Monster Pet Evolution – วิวัฒนาการสัตว์เลี้ยงกลายพันธุ์ - ตอนที่ 129
เจ้าหน้าที่ที่ใส่แว่นได้ตกใจ ที่ดัมมี่สูบบุหรี่โดยไม่ต้องจุดไฟ เขามานึกๆดูแล้วมันเป็นเพียงแค่โครงกระโครงเลยอาจจะมีวิธีที่แตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป
เจ้าหน้าได้คิดเรื่องที่สัตว์อสูรตัวนี้ที่ทำไมมันถึงอยากบุหรี่เพลินๆ จู่ๆก็มีเสียงพูดแทรกขึ้นมา
“ผู้คุมสอบคะ” เสียงเรียกของเธอทำไมเขาสะดุ้งเล็กน้อย
เป็นหญิงสาวผมสีดำในชุดออกกำลังกายสีดำ เธอพูดกับเขาด้วยสีหน้าที่นิ่งๆ
“พอดีคุณพ่อของฉันไม่อนุญาตให้อนุญาตให้ฉันเข้าสอบรอบที่สองค่ะ”
“ไม่เป็นไรการสอบรอบนี้มีความเสี่ยงที่สูงมากฉะนั้นเราต้องการความสมัครใจในรอบนี้” เจ้าหน้าที่ปลอบโยนเธอ เขาเข้าใจดีถึงความห่วงลูกสาวของพ่อ
“แต่ฉันอยากเข้าสอบรอบสอง” หญิงสาวกล่าว
“อะไรนะ” เจ้าหน้างุนงง “งั้นคุณมีอะไรสงสัยอย่างงั้นหรือ?”
“ฉันสามารถไปสอบได้โดยไม่ต้องขออนุมัติจากพ่อแม่ได้ใช่มั้ย” หญิงสาวถาม
“ตามกฎสามารถทำได้แต่…”
ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก เขารู้ภูมิของหญิงสาวคนนี้และรู้ว่าพ่อของเธอเป็นใคร พ่อของเธอต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน
จะอย่างไรก็แล้วแต่เธออายุ 18 เธอมีอำนาจในการตัดสินใจเป็นของตัวเอง ฉะนั้นเธอไม่จำเป็นต้องของอนุญาตจากพ่อแม่ โชคดีที่เธอมาแค่คนเดียว ไม่อย่างนั้นสถานการณ์คงจะอึดอัดมากกว่านี้
หลังจากที่หญิงสาวได้ยินอย่างนั้นก็พูดขึ้นทันที
“งั้นฉันจะเข้าการสอบนี้” เธอกล่าวอย่างนิ่งพลางลูบศีรษะอนาคอนด้าทมิฬที่อยู่ขางเธอเบาๆ
ตาของเจ้ากระตุกอย่างรวดเร็ว
‘เกิดอะไรขึ้งนฉันไม่รู้ด้วยนะ ฉันเป็นแค่คนคอยประสานงานเท่านั้น’
“โอเค ในเมื่อคุณตัดสินใจแล้ว คุณต้องงเซ็นเอาสารยินยอมเสียก่อนถึงผมจะได้ขึ้นไปที่เครื่องบินได้” เจ้าหน้ากล่าวพลางมองผู้สอบราวกับจะถามว่ามีคนจะถอนตัวมั้ย
มีผู้ชายสองคนค่อยยกมือขึ้นมา เขารู้สึกอายมาก ขนาดหญิงสาวที่ครอบครัวไม่อยากให้ไปแต่เธอดื้อรั้นที่จะไป ช่างแตกต่างกับชายสองคนนี้มาก
“ไม่เป็นไร ใครๆก็มีเหตุผลเป็นของตัวเอง” เจ้าหน้าที่กล่าวอย่างเป็นมิตร
ทั้งสองนำสัตว์อสูรและเดินออกไป
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เครื่องบินใกล้จะมาถึงแล้ว เจ้าหน้าที่เลยถามย้ำพวกเขาอีกครั้งว่า
“มีใครต้องการถอนตัวอีกมั้ย”
ผู้สอบทั้ง 6คนส่ายหัวอย่างเงียบๆ
“โอเค เครื่องบินใกล้จะมาถึงแล้ว” เจ้าหน้าที่พูดพลางมองไปยังท้องฟ้า
เครื่องบินบินเข้าตรงที่ที่สนามสอบรอบแรก มันลงจอดบนพื้นอย่างนิ่มนวล
“ตอนแรกชั้นกลัวว่าพวกเธอจะแออัดในเครื่องบิน แต่พอมีคนถอนตัวไปแล้วค่อยมีพื้นที่เพิ่มขึ้นหน่อย เอาล่ะรีบขึ้นเครื่องเลย ให้สัตว์อสูรไปพร้อมกับพวกคุณนั่นแหละ”
“มันจะปลอดภัยมั้ยครับ” เกาเผิงถาม “แม้ว่าจะมีสัตว์อสูรที่บินได้ไม่มากนัก แต่ก็ยังคงมีพวกมันอยู่”
“เธอไม่จำเป็นต้องกังวลไปเครื่องบินลำนี้ทำด้วยวัสดุชนิดพิเศษทำให้บินสูงได้ 20,000เมตร มีเสียงสัตว์ชนชั้นราชวงศ์เท่านั้นที่บินมาในความสูงระดับนี้ได้ พวกเราคงไม่โชคร้ายบินไปเจอสัตว์อสูรชนชั้นราชวงศ์เข้านะ” เจ้าหน้าที่ที่ใส่แว่นกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ครับ เข้าใจแล้ว” เกาเผิงพยักหน้า ทางรัฐบาลกับสหพันธ์ผู้ฝึกสอนสัตว์คงป้องกันความเสี่ยงนี้แล้ว ไม่อย่างนี้พวกเขาคงพาผู้สอบเดินทางด้วยวิธีนี้หรอก
เครื่องบินได้บินอย่างรวดเร็ว สัตว์อสูรหลายตัวต่างขึ้นเครื่องเป็นครั้งแรกพวกมันจึงรู้กลัวขึ้นมาหน่อยๆ
ต้าซื่อได้ปืนขึ้นไปบนตัวของดัมมี่และกลายร่างเป็นเข็มขัดให้ดัมมี่ ส่วนสตีปี้หมอบลงต่ำพร้อมเกาะพรมที่พื้นไว้อย่างแน่นหนา โชคดีที่พรมที่นี่ติดพื้นแน่นไม่อย่างนั้นคงจะหลุดออกมาแล้ว และซิลลี่ที่เกาะอยู่ตรงไหล่เกาเผิง
“พวกสัตว์อสูรส่วนใหญ่รู้สึกไม่สบายใจที่ขึ้นเครื่องบินแบบนี้แหละ พอมันเริ่มชินแล้วพวกมันก็เลิกกลัวเอง” เจ้าหน้าที่ที่สวมแว่นกล่าวพร้อมรอยยิ้ม เขานั่งอยู่ไม่ไกลจากเกาเผิง
เกาเผิงพยักหน้าอย่างเงียบๆ
เขาหันไปดูดัมมี่ ตอนนี้มันดูสงบมากผิดกับสัตว์อสูรตัวอื่นเลย มันก้มมองต้าซื่อที่เกาะมันอยู่ จากนั้นดัมมี่ก็ลูบศีรษะต้าซื่อเบาๆเพื่อให้สงบลง จากนั้นสตีปี้ก็ขยับเข้ามาใกล้ๆดัมมี่ มันก็ลูบศีรษะของสตีปี้เช่นกัน พวกมันเริ่มที่จะสงบลงบ้างแล้ว
“โอ้สัตว์อสูรของเขา จิตใจกล้าแกร่งมากนะ” เจ้าหน้าที่อุทานด้วยความประหลาดใจ
เขาไม่เคยเป็นสัตว์อสูรตัวไหนจิตใจเข้มแกร่งเท่าดัมมี่มาก่อนเลย
หรือเพราะมันเป็นสัตว์อสูรประเภทผีเลยกล้าหาญแบบนี้
เขารู้สึกสนใจดัมมี่มาก ตั้งแต่มีมาขอบุหรี่กับเขาแล้ว เขาเลยคิดอยากจะหาสัตว์อสูรประเภทผีมาเลี้ยงสักตัว
“ที่ข้างนอกเมืองมีสัตว์อสูรมากมายใช่มั้ยครับ ผมสงสัยว่าพวกทางด่วนที่เชื่อมระหว่างเมืองนี่ ของพวกนั้นยังไม่ถูกทำลายหรอครับ” เกาเผิงตัดสินใจเปิดปากถามเจ้าหน้าที่ เนื่องจากกว่าจะถึงที่หมายก็อีกนาน เขาเลยหาอะไรคุยแก้เบื่อ
‘เรื่องพวกนี้ถึงจะไม่ได้ออกข่าวมากนั้น แต่มันก็ไม่ใช่ความลับอะไร’ เจ้าหน้าที่คิด
“ที่จริงแล้วพวกถนนในภูมิภาคหัวเซียนั้นมีการดูแลจากกำลังพลของพวกเราอยู่ แต่ด้วยจำนวนที่ทหารของเรามีจำกัด พวกเราเลยเฉพาะเส้นที่สำคัญๆเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นใช่ว่าจะไม่มีปัญหาเลยซะทีเดียวนะ”
เกาเผิงพยักหน้าอย่างเงียบๆ การขับรถบนถนนนั้นค่อนข้างปลอดภัย น้อยนักที่จะขับไปเจอพวกสัตว์อสูร การจะขับไปเจอพวกสัตว์อสูรบนท้องถนนได้นั้นขึ้นอยู่กับดวงของคุณเท่านั้นที่จะเจอมันตอนไหน
ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยมากขึ้น คนส่วนใหญ่มักจะตามไปเป็นขบวนเพื่อความอุ่นใจ
จู่ๆก็มีนักเรียนอีกคนได้เปิดถามเจ้าหน้าที่เช่นกัน
“คุณรู้มั้ยว่าการสอบในรอบนี้มีกี่คนครับหรือพวกเขาจะรวมตัวที่นี่จากทั่วทุกมุมโลก”
“ไม่หรอก นักเรียนที่มาสอบที่นี่มีแค่นักเรียนจากภูมิภาคหัวเซียเท่านั้นแหละ ฉะนั้นพวกเราต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อเป็นหน้าเป็นตาของเมืองฉางอานนะ”
“ได้ครับ ผมจะทำให้ดีที่สุด” เขายกนิ้วโป้งขึ้นมา เขาสังเกตเห็นว่าเกาเผิงกำลังมองเขาอยู่ เขาจึงยื่นมือขวาออกแนะนำตัวกับเกาเผิง
“สวัสดีฉันชื่อ หวังเฉียนเซิ่น ยินดีที่ได้รู้จัก นายชื่ออะไรหรือ?”
เกาเผิงเงียบไปแปปนึงและยื่นมือไป “ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อเกาเผิง”
“เช่นกันเกาเผิง ฉันเห็นสัตว์อสูรของนายดูเท่ห์มากเลย” หวังเฉียนเซิ่นกล่าวพลางหัวเราะ
จากนั้นทั้งสองก็คุยสัพเพเหระไปเรื่อยๆ
ผ่านไป 5ชั่วโมง เครื่องบินได้บินถึงที่หมาย พวกเขาเดินทางโดยสวัสดิภาพ โดยไม่มีการบุกเข้าของสัตว์อสูรชนชั้นราชวงศ์เลย