Monster Pet Evolution – วิวัฒนาการสัตว์เลี้ยงกลายพันธุ์ - ตอนที่ 115
แต่ละเมืองก็มีที่ตั้งสาขาของบริษัทรถยนต์แทบทุกเมือง ที่ฉางอานก็เช่นกัน
เกาเผิงได้รับข้อควาให้ไปรับรถบรรทุกในวันพรุ่งนี้
เมื่อกลับไปที่ห้องเกาเผิงเตรียมเก็บข้าวของเพื่อออกจากที่นี่ เขารู้สึกใจหายที่ต้องย้ายออกจากที่นี่ จริงๆแล้ว เขาไม่รู้จะเริ่มต้นใหม่อย่างไรดี
เขายังคงชอบบรรยากาศที่นี่ มันเหมือนกับว่าพ่อแม่ยังอาศัยอยู่กับเขา แต่เขาคงหลอกตัวเองแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว
เมื่อเขาเข้ามาที่ห้องนอนของพ่อแม่ มันเต็มไปด้วยฝุ่นและตัวห้องที่มืดสนิท เขาเดินไปหารูปของคู่รัก
“พ่อ แม่ ผมกำลังจะย้ายออกจากที่นี่แล้ว พ่อแม่มักพูดเสมอว่าพอเวลาผมโตขึ้นก็จะย้ายไปอยู่ที่อื่น ผมคิดว่าตอนนี้ผมได้โตมากขึ้นแล้ว” แม้ว่าเขาจะยังเป็นเด็กวัยรุ่นแต่เขาดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
“ผมจะไปอยู่ที่คฤหาสน์ที่ผมได้ซื้อไว้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ไม่ต้องกังวลนะครับว่าผมจะอยู่ไม่ได้ ผมยังมีคุณตาคอยดูแลผมอยู่ ถึงตอนนี้เขาจะมีปัญหารุมเร้า ผมก็หวังว่าจะช่วยท่านแบ่งเบาภาระได้มั้ย ไว้หลังจากผมสอบเอนทรานซ์เสร็จผมจะไปหาคุณตาและช่วยเหลือเขา ยังไงเขาก็เป็นญาติที่เหลืออยู่ของผม..” เสียงของเกาเผิงเริ่มติดขัด เขารู้สึกเศร้าๆ จากนั้นเขาก็เริ่มร้องไห้ออกมา
หลังจากที่เงียบลง เกาเผิงก็ออกจากห้อง เขาค่อยๆปิดประตู
……..
วันถัดมา เกาเผิงได้ย้ายออกไปที่คฤหาสน์ของเขา แต่เขาก็ยังไม่ได้ขายห้องเก่าออกไป เขาลังเลที่จะขายมัน แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจที่จะไม่ขายมัน
เมื่อเกาเผิงไปถึงคฤหาสน์ เขาก็เห็นมีคนงานสร้างอะไรบางอย่างที่ฝั่งตรงข้าที่พักของเขา
‘นี่ก็สี่ทุ่มทำไมยังมีการก่อสร้างอยู่ล่ะเนี่ย’
ตรงที่ที่คนงานกำลังทำงานอยู่ มีคนแปลกอยู่ตรงนั้น
เขาสวมเสื้อคลุมวินเทจและมีผมสีเทา เขาเต็มไปด้วยพลังงานที่เหลือล้น ดูเหมือนเขากำลังกำกับดูแลการทำงานของคนงาน
ชายคนนั้นดูเหมือนเขาจะรู้ตัวว่ากำลังถูกเกาเผิงอยู่ เขาจึงยิ้มและหันมา
‘นั่นลุงหลิวนี่’
เกาเผิงตกตะลึง
“อ้าวเสี่ยวเผิง มาอยู่ที่นี่ได้ไงเนี่ย” ท่าทางของลุงหลิวดูประหลาดใจเป็นอย่างมาก
เกาเผิงหรี่ตามองเขาอย่างเงียบๆ ท่าทางของเขามันดูออกง่ายมากแต่เขาก็ยังทำมันอีก บางทีในวัยเด็กเขาอาจจะใฝ่ฝันที่จะเป็นนักแสดงก็เป็นได้
เกาเผิงได้แต่ถอนหายใจ ที่ต้องยอมรับความจริงที่ว่าว่าลุงหลิวได้สร้างบ้านมาอยู่ตรงข้ามเขา ยังไงลุงหลิวก็คงเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรที่เชี่ยวชาญที่ทำตัวโปรไฟล์ต่ำไว้และเขาก็มีซอฟตี้ แมวเงาราตรีที่เป็นสัตว์อสูรชนชั้นนักรบที่แข็งแกร่งจึงทำให้เกาเผิงรู้สึกปลอดภัยที่อาศัยอยู่ที่นี่
หลายวันมานี้เกาเผิงได้ขับรถบรรทุกไปโรงเรียน
โรงเรียนตั้งอยู่ใกล้ๆกับชานเมืองมีที่จอดรถกว้างขวางเขามักจะจอดที่นี่เป็นประจำ
ที่หลายคนจะมีรถบรรทุกเป็นของตัวเอง แต่รถของเกาเผิงดูโดดเด่นมาก มันมีขนาดยาวถึง 20เมตรกินช่องจอดรถไปถึง 2ช่อง ขนาดมู่ไทยิงยังพูดติดตลกเลยว่า สมกับเป็นเกาเผิงที่สามารถขับรถขนาดใหญ่นี้ด้วยตัวเองได้
ช่วงนี้เกาเผิงมีเรื่องให้กังวลอยู่ก็คือ ต้าซื่อกับดัมมี่ที่เลเวลครบ 20แล้วแต่พวกมันยังไม่สามารถยกระดับกลายเป็นชนชั้นนักรบได้ซะที แม้ว่าทั้งสองตัวจะบรรลุข้อหนดในการยกระดับแล้ว แต่พวกจะต้องอาศัยโชคหรือช่วงเวลที่เหมาะสมเพื่อจะกลายเป็นชนชั้นนักรบ
ส่วนสตีปี้เลเวลเพิ่มขึ้นเป็น 18แล้ว หลังจากที่มันอยู่ในระดับสมบูรณ์รูปร่างของมันเปลี่ยนมาก
เปลือกรอบๆตัวได้เปลี่ยนเป็นสีดำเป็นมันได้ใส่ชุดเกราะสีดำทมิฬ เดือยที่อยู่ตรงขาก็ดูแข็งแกร่งขึ้น ตรงส่วนซี่โครงของมันดูหนาและแข็งแรงกันแรงปะทะได้มากขึ้น ที่ดวงตาของมันได้มีเปลือกบางๆห่อหุ้มไว้
ตัวมันในตอนนี้ดูดีกว่าแต่ก่อนมาก
“เกาเผิงนายได้ดูผลการสอบเอนทรานซ์ภาคปกติรึยัง นายได้กี่คะแนน” ตันเฉียนจินถามระหว่างที่พวกเขากำลังฝึกอยู่ในช่วงบ่าย
เกาเผิงส่ายหน้า “ช่วงนี้ฉันยุ่งๆน่ะ เลยไม่ได้ไปดู”
“แต่คะแนนเพิ่งออกเมื่อคืนนะ” ตันเฉียนจินตกตะลึงกับคำตอบที่ได้รับ
“ไว้ฉันค่อยดูผลสอบทีหลังล่ะกัน” เกาเผิงตอบ
“งั้นนายบอกเลขที่นั่งสอบมาสิ เดี๋ยวฉันตรวจให้เอง” ตันเฉียนจินดูกระตือรือร้นในเรื่องแบบนี้มาก
เกาเผิงจึงบอกหมายเลขของเขาไป ตันเฉียนจินได้รับหมายเลขก็นำไปตรวจสอบทันที จู่ๆเขาก็กรีดร้องด้วยความตกใจ
“โอ้ พระเจ้า!!”
“ผลเป็นไง” เกาเผิงรู้สึกอยากขึ้นมาทันทีเพราะท่าทีที่ตกใจของตันเฉียนจิน
“นายได้ 674คะแนน นายยังเป็นคนอยู่มั้ยเนี่ย” ตันเฉียนจินอยากจะร้องไห้แต่น้ำตากลับไม่ไหลออกมา “นายสามารถผลสอบนี้ไปสมัครได้ทุกมหาวิทยาลัยได้ทุกแห่งเลยตามที่นายต้องการได้เลย”
“อืม จริงๆคะแนนแค่นี้ก็ไม่ได้เยอะเท่าไหร่นะ” เกาเผิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่เขาได้คะแนนแค่นี้ เนื่องจากเขาได้รับการฝึกในคลาสพิเศษทำให้ไม่มีเวลาอ่านหนังสือมากนักจึงทำให้คะแนนลดลงมา เมื่อปีก่อนเขาได้ทำข้อสอบดู เขาได้คะแนนมากกว่านี้อีก
การจับปลาสองมือไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย เพราะงั้นเขาต้องเพ่งความสนใจไปในทางใดทางหนึ่งเท่านั้น
ตันเฉียนจินรู้สึกว่าเกาเผิงเป็นคนขี้อวดมาก เขาอยากจะโยนขวดน้ำแร่ในมือใส่เขาจริงๆ
แต่ถึงอย่านั้นเขาอยากให้คะแนนของเกาเผิงเป็นของเขาจริงๆ
…….
ในที่สุดกาสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัย ภาควิชาผู้ฝึกสอนสัตว์อสูรก็มาถึง
สถานที่สอบเป็นบริเวณเขตชานเมือง เป็นที่ราบเปิดกว้างและทางกองทัพได้เตรียมการก่อสร้างสถานที่สอบไว้ แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเกิดการโกงที่นี่ การทดสอบเป็นรูปแบบตัวต่อตัว หากผู้สมัครทำอะไรที่นอกเหนือจากการต่อสู้ พวกเขาจะถูกปรับแพ้ทันที
การสอบรอบแรกจะใช้เวลาทั้งหมด 2สัปดาห์ เหล่าผู้ฝึกสอนสัตว์อสูรจากทั้งเมืองฉางอานมารวมตัวกันที่นี่ การต่อสู้ของทุกคนนั้นจะถูกถ่ายทอดสดทางทีวี
พอรู้ว่าจะได้ออกทีวี ทำให้หลายคนประหม่าและตื่นเต้น
ส่วนผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ก็ยิ้งแก้มปริที่จะได้รับเรตติ้งที่สูงในระหว่างการถ่ายทอดสด
การสอบเอนทรานซ์นี้สร้างความสนใจให้กับคนทั่วโลก นี่เป็นงานที่ยิ่งใหญ่มากและยังเป็นเวทีเปิดตัวผู้ฝึกสอนสัตว์อสูรหน้าใหม่อีกด้วย
มีการกั้นเส้นสีเหลืองไม่ให้พวกที่เกี่ยวข้องได้เข้ามา พร้อมกับทหารและสัตว์อสูรของพวกเขาที่มาคอยเฝ้าระวังความปลอดภัย
การสอบนี้ได้รับการดูแลอย่างเข้มงวด ไม่มีใครสมารถเข้ามาแทรกแซงได้แน่นอน ผลที่ออกมาจะบริสุทธิ์และยุติธรรมอย่างแน่นอน
หากใครกล้าทำให้การสอบนี้ต้องแปดเปื้อนพวกเขาจะได้รับโทษสถานหนักอย่างแน่นอน
ที่บนท้องฟ้ามีสัตว์อสูรที่บินได้คอยตรวจบริเวณโดยรอบเป็นระยะๆ
ผู้สอบจะต้องแจ้งถึงชนชั้นของสัตว์อสูรที่พวกเขาต้องการจะท้าทายล่วงหน้าอย่างน้อย 1วัน
เกาเผิงตัดสินใจที่จะสู้กับสัตว์อสูรชนชั้นนักรบ 1ตัว กับชนชั้นขุนนาง 2ตัว
ทั้ง 3ตัวนี้จะต้องมาสู้กับ สตีปี้ ดัมมี่ และต้าซื่อ