MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ - ตอนที่ 110
คนเหล่านี้ถูกชี้นำโดย ผู้นำตระกูลผู,ผูหยานเต๋า เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีอำนาจมากที่สุดในตระกูลผู
บนทวีปคิวชูแห่งนี้ตัดสินกันด้วยความแข็งแกร่ง ดังนั้น ตัวผู้นำตระกูล แต่ละตระกูลเองก็ไม่ต่างกัน
ในเวลานี้ใบหน้าของ ผูหยานเต๋า น่าเกลียดมาก เป็นเพราะ การเคลื่อนไหวของ ซุนฮก ทำให้เขารู้สิ่งหนึ่ง
จักรพรรดิลู่เฟิง แห่งอาณาจักรหนานหยาน ได้ยึดเมืองงูหยกทางตอนใต้และตัดสะพานเหล็กเพื่อกันไม่ให้พวกเขาหลบหนี ตอนนี้ ราชาเมกาทรอนลู่เว่ย ไม่สามารถส่งข้อความไปขอกำลังเสริมมาช่วยเหลือที่นี่ได้
กล่าวได้ว่า เมืองงูหยกทางตอนเหนือ คือเมืองที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างแท้จริง
แม้ว่ากองทัพด้านหลังของ ราชาเมกาทรอน จะมาถึง แต่ก็ต้องเผชิญหน้ากับกองทัพ 300,000 นายของ เจี๋ยสวี่ และ ไม่มีทางที่จะซ่อมแแซมสะพานเหล็กได้
“ที่ข้าเรียกทุกคนมาที่นี่ก็เพื่อถามความเห็นว่าตระกูลผูของเราควรทำอย่างไรดี!”ผูหยานเต๋าได้กล่าวพูดอย่างเคร่งขรึม
ที่นี่มีอาวุโสหลายคนของตระกูลผู แต่สถานการณ์ในตอนนี้ทำให้ทุกคนไม่กล้าพูดอะไร
การตัดสินใจในครั้งนี้เป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตของตระกูลผู ดังนั้น จึงไม่มีใครกล้าเสนอพูดเป็นคนแรก
“ถ้าไม่มีใครกล้าพูดเช่นนั้นข้าขอพูดก่อนแล้วกัน!”
ผูหยานเต๋า ได้มองไปที่อาวุโสเหล่านี้และกล่าวพูดออกมา”ตอนนี้สถานการณ์เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ราชาเมกาทรอนลู่เว่ย เปรียบเสมือนสัตว์ร้ายที่ถูกขังอยู่ในกรง และ ข้าไม่ต้องการให้ ตระกูลผูของเราถูกขังรวมอยู่ในนี้ด้วย”
“ผู้นำตระกูล ท่านตั้งใจจะไปขอลี้ภัยกับ ลู่เฟิง หรือไม่?”อาวุโสคนนึงได้มองไปที่ ผูหยานเต๋า
ผูหยานเต๋า ได้พยักหน้า”ในตอนนี้นี่เป็นโอกาสเดียวของเรา”
“แต่ท่านผู้นำ พวกเราช่วยเหลือราชาเมกาทรอนให้ยึดครองเมืองงูหยกและต่อต้านลู่เฟิง อีกฝ่าย จะมอบโอกาสให้พวกเราได้ลี้ภักงั้นหรือ?”อาวุโสอีกคนรู้สึกเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้!”
ผูหยาน เต๋าได้ตอบกลับ”นี่เป็นเรื่องภายในอาณาจักร หากเรากลับตัวและยอมช่วยเหลือโดยการเปิดประตูเมืองให้กองทัพของ ลู่เฟิง เข้ามาในเมืองได้ ถึงตอนนั้น เราจะเป็นหนึ่งในคนที่ช่วยเหลือ ลู่เฟิง ในการเอาชนะ ราชาเมกาทรอนลู่เว่ย แน่นอนว่าด้วยสิ่งนี้ อย่างน้อย ลู่เฟิง ก็จะไม่ฆ่าเรา!”
“ตราบใดที่อุปสรรคนี้ผ่านพ้นไป เมืองงูหยก ที่ถูกควบคุมโดยตระกูลผูของเราก็จะสามารถฟื้นตัวได้ในระยะเวลาอันสั้น เมื่อถึงเวลานั้น เราก็ส่งคนหนุ่มสาวสองสามคนไปรับใช้ ลู่เฟิง เท่านี้เราก็จะได้รับการสนับสนุนจากเขา”
“นี่…”
อาวุโสหลายคนได้มองหน้ากันด้วยความกังวล
ตามสามัญสำนึก มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ หากจักรพรรดิต้องการจะควบคุมตระกูลสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการได้รับการสนับสนุนจากตระกูลนั้น ๆ
ตระกูลผู แม้จะไม่ใหญ่และไม่เล็ก แต่พวกเขาก็มีบทบาทเป็นผู้นำ พวกเขาได้ลี้ภัยภายใต้เงื้อมมือของ ลู่เว่ย มาก่อน แต่ตอนนี้ พวกเขาต้องการลี้ภัยไปอยู่กับ ลู่เฟิง
เป็นธรรมดาที่อีกฝ่ายจะต้องยอมรับข้อเสนอ
สิ่งที่สำคัญก็คือ เขารู้ว่า ลู่เฟิง ที่สังหารตระกูลหลายร้อยตระกูลในมณฑลจงซานที่ทำไปไม่ใช่คนไร้เหตุผล อีกฝ่ายมีน้ำหนักมากพอที่จะจบชีวิตคนเหล่านั้น
“นี่เป็นโอกาสเดียวของตระกูลผูของเรา หากพวกเจ้าคิดว่ามีวิธีอื่นก็ลองเสนอมา!”ผูหยานเต๋า ได้กล่าวถาม
คนอื่น ๆ ได้ก้มหน้ายิ้มอย่างขมขื่น ถ้าเมืองงูหยกทางตอนใต้ไม่ได้ถูกยึด พวกเขาอาจจะยังคงมีความคิดอื่น แต่ตอนนี้ เมืองงูหยกทางตอนใต้ได้ถูกยึดครองไปแล้ว พวกเขาไม่กล้าที่จะเสนอความคิดใด ๆ
หลายคนได้พูดทันที”ผู้นำตระกูล พวกเราจะเชื่อฟังคำสั่งของท่าน แต่ว่าพวกเราจะเริ่มเมื่อไหร่?”
“ไม่ต้องรีบร้อน รอไปอีกสักสองวัน เพื่อที่จะรับประกันว่าตระกูลผูของเราจะมีโอกาสนั้นจริง ๆ “
“ขอรับ!”
ตระกูลผู เตรียมที่จะขาย ลู่เว่ย แต่ ลู่เว่ย ไม่ได้รู้ถึงสิ่งนี้
อีกด้านนึงของเมืองงูหยกทางตอนใต้ แม่ทัพคนหนึ่งได้ยืนอยู่ข้าง ๆ เจี๋ยสวี่ เขาได้กล่าวถาม”ท่านอัครมหาเสนาบดี กองทัพติดตามของลู่เว่ย ครั้งนี้มีทั้งหมด 1.5 ล้านนาย หากพวกเราต้องการปกป้องเมืองโดยอาศัยเพียงทหาร ไม่กี่แสนนาย เกรงว่าพวกเราจะสามารถต้านทานได้เป็นระยะเวลา 7 วันเพียงเท่านั้น”
สีหน้าของแม่ทัพคนนี้ไม่ค่อยสู้ดี เขารู้ภูมิประเทศของเมืองทางตอนใต้มาก่อน นอกจากประตูทิศเหนือที่อยู่ด้านหลังจะไม่มีศัตรู อีกสามประตูที่เหลือต่างก็มีภูมิประเทศที่กว้างขวางและยากต่อการป้องกัน
เว้นแต่ว่าจะมีทหารสองสามแสนนายเพิ่มขึ้นมาพวกเขาจะสามารถป้องกันเมืองทางใต้เอาไว้ได้
แต่ทว่ากำแพงเมืองงูหยกทางตอนใต้นั้นไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ มันมีความสูงเพียงแค่หนึ่งในสามของเมืองเร้ดเมเปิ้ลเพียงเท่านั้น
และ ตอนนี้ เขากำลังถูกศัตรูจำนวนมากบุกเข้ามา มันเป็นไปได้ยากที่จะป้องกันได้เป็นระยะเวลานาน
เจี๋ยสวี่ ไม่ได้ตอบกลับ เขามองไปที่ สถานที่ที่กองทัพจากเมืองฉิวซานส่งมาก่อนที่จะบ่นพึมพัม”ใกล้จะได้เวลาแล้ว”
แม่ทัพคนนี้รู้สึกสับสนเล็กน้อย เขากำลังจะถามแต่ว่า จินยี่เหว่ย คนนึงได้เดินไปหา เจี๋ยสวี่ และ คุกเข่าลงข้างนึง”นายท่าน ข้าน้อยจัดเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว!”
“กองกำลังติดตามของราชาเมกาทรอนอยู่ที่ไหนตอนนี้?”
“เขตลั่วซานหยวน”
ลั่วซานหยวน อยู่ห่างจากเมืองงูหยกทางตอนใต้เพียงครึ่งวันและมันเป็นพื้นที่แอ่งใหญ่!
เนื่องจากพื้นที่ดินในแถบนั้นค่อนข้างแหลกเหลวทำให้เกิดโคลนถล่มหลายครั้งเวลาฝนตกหนักจึงไม่มีผู้คนอาศัยอยู่
เจี๋ยสวี่ ได้พยักหน้า”รีบไปเถอะ ข้าอยากจะรู้ว่าทัพ 1.5 ล้านนายจะมีชีวิตรอดออกไปกี่คน!”
แม่ทัพที่อยู่ข้าง ๆ ก็เริ่มสับสน แม้ว่า ลั่วซานหยวน จะเป็นแอ่งและมีทางลาดชัน แต่ก็เหมาะที่จะใช้ทหารม้า แต่ทว่าตอนนี้พวกเขาไม่มีทหารม้า มันจะเป็นไปได้ยังไงที่เขาจะฆ่าศัตรูในที่ราบบลั่วซานหยวน?
ถึงจะเป็นการซุ่มโจมตี แต่กองทัพ 300,000 นายของพวกเขาที่เร่งรีบจะไปมีเวลาจัดตั้งกองกำลังซุ่มโจมตี?
เจี๋ยสวี่ ได้เพิกเฉย ต่อความงุนงงของแม่ทัพคนนี้ และ รีบพา จินยี่เหว่ย ไปที่ราบลั่วซานหยวน ตามแผน
พวกเขาทั้งกลุ่มได้เดินทางไปถึงอย่างรวดเร็วโดยใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง
ในตอนนี้พวกเขาเห็นกองทัพที่เดินทางมา นั่นคือกองทัพติดตามของราชาเมกาทรอนลู่เว่ย
“เห้อ!”
เจี๋ยสวี่ มองไปที่ กองทัพติดตามของลู่เว่ย ที่เดินเข้ามายังที่ราบลั่วซานหยวน เขาได้ถอนหายใจเล็กน้อยและบ่นพึมพัม”ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะสามารถฆ่าได้มากสุดประมาณครึ่งล้านเท่านั้น”
แม่ทัพคนนี้รู้สึกตื่นตะลึงและรีบกล่าวถาม”ท่านอัครมหาเสนาบดี มีแผนอะไรงั้นหรือ?”
เจี๋ยสวี่ ยิ้มจาง ๆ และกล่าวถาม”เขื่อนซีหลิวของเมืองงูหยกอยู่ไกลแค่ไหน?”
“นี่…”
แม่ทัพคนนี้ครุ่นคิดเล็กน้อยและตอบกลับ”ประมาณสามสิบไมล์…”
แม่ทัพคนนี้ได้เงยหน้าขึ้นมองไปที่ เจี๋ยสวี่ และ กล่าวถามด้วยความตกใจ”ท่านอัครมหาเสนาบดี หรือว่าท่านต้องการให้น้ำท่วมที่ราบลั่วซานหยวนหรือไม่?”
จู่ ๆ เขาก็มีปฏิกิริยา เจี๋ยสวี่ ได้แยกคนออกไป 50,000 คน ก่อนที่จะหายตัวไป เขาไม่ได้รู้ถึงเรื่องนี้ว่าคนเหล่านี้ไปไหน แต่ตอนนี้ เขาเข้าใจแล้วว่า อีกฝ่ายไปดำเนินการตามแผนของ เจี๋ยสวี่
เจี๋ยสวี่ ได้ยิ้มและไม่ได้ตอบกลับ เขามองไปที่ กองทัพติดตามของราชาเมกาทรอนที่อยู่ด้านหน้าภูเขาและกล่าวพูดออกมา”ยังมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะมืด วันนี้ข้า เจี๋ยสวี่ จะปล่อยให้กองทัพของพวกเจ้าได้อาบน้ำล้างตัวกันสักหน่อย!”
อาบน้ำ?
หากเป็นคนอื่น ได้ยินคำพูดเหล่านี้ พวกเขาคงจะสั่นไปด้วยความกลัว