Monster Pet Evolution – วิวัฒนาการสัตว์เลี้ยงกลายพันธุ์ - ตอนที่ 112
โดยสหพันธ์ผู้ฝึกสอนสัตว์อสูรนี้ พวกเขาจะทำหน้าที่ตรวจสอบและจำแนกแบ่งประเภทสัตว์อสูรแต่ละตัวให้ถูกตามเกณฑ์ในแต่ละชนชั้นซึ่งมีชนชั้นสามัญ ชนชั้นขุนนาง ชนชั้นนักรบ ชนชั้นราชวงศ์
ส่วนชนชั้นที่อยู่สูงขึ้นไปนี้ พวกมันยังไม่ถูกค้นพบจึงไม่มีการประกาศออกมา
การที่ได้รับการตรวจสอบจากสหพันธ์ผู้ฝึกสอนสัตว์อสูรนี้จะทำให้ได้ใบรับรองมา
ใบรับรองนี้เอาไปใช้ทำอะไร เราสามารถเอาใบรับรองนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินทุนเบิกจ่ายประจำปีได้ ส่วนเงินที่ได้ขึ้นอยู่กับชนชั้นของสัตว์อสูรและสามารถนำใบรับรองนี้ไปยื่นเข้าแข่งขันสัตว์อสูรได้ทุกรายการ
องค์กรสหพันธ์ผู้ฝึกสอนสัตว์อสูรจะคงไว้ซึ่งความเป็นกลางไม่ยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งในพื้นที่ต่างๆในทั่วโลก
ไม่รู้ว่าสหพันธ์ผู้ฝึกสอนสัตว์อสูรจะทำการก่อตั้งเสร็จตอนไหนแต่กระบวนการต่างๆดูเหมือนจะดำเนินการอย่างรวดเร็วมากกว่าที่คิดและองค์กรสาขาก็ผุดขึ้นทั่วโลกอย่างกับดอกเห็ด
ข่าวต่อไปเป็นการสอบเอนทรานซ์เข้าวิทยาลัยภาควิชาสัตว์อสูร ข่าวนี้ก็โดดเด่นไม่แพ้กับข่าวของการจัดตั้งสหพันธ์ผู้ฝึกสอนสัตว์อสูร เพราะเป็นการจัดการสอบครั้งแรก…
………
วันถัดมา
วันนี้เกาเผิงได้นำดัมมี่มาที่ลานฝึกซ้อมกับซิลลี่
ซิลลี่ก็ยังเกาะบนศีรษะไม่ยอมไปไหนซะที เกาเผิงพยายามเอาออกหลายต่อหลายครั้งแล้ว จนสุดท้ายเขาก็ยอมแพ้ ยอมให้มันเกาะบนศีรษะต่อไป
เกาเผิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ทำไมแกถึงไม่ไปอยู่บนหัวดัมมี่บ้างล่ะ?”
“มันเย็น มันเย็น” ซิลลี่พูด
เกาเผิงรู้สึกปวดหัวกับซิลลี่มาก เขาสาบานว่าวิวัฒนาการครั้งต่อไปเขาจะเปลี่ยนสีของซิลลี่
เขาอยากได้สีชมพูมากกว่าสีเขียว
มู่ไทยิงเห็นเกาเผิงนำดัมมี่มา เธอรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก อาจเป็นเพราะมันได้ช่วยเธอจากไส้เดือนเผ่ามนุษย์กินคนในครั้งที่แล้วทำให้เธอประทับใจอย่างมาก
ก่อนหน้านี้มีคนพยายามท้าทายค้างคาวกะโหลกปีกสีน้ำเงินอย่างต่อเนื่องแต่ทุกคนล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้จำนวนคนที่มาท้าทายเริ่มลงลดเรื่อยๆ ทำให้หัวหน้าผู้ฝึกสอนเฉินจำเป็นต้องสร้างแรงกระตุ้นให้ทุกคนกำราบมัน แต่ไม่ใช่ว่าเจ้าค้างคาวจะกำราบได้ง่ายๆ นักเรียนทุกคนได้พ่ายแพ้มันแทบทุกคน แต่ยกเว้นคนๆหนึ่ง
“ผมต้องการท้าทายมัน” เสียงของเกาเผิงดังขึ้นกะทันหัน เขาก้าวออกมาพร้อมกับดัมมี่ที่ใส่เสื้อคลุมมีฮู้ดสีดำ
หัวหน้าผู้ฝึกสอนเฉินมองเกาเผิงกับดัมมี่ เขาพยักหน้าช้าๆ “ขอให้โชคดี”
“นั่นเขา” ชายทรงผมครูว์คัตเห็นดัมมี่ก็เลยจำเกาเผิงได้ทันที ถึงเขาจะไม่ค่อยพอใจเขาอยู่บ้าง แต่ลึกๆในใจเขาก็ยำเกรงในตัวของเกาเผิงอยู่เช่นกัน
ที่อยู่ข้างเขาเป็นชายแจ็คเก็ตแดงที่ยืนอยู่กับวานรนิลทมิฬ เจ้าวานรเห็นดัมมี่แล้วจำได้ทันที มันถอยหลังหลบอยู่หลังเจ้านายของมัน
“เขาจะทำสำเร็จมั้ยนะ?” ชายแจ็คเก็ตแดงพึมพำกับตัวเองเบาๆ เขาแอบคิดว่าเขาอาจจะกำราบค้างคาวกะโหลกปีกสีน้ำเงินลงได้
ที่นี่มีนักเรียนในคลาสพิเศษเป็นจำนวนพันกว่าคนแต่ไม่มีใครสามารถกำราบเจ้าค้างคาวนี่ลงได้เพราะเจ้าค้าวนี่มีลูกเล่นพราวแพรวมาก การปะทะซึ่งๆหน้าทำอะไรมันไม่ได้เลย
ดัมมี่เดินเข้าไปในกรง มันเงยหน้ามองค้างคาวตัวสีฟ้าข้างบนนั่น
ส่วนค้างคาวกะโหลกปีกสีน้ำเงินก็รับรู้การมาของดัมมี่แล้วแต่มันก็แกล้งทำเป็นนอนต่อ แต่ทันใดนั้นมันก็ขนลุกซู่ตั้งแต่หัวจรดปลายหาง
มันมองดัมมี่ที่อยู่ข้างล่างด้วยแววตาที่ตื่นตระหนก
ดัมมี่ส่งเสียงร้องและบิดแขนยืดเส้นยืดสาย มันพร้อมจะจัดการเจ้าค้างคาวนี่แล้ว
หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน หัวใจหนามโลหิต สามารถกลับมาใช้งานได้แล้วเนื่องด้วยการใช้ของกินที่บำรุงเลือดในปริมาณที่มหาศาล
ความสามารถนี้ไม่สามารถใช้งานได้บ่อยๆ
ค้างคาวกะโหลกปีกสีน้ำเงินมองไปที่ดัมมี่หวาดระแวง เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก สัตว์อสูรหลายๆตัวที่มาท้าทายไม่มีตัวไหนที่ทำให้มันรู้สึกกลัวได้มากขนาดนี้มาก่อน
ดัมมี่ถอดเสื้อคลุมออก เมื่อฝูงชนได้เห็นร่างที่มีแต่โครงกระดูก ผู้คนต่างส่งกรีดร้องออกมา
มันเป็นสัตว์อสูรประเภทผี ที่มีแต่เส้นเลือดและโครงกระดูก ช่างดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก
นี่เป็นสาเหตุที่เกาเผิงไม่ค่อยอยากให้ดัมมี่เผยร่างจริงสักเท่าไหร่ เพราะสัตว์อสูรประเภทนี้นั้นหายากในเมืองฉางอาน จึงเป็นที่สนใจแก่คนทั่วไปเป็นย่างมาก
ไฟสีฟ้าได้ลุกโชนอย่างบ้าคลั่ง หัวใจที่หน้าได้เต้นแรงเหมือนเครื่องยนต์แรงม้า ยิ่งหัวใจเต้นเร็วความเร็วก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ดัมมี่ถอยไปข้างหลังพุ่งไปข้างหน้าด้วยความแรงสูง มันไปหาลูกกรงเพื่อปืนไปหาค้างคาวกะโหลกปีกสีน้ำเงินที่อยู่ข้างบน
ค้างคาวกะโหลกปีกสีน้ำเงินกำลังตกใจกับการบุกที่คาดไม่ถึงของดัมมี่ ทำให้มันเกือบหลบไม่ทัน
เจ้าค้างคาวได้บินหนีไปก่อนที่ดัมมี่จะคว้าตัวมัน มันหนีไปได้อย่างเฉียดฉิว
ส่วนดัมมี่ที่โจมตีพลาดมันจึงร่วงลงสู่พื้น
*ตูม*
พื้นได้สั่นสะเทือน ตรงบริเวณที่ดัมมี่ตกลงมามีรอยคอนกรีตแตกร้าว
แม้ว่าจะโจมตีค้างคาวกะโหลกปีกสีน้ำเงินไม่ได้แต่ดัมมี่ก็ความประหลาดใจให้กันทุกคน
‘ว้าว!! มันเจ๋งมาก ทั้งโหดร้ายและป่าเถื่อน’ ชายแจ็คเก็ตแดงหันไปมองวานรนิลทมิฬนี่อยู่ข้างเขาด้วยสายที่คาดหวัง
วานรนิลทมิฬรีบส่ายหน้าทันที ราวกับพูดว่า “ฉันทำไม่ได้ ฉันทำไม่ได้”
ค้างคาวกะโหลกปีกสีน้ำเงินที่บินอยู่กลางอากาศที่เปิดปากโจมตีด้วยคลื่นเสียงใส่ดัมมี่ การโจมตีนี้ไม่มีผลอะไรกับนักเรียนเพราะมีกระจกกั้นเอาไว้
การโจมตีด้วยคลื่นเสียงนี้มันรุนแรงมากแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลกับดัมมี่
ดัมมี่เงยหน้าไปมองมันจากนั้นก็ดีดตัวพุ่งไปหาเจ้าค้างคาวที่อยู่บนอากาศ
เนื่องด้วยที่นี่เป็นสถานที่ปิดทำให้มันหนีไปไหนไม่ได้ ทำให้มันถูกดัมมี่ฟาดที่ตัวมันเต็มๆและลงสู่พื้น
*ตูม*
ค้างคาวกะโหลกปีกสีน้ำเงินกระเด็นไปมาบนพื้น มันพยายามที่จะบินหนีขึ้นไปแต่ดัมมี่ไม่ยอมให้มันทำอย่างนั้น
ดัมมี่พุ่งไปชกค้างคาวกะโหลกปีกสีน้ำเงินทันที ทำให้ปีกของมันแตกหัก ขากรรไกรเคลื่อน และเลือดไหลออกมาจากจมูก