยามไม่ได้เลี้ยงสัตว์อสูรตัวไหนเลย
ลุงยามขมวดคิ้วทันที “ฉันก็เลี้ยงลูกแมวตัวนี้มาจนจะเดือนหนึ่งแล้ว เธอเป็นนักเรียนของที่นี่ แต่เธอไม่รู้หรอ?”
“เอ่อ..”
เกาเผิงไม่รู้จะพูดอะไรดี เขาไม่คิดว่าลุงยามจะเข้มงวดมากขนาดนี้
“ผมเป็นนักเรียนชั้นม.5 ห้อง 3 ครับ จริงๆผมได้สอบเข้ามหาลัยก่อนกำหนดนะครับ” จากนั้นเกาเผิงก็เล่าเร่องที่เขาไปสอบ
จู่ๆ ลุงยามก็ได้ตบไปที่หน้าผากของตัวเอง
“ฉันจำได้แล้ว เธอนี่เองนายปลาย่าง”
ใบหน้าของเกาเผิงแข็งค้างทันที
ลุงยากหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเปิดไปที่วีแชทของเขา เขาแตะไปที่ภพๆหนึ่ง และกดขยายรูปและส่งให้เกาเผิงดู
ในรูปเป็นเกาเผิงที่กำลังบนก้อนหิน รอบๆตัวเขาก็มีสัตว์อสูรของเขานอนอยู่ในท่าเดียวกันกับเกาเผิง ที่ด้านล่างของภาพเขียนว่า: ฉันกำลังจะถูกย่าง
เกาเผิงช็อคมากแต่ก็ต้องฝืนยิ้มเอาไว้
“ก็ว่าทำไมหน้าเธอถึงคุ้นๆ เธอก็คือนายปลาย่างนี่เอง” ลุงยามได้หัวเราะออกมา
“เอ่อ ลุงยามครับพวกนนี้ได้เผยแพร่ตั้งแต่ตอนไหนครับ”
“ภาพนี้ได้ถูกส่งต่อมาสักพักแล้ว มันเป็นที่นิยมมาก ดูนี่สิยังมีภาพตลกๆอีกเยอะเลย” จากนั้นลุงยามก็เลื่อนภาพมีมตลกๆของผู้เข้าสอบคนอื่นๆให้เกาเผิงดู
หนึ่งในภาพเหล่านั้นก็มีเด็กชายคนหนึ่งที่เกาะแร้งภูเขาไปไว้แน่น ผมเผ้ากะเซอะกะเซิงและหน้าของเขาซีดเป็นอย่างมาก ด้านล่างเขียนว่า: ตัวสั่นด้วยความกลัว
“พุ่บ”
เกาเผิงเกือบจะหลุดขำออกมา
เขาได้ภาพทั้งหมดแล้วมันค่อนข้างตลกมากแต่เขาโมโหอยู่ลึกๆ ใครกันนะที่บังอาจแคปภาพของเขาและอัพลงเว็บไซด์แบบนั้น
“ฮัดชิ่ว”
ในห้องเรียน จู่ๆ หลี่ซื่อกงก็จามออกมา
“เมื่อเร็วๆครูใหญ่ได้พูดยกย่องเธอในที่ประชุมด้วย ที่เธอนำชื่อเสียงมาสู่โรงเรียนฉางอานที่3แห่งนี้” ลุงยามกล่าวพลางหัวเราะ “ในฐานะศิษย์เก่าเธอสามารถเข้าไปได้”
เกาเผิงได้กล่าวคำขอบคุณและเข้าไปยังอาคารเรียน
เจ้าแมวพัลลัสหลังเหล็กก็มองเกาเผิงอย่างระวังอยู่ด้านหลังของลุงยาม มันจ้องเขาอย่างไม่ลดละ เกาเผิงเหลือบมองมันเป็นระยะๆ เผื่อมันจะลอบกัดเขาอีก
เกาเผิงได้เดินมาถึงในอาคารเรียน ที่นี่ยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยน แต่ด้วยอะไรบางอย่าง เกาเผิงกับู้สึกว่าเขาเป็นแปลกหน้าสำหรับที่นี่
เกาเผิงเหม่อมองที่นี่อยู่สักพัก จู่ๆ เสียงออดก็ดังขึ้นมา เหล่านักเรียนไปเดินออกมาและพากันมากินข้าวที่โรงอาหาร
เกาเผิงส่ายหัวเบาๆ เขาคงไม่มีโอกาสกลับมาที่นี่อีกแล้ว หลังจากที่จัดการธุระเสร็จของเมืองเสร็จ เขาก็จะย้ายไปอยู่ที่เมืองหยู่โจว
ถึงแม้เขาจะจากไปแต่ยังไงฉางอานก็เป็นบ้านของเขา แต่ที่นี่ไม่มีครอบครัวของเขาอยู่เลย ยังสามารถเรียกที่นี่ว่าบ้านได้อีกหรือ?