Monster Pet Evolution – วิวัฒนาการสัตว์เลี้ยงกลายพันธุ์ - ตอนที่ 161
ไส้เดือนเผ่ามนุษย์กินคนเลื่อนขั้นเป็นชนชั้นเป็นราชวงศ์สำเร็จ แม้จะติดขัดไปบ้างแต่ก็สำเร็จไปได้ด้วยดี
‘หวังว่าแผนการที่เหลือจะเป็นไปตามที่วางไว้นะ’ เฉินซือเหอคิด
แร้งเครานัยน์ตาโลหิตได้ใช้กรงเล็บจิกไปที่หลังของนางพญาแมงมุมปีศาจสีเทาที่สูญเสียขา จากนั้นกระพือปีกพาแมงมุมบินหายลับไปจากป่า
ห่างออกไป ณ ในกลางป่าหินดำ คิงคอยักษ์สีดำปีนขึ้นไปที่ยอดไม้สูงหนึ่งร้อยเมตร ก่อนคว้าผลไม้สีเขียวกิน ไม่นานขนของมันได้ตั้งขึ้นและควันสีเขียวก็ลอยออกมาจากร่างกาย
คิงคองตัวนี้ขึ้นมาดูลาดเลาเนื่องจากสัมผัสได้ถึงพลังสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งในป่าแห่งนี้ แต่ก็ไม่เห็นวี่แววของสัตว์อสูรตัวใดบุกเข้ามาแย่งชิงตำแหน่งเจ้าป่า ทำให้มันรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก เมื่อเป็นเช่นนั้นมันจึงนั่งไขว่ห้างอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่จะย้ายไปนอนหลับ
…
ก่อนจะออกจากป่า เกาเผิงได้บอกเรื่องที่จะย้ายออกจากเมืองให้ลุงหลิวกับเฉินซือเหอได้รับรู้
เฉินซือเหอตกใจเล็กน้อยและพยายามเกลี้ยกล่อมให้เกาเผิงมาอยู่กับเขาด้วยข้อเสนอวัตถุดิบพิเศษ แต่เกาเผิงปฏิเสธอย่างสุภาพ สาเหตุที่เกาเผิงไม่สนใจ เพราะเมื่อหลายวันก่อนคุณตาได้เขาว่าหากต้องการอะไรก็บอกได้ทุกเมื่อไม่ต้องเกรงใจ
เกาเผิงจึงยื่นรายชื่อวัตถุดิบที่เขาต้องการส่งให้คุณตา เจาคงได้รับมันในอีกไม่กี่วัน
เกาเผิงตั้งใจจะยกระดับสัตว์อสูรของตน จากนั้นเขาจะยกระดับให้สัตว์อสูรของคุณตาและลุงหลิว
ปัญหาเดียวก็คือเขายังไม่สะดวกรับของในตอนนี้ รอเขาไปเมืองหยูโจวเสียก่อน ดังนั้นหากเขาได้ที่อยู่คุณตาก็คงส่งของมาให้
ที่เกาเผิงมาช่วยเฉินซือเหอในวันนี้ก็เพื่อตอบแทนที่เขาคอยช่วยเหลือเสมอมา ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจช่วยก็ตามแต่เกาเผิงก็รู้สึกซาบซึ้งใจมาก
‘หวังว่าการที่ฉันมาช่วยวันนี้ จะสามารถลบล้างหนี้ที่ติดค้างไว้นะ’
หลังออกจากป่า เกาเผิงกับลุงหลิวได้แยกจากกลุ่มของเฉินซือเหอและตรงกลับบ้านทันที
“ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าลุงหลิวมีสัตว์อสูรชนชั้นราชวงศ์อยู่ด้วย” เมื่อสบโอกาสเกาเผิงก็ได้เปิดปากถามลุงหลิวขึ้นมาทันที
ลุงหลิวจ้องไปที่เกาเผิงพร้อมหัวเราะเบาๆ ก่อนกล่าว “เสี่ยวเผิงไม่เคยถามนี่”
เกาเผิงถึงกับพูดไม่ออก ‘ใครถามเรื่องแบบนี้กันเล่า!’
“เจ้าแร้งเป็นสัตว์อสูรตัวแรกของลุงเหรอ?” เกาเผิงถามอย่างสงสัย
“ไม่หรอก สัตว์อสูรตัวแรกของฉันก็คือเจ้ากิ้งก่าต่างหาก” ลุงหลิวกล่าวพลางส่ายหัว
“จริงๆ แล้วแร้งเครานัยน์ตาโลหิตปรากฏตัวที่เกาะหลังจากที่เกิดมหาภัยพิบัติ ฉันได้พาร่างที่โชกไปด้วยเลือดของมันไปรักษา และในระหว่างที่ทำการรักษา มันก็อยู่กับฉันแทบทุกวัน จนในที่สุดมันก็สมัครใจทำพันธสัญญากับฉันในที่สุด”
จากนั้นลุงหลิวก็เล่าต่อ “ตอนแรกมันก็ไม่ได้เก่งขนาดนี้หรอกนะ แต่มันได้รับการช่วยเหลือจากตาเฒ่าจีให้ตรวจสอบให้มันไงล่ะ..” จู่ๆ ลุงหลิวก็ลดเสียงพร้อมกับจ้องไปที่สีหน้าของเกาเผิง
ที่นี่ไม่มีใครอยู่เลย มีแค่เขากับลุงหลิวและพวกสัตว์อสูรเท่านั้น
หลังจากพบว่าเกาเผิงแทบจะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เขาดูนิ่งเฉยมาก นั่นทำให้ลุงหลิวรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
“จากนั้นพวกเราได้ให้ตาเฒ่าจีมาตรวจสอบความสามารถของสัตว์อสูร”
เกาเผิงรู้สึกตกตะลึง เป็นไปได้ไหมว่า คุณตาจะเห็นแผงข้อมูลแบบเขาด้วย
หลังจากที่เกาเผิงลังเลอยู่สักพัก ก่อนที่จะถามบางอย่างออกไป
“เอj..คุณตาตรวจสอบได้อย่างไรหรอกครับ”
“อืม เขาใช้สิ่งของและวิธีการบางอย่างเพื่อที่จะสามารถตรวจสอบสัตว์อสูรได้น่ะ แต่เสี่ยวเผิงไม่ต้องกังวลไป วิธีเหล่านี้ปลอดภัยแน่นอน” ลุงหลิวรับประกัน
เกาเผิงพยักหน้า
‘ดูเหมือนว่าคุณตาจะมีวิธีที่ต่างจากของเขา’
“แม้พวกมันไม่มีความสามารถที่ยอดเยี่ยม แต่เสี่ยวเผิงก็ไม่ต้องเป็นกังวลหรอกนะ” ลุงหลิวเอามือขวาตบบ่าของเกาเผิง “ดูแร้งเครานัยน์ตาโลหิตสิ ตัวมันที่ไม่ได้มีความสามารถมากขนาดนั้น แต่ก็สามารถไปถึงชนชั้นราชวงศ์ได้”
“ลุงหลิวทำอย่างไรเหรอครับ?”
“ก็ฝึกฝนอย่างไรล่ะ”
“ฝึกฝนเหรอ?”
“ใช่แล้ว การฝึกฝนอย่างหนักทลายขีดจำกัดของมัน กว่าจะได้มัดกล้ามที่แน่นขนาดนี้ทันต้องฝึกฝนอย่างหนักเลย แต่อย่างไรก็ตามหลังจากกลายเป็นชนชั้นราชวงศ์กลับไม่มีความคืบหน้าเลย ดูเหมือนจะถึงขีดจำกัดของมันแล้วสินะ” ลุงหลิวถอนหายใจ
เกาเผิงฟังเรื่องที่ลุงหลิวเล่า ทำให้เขานึกถึงลิงนักชก หากเป็นโลกก่อนมหาภัยพิบัติ การฝึกกล้ามเนื้อแบบนี้คงไม่ส่งผลอะไรมากนัก แต่หลังจากมหาภัยพิบัติสิ่งต่างก็ได้เปลี่ยนไปรวมถึงเรื่องนี้ด้วย
เกาเผิงจำได้ว่าแร้งเครานัยน์ตาโลหิตมีเส้นทางวิวัฒนาการที่แข็งแกร่งที่สุดของมัน หากเลือกเส้นทางนั้นวิวัฒนาการขั้นสุดท้ายของมันจะกลายเป็นแร้งเคราปีศาจไหมนะ เกาเผิงได้คิดอย่างนี้จึงเกิดความสนใจ
จากนั้นก็มองสัตว์อสูรของเขา ในการต่อสู้ที่ผ่านมาต้าซื่อ เฟลมมี่ และสตีปี้ เป็นได้แค่ผู้ชมเท่านั้น
สุดท้ายแล้ว…เลเวลก็คือสิ่งสำคัญ เขาต้องเพิ่มเลเวลของสัตว์ให้มากกว่านี้
…
บนท้องถนน มีทีมนักล่าสัตว์อสูรที่กำลังเดินกลับเมืองฉางอาน พร้อมกับซากสัตว์อสูรที่อยู่เต็มหลังรถบรรทุก มันคือผลงานจาการที่พวกเขาออกล่ามาเป็นเวลาสองวันแล้ว
เนื่องจากไม่นานมานี้ได้มีการปรากฏตัวของสัตว์อสูรชนชั้นนักรบ ทำให้สัตว์อสูรชนชั้นที่ต่ำกว่าออกจากที่ซ่อนวิ่งออกมาบริเวณรอบนอกของป่า ทำให้พวกเขาสามารถล่าพวกมันได้เยอะกว่าปกติ
งานของพวกเขาคือจับพวกสัตว์อสูร ออกล่า และเก็บวัตถุดิบหายากมาขาย พวกเขาต้องการระวังไม่ทำอะไรเกินตัวและไม่ทำให้สัตว์ของตนบาดเจ็บสาหัส มิฉะนั้นจะต้องจ่ายค่ารักษาที่แพงมาก
การออกล่าแต่ละครั้งจะต้องคำนึงว่าวันนี้จะเจอสัตว์อสูรชนชั้นนักรบไหม หากเจอพวกเขาก็หวังให้มันกินอิ่มและปล่อยไป
เงินที่ได้รับมาจากการออกล่าจะแบ่งให้กันอย่างเท่าเทียม เพื่อให้ทุกคนในทีมมีทุนในการยกระดับสัตว์อสูร แต่ก็ไม่ให้มากเกินไปเพราะมันจะทำให้สัตว์อสูรแข็งแกร่งขึ้นและคนผู้นั้นอาจจะออกจากทีมไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องลำบากหาคนมาแทนอีกซึ่งในทุกๆ ทีม ก็มีเรื่องราวทำนองนี้กันทั้งนั้น
“วันนี้พวกเราได้ของดีมากเยอะมาก อย่างเช่นลูกหมาป่าสีเทาลายเหลือง หากนำมันไปขาย ฉันก็จะมีเงินส่งลูกเรียนหนังสือในเทอมต่อไปแล้ว” ชายร่างผอมพูดออกมาดัง
“ลูกแกอายุสิบแปดปีแล้วไม่ใช่เหรอ? เลือกสัตว์อสูรให้ลูกหรือยังล่ะ?” ใบหน้าของชายที่นั่งด้านหลังหลังคนขับฉายแววอบอุ่นเมื่อนึกถึงลูกชายของเขา
“ฉันได้ทำข้อตกลงกับบอสหลิวไว้ เขาสัญญาว่าจะให้ไส้เดือนเผ่ามนุษย์กินคนกับฉัน”
“โอ้…จริงเหรอ มันสุดยอดมากนะ เจ้าไส้เดือนพวกนี้สามารถซ่อนตัวใต้ดินและสามารถลอบโจมตีโดยที่สัตว์อสูรไม่รู้ตัวได้ด้วย ทำให้การออกล่าทำได้ง่ายขึ้น” ชายอีกคนก็ได้กล่าวขึ้นมา
จู่ๆ ความเงียบก็เข้าปกคลุมอย่างกะทันหัน เขาสงสัยว่าทำไมทุกคนถึงเงียบ
“เฮ้ ทำไมจู่ๆพวกแกถึงพากันเงียบแบบนี้”
“ดะ…ดูนั่นสิ”
เฒ่าฮวงชี้ไปที่หน้าคฤหาสน์เล็กๆ ที่อยู่ติดกับถนนเขตชานเมือง
“อะไรกันก็แค่คฤหาสน์ไม่ใช่เหรอหรือพวกแกเห็นคฤหาสน์เป็นอย่างอื่…”
ฉับพลันเสียงของชายคนนั้นก็ได้ขาดห้วงทันทีที่ได้เห็นสัตว์ร้ายสองตัวที่สนามหญ้าหน้าบ้าน
ตัวแรกเป็นแมงมุมขนาดใหญ่ประมาณยี่สิบหรือสามสิบเมตร รอบตัวมันมีรัศมีออร่าจางๆ กระจายออกมา
ที่หลังข้างแมงมุมก็มีนกขนาดใหญ่ยืนอยู่ ออร่าของมันแรงกล้า เทียบกับของแมงมุมไม่ได้เลย
เพียงแค่แมงมุม พวกเขาก็ตกใจจะแย่แล้ว ยังมีเจ้านกที่ออร่าของมัน..
“ระ…หรือว่า…ชนชั้นราชวงศ์!”
ทุกคนในรถต่างเบิกตากว้างด้วยความตกใจ