Monster Pet Evolution – วิวัฒนาการสัตว์เลี้ยงกลายพันธุ์ - ตอนที่ 165
“เชิญนั่งก่อนเลยครับ” เลขานุการชายได้เทน้ำเสิร์ฟเกาเผิงกับลุงหลิว “พวกคุณกินอะไรมาหรือยังครับ เดี๋ยวจะหาอะไรให้ทาน”
“ไม่เป็นไรครับ เราขอนั่งพักที่นี่ก็พอ” เกาเผิงกล่าวพลางส่ายหัว
“เลขาฮั่นครับ เรื่องพวกนี้ปล่อยให้พวกเราจัดการเองนะครับ” พนักงานที่ดูแลด้านบริการกล่าวกับเขา
เลขาฮั่นมองพวกเขาด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ยังมีแขกคนอื่นรอพวกเราอยู่ ช่วยดูแลพวกเขาแทนจะกัน ตรงนี้ฉันดูแลเอง”
พวกพนักงานดูผิดหวังและทำตามที่เลขาฮั่นพูด
ผู้หญิงในชุดสูทแดงที่เกาเผิงพบก่อนหน้านี้ที่ทางเข้าบริษัท บังเอิญนั่งรออยู่ที่นี่ด้วย เธอนั่งข้างหน้าต่างพร้อมกับนิตยสารในมือ เธอมองเกาเผิงกับลุงหลิวครู่หนึ่ง ก่อนที่จะก้มลงไปอ่านนิตยสารต่อ
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เลขาฮั่นเดินเข้ามาหาเกาเผิงและกล่าวเสียงแผ่ว “ท่านประธานจีกลับมาแล้วครับ ท่านรอพวกคุณอยู่ที่ชั้นบนสุด”
เกาเผิงพยักหน้าและลุกขึ้นพร้อมกับลุงหลิวที่เดินตามหลังเขา
เหล่าเสมียนที่อยู่ใกล้เคียงต่างประหลาดใจ กับถ้อยคำที่ได้ยิน
‘นั่นประธานจี ที่เป็นประธานของบริษัทนี้ใช่มั้ย’
พวกเขาเดินไปที่ลิฟต์เลขาฮั่นหยิบบัตรประจำตัวของเขาขึ้นแล้วรูดไปที่ประตูลิฟต์ จากนั้นเขาก็กดชั้นที่เก้าสิบเก้า
ประตูค่อยๆ เปิดออก ภายในชั้นมีห้องนั่งเล่นกว้างขวาง ภายในตกแต่งด้วยโซฟาสองตัวกับโต๊ะน้ำชา และมีกระถางต้นไม้วางประดับอยู่บนโต๊ะ
การตกแต่งเรียบง่ายและพอดี
มีหัวสัตว์อสูรมากมายที่เป็นการแปรรูป แช่งแข็ง และรักษาอย่างดี แขวนไว้บนผนัง
มีหัวหมี เสือ และมีกระทั่งหัวฉลาม
“เสี่ยวเผิงมานี่สิ” จีฮันอูยืนอยู่ข้างหน้าต่างหันกลับมามองเกาเผิง ด้วยใบหน้าของเขาที่มีความอบอุ่น
“คุณตา” เกาเผิงยิ้มอย่างสุภาพ
จีฮันอูยิ้มรับการมาถึงของเกาเผิง เขาตบไหล่ของเกาเผิงพาเขามานั่ง
“หลานสมัครเข้ามหาวิทยาลัยหรือยัง?” จีฮันอูสอบถามเรื่องนี้ในทันที เมื่อครั้งที่แล้วเกาเผิงได้บอกว่าจะเข้ามหาวิทยาลัยนีออน จีฮันอูจึงกลัวว่าเขาจะเข้าที่นั่นจริงๆ
“แหะๆ ผมได้สมัครเข้าที่มหาวิทยาลัยหยูโจวแล้วครับ” เกาเผิงลอบสังเกตปฏิกิริยาของตาของเขา
ใบหน้าของจีฮันอูที่อยู่ตึงเครียดตลอดเวลาได้ผ่อนคลายลงเล็กน้อย เขากระแอมเล็กน้อยก่อนที่จะพูดที่น้ำเสียงที่สดใสว่า
“ก่อนที่หลานจะเปิดเทอม ตาว่าจะให้หลานมาทำงานที่เซาท์เทิร์นแห่งนี้น่ะในช่วงนี้ก่อนน่ะ ให้หลานมาศึกษาดูงานของบริษัทไว้ เผื่อวันใดวันหนึ่ง ตาเป็นอะไรไปหลานจะได้ดูแลบริษัทนี้แทนตาได้”
เกาเผิงเงียบในทันที
“หลานไม่ต้องกังวลไป ตาจะยังไม่เปิดเผยตัวตนของหลานในตอนนี้นะ หลานต้องการให้ตาช่วยปิดตัวตนของหลานมั้ย” จีฮันอูถามอย่างลังเล
เกาเผิงรู้สึกงุนงงเล็กน้อย “เอ่อ คุณตาไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้มั้งครับ”
จีฮันอูได้ยินอย่างนั้น เขาก็พูดอย่างใจเย็น “ตาได้ยินมาว่าคนหนุ่มสาวสมัยนี้ ชอบทำตัวเป็นหมูเพื่อที่จะขย้ำเสือในภายหลัง”
เกาเผิงส่ายหัวพร้อมกล่าว “ผมไม่รู้ว่ามันเป็นยังไงหรอกนะครับ แต่ผมไม่ใช่คนแบบนั้นอย่างแน่นอน”
จีฮันอูพยักหน้าอย่างพอใจที่คนของเขาไม่ได้เป็นคนแบบนั้น
“งั้นหลานมีตำแหน่งที่ต้องการจะทำมั้ย” จีฮันอูถามเกาเผิงโดยตรง
“ผมพอมีความรู้เรื่องการยกระดับสัตว์อสูรน่ะครับ ผมจะขอไปอยู่..”
“เอาล่ะ ตาจะให้หลานไปอยู่ที่แผนกทรัพยากรบุคคลแล้วกัน” จีฮันอูตัดสินทันที
“คุณตาให้ผมเลือกตำแหน่งที่ต้องการไม่ใช่เหรอครับ” เกาเผิงถึงกับพูดไม่ออกเลยที่คุณตาก็ตัดสินใจแทนเขาแบบนี้
“ตาก็แค่ถามเล่นๆครับ” จีฮันอูพูดพลางยิ้มและขยิบตาอย่างซุกซน
“แม้ว่าเสี่ยวเผิงจะเป็นหลานชายของฉัน แต่หลานต้องคืบหน้าไปทีละขั้นตอน จู่ๆ จะให้ใครที่ไหนไม่รู้มาทำงานในห้องแล็บอย่างเกรงว่าตาอาจจะถูกข้อครหาจากคนในบริษัทได้ ทางที่ดีที่สุดตาจะให้หลานไปอยู่ที่แผนกนั่นก่อน จากนั้นอีกสักพักตาจะลองหาลู่ทางโยกย้ายหลานไปแผนกวิจัย ตาจะหาห้องทดลองสำหรับหลานโดยเฉพาะให้น่ะ” จีฮันอูกล่าวปลอบใจเกาเผิง
“ฉันเดาว่าที่ให้เสี่ยวไปอยู่แผนกทรัพยากรบุคคลก็เพราะว่า ห้องทดลองของเสี่ยวเผิงยังสร้างไม่เสร็จใช่มั้ยล่ะ” ลุงหลิวกล่าวเปิดเผยแผนของจีฮันอูอย่างไร้ความปรานี
แต่จีฮันอูไม่โกรธ ได้แต่หัวเราะออกมา ไม่นานเลขาฮั่นก็เคาะประตูและเดินเข้ามา “ท่านประธานครับ พวกเขาได้เดินทางมาถึงแล้ว”
“อืม” จีฮันอูพยักหน้า จากนั้นเขาก็ไปพูดกับเกาเผิงว่า “มากับตาสิ ตาจะพาไปทำความรู้จักสมาชิกของทีมผู้บริหารอาวุโส”
เกาเผิงได้เดินตามจีฮันอูลงไปที่ชั้นล่าง
เกาเผิงได้เจอกับทีมผู้บริหารทุกคน หนึ่งในนั้นมีคนหนึ่งที่คุ้นเคยคือหญิงสาวที่ใส่สูทสีแดง ในตอนแรกเธอตกใจเล็กน้อยที่เกาเผิงเดินตามท่านประธานจี แต่หลังจากที่ได้รู้ตัวตนของเกาเผิง หญิงสาวก็ตกใจเพิ่มขึ้นหลายเท่า
ส่วนบางคนก็พอจะเดาได้ เลยไม่ตกใจมากนัก
ถึงแม้เกาเผิงจะปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน แต่คนเหล่านี้ได้ยิ้มแย้มต้อนรับเกาเผิงเป็นอย่างดี ราวกับว่าพวกเขายินดีกับการมาของเกาเผิงอย่างแท้จริง
’พวกเขาแสดงดีมาก น่าเสียดายที่พวกเขาจะไปเป็นนักแสดง’
สิ่งที่เกาเผิงได้เห็นคืออารมณ์ของพวกเขาผ่านแผงข้อมูลทำให้เกาเผิงได้รู้ว่าการแสดงออกของพวกเขาไม่ใช่ของจริงเสมอไป
เกาเผิงยืนอยู่ข้างคุณตาฟังพวกเขาอย่างเงียบๆ เขาได้ยินจากคุณตาว่าคนพวกนี้มีท่าทีต่อต้านคุณตาอย่างมากในตอนแรก หลังจากที่คุณตาเข้ามาและ ‘ทำความสะอาด’ พวกเขาก็ได้ภักดีต่อคุณตาในเวลาต่อมา
จีฮันอูได้เล่าเรื่องของเกาเผิงโดยไม่ปกปิดเรื่องใดเพราะมีแค่คนของเขาเลยไว้วางใจได้ เขาเล่าไปถึงเรื่องที่ส่งลุงหลิวไปดูแลเกาเผิง
ลุงหลิวเป็นคนสนิทของเขา ทั้งสองรู้จักกันมานานเป็นเวลาสามสิบปีแล้วจึงไว้ใจฝากให้เขาช่วยดูแลเกาเผิง
ที่จีฮันอูได้พาเกาเผิงแนะนำกับคนพวกนี้ เพื่อให้เขาเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับความเปลี่ยนแปลงนี้
ในที่สุดจีฮันอูก็กล่าวจบ “เอาล่ะเรื่องทั้งหมดก็มีแค่นี้ พวกคุณก็กลับไปทำงานที่ค้างของพวกคุณต่อได้เลย โอ้ จริงสิ หลิวเฮอ คุณช่วยอยู่ที่นี่ก่อน ส่วนคนอื่นแยกย้ายได้”
ชายหนุ่มวัยสามสิบต้น ไว้ผมตัดสั้นเกลี้ยงเกลาอย่างเรียบร้อย ผมของเขาได้ถูกเซตในอัตราส่วนเจ็ดต่อสามอย่างพอดี เขาดูเรียบร้อยเป็นอย่างมาก
หลังจากที่ทุกคนไปแล้วเขาก็เดินไปหาลุงหลิวและพูดว่า “พ่อ”
‘ลุงหลิวมีลูกชายด้วยเหรอ?’
เกาเผิงมองไปที่หลิวเฮอ ดูเหมือนว่าเกาเผิงจะเคยเจอเขามาก่อน น่าจะเป็นตอนที่เขามาเยี่ยมคุณตาของเขาในตอนเด็กๆ
จีฮันอูกล่าวกับหลิวเฮอว่า
“ฉันจะให้เสี่ยวเผิงอยู่แผนกทรัพยากรบุคคลของเธอไปก่อนสักสองวัน จำไว้ว่าเธอต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด”
“ครับ ลุงจี” หลิวเฮอพยักหน้า
เมื่อไม่มีคนอยู่ หลิวเฮอจึงเรียกจีฮันอูว่าลุงจี
………………………………….