MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ - ตอนที่ 130
หลังจากนั้นไม่นาน ฉู่ต้าเหว่ย ก็มาถึงนอกค่าย โดยอาศัยความแข็งแกร่งของเขานักรบขั้นสร้างรากฐานพลังหยวน กระโดดข้ามรั้วกั้นค่ายเข้าไปในค่ายโดยไม่มีใครรู้ตัว
จินยี่เหว่ย ได้บอกตำแหน่งกองทัพของ จิ้งซือหรง มาแล้ว
เพียงใช้เวลาไม่นานเขาก็ไปถึงที่นั่นอย่างรวดเร็ว
“นั่นใคร?”
เมื่อเขาเข้าใกล้เต็นท์ทหารของ จิ้งซือหรง ที่กำลังอ่านหนังสือทหารอยู่เขาก็ตรวจพบอะไรบางอย่างและรีบหันกลับไป มือของเขาได้คว้าไปที่ดาบอย่างระวังและเดินไปอย่างเงียบ ๆ
“พี่จิ้ง ไม่ต้องกลัว นี่ข้าเอง!”
ฉู่ต้าเหว่ย ได้เดินออกมา
“น้องฉู่?”
จิ้งซือหรง ถึงกับผงะ ในใจของเขาเต็มไปด้วยความสุข”น้องฉู่ ข้าได้ยินมาว่า เจ้าได้นำทหารไปมอบตัวที่ ลั่วซานหยวน เจ้า….เดี๋ยวนะ ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่?”
ทันใดนั้น จิ้งซือหรง ก็ตอบสนองกับสถานการณ์ของ ฉู่ต้าเหว่ย อย่างระวัง”น้องฉู่ ที่เจ้ามาวันนี้ ใช่ว่าได้รับคำสั่งจากจักรพรรดิลู่เฟิงมาใช่หรือไม่?”
“ไม่ได้เจอกันนานพี่จิ้งยังฉลาดเหมือนเดิม!”
ฉู่ต้าเหว่ย ได้ยิ้มออกมา”ถูกต้อง ข้ามาตามคำสั่งของฝ่าบาท อีกทั้งยังมามอบโอกาสในอนาคตที่ดีให้กับพี่จิ้งอีกด้วย”
“หึ เจ้าคิดจะให้ข้าทรยศฝ่าบาทงั้นเหรอ?”จิ้งซือหรง ได้หัวเราะออกมา
“ทรยศฝ่าบาท? ราชาเมกาทรอน ลู่เว่ย สวรรค์คต ไปแล้ว นี่คือการต่อสู้ระหว่างคนของราชวงศ์ ไม่ใช่สำหรับพวกเรา ในตอนนี้ มีเพียงจักรพรรดิลู่เฟิง เท่านั้นที่ยังอยู่ มันจะดีกว่าหากท่านมอบความภัดดีให้กับจักรพรรดิลู่เฟิง และ เลิกจมปรักกับอดีต”ฉู่ต้าเหว่ย กล่าวตอบ
“อย่ามาพูดบ้า ๆ !”
จิ้งซือหรง ตอบกลับอย่างเย็นชา”เจ้านำกองทหารไปมอบตัวและทรยศต่อฝ่าบาท เจ้ายังหน้าด้านพูดจาไร้ยางอายเช่นนี้อีกหรือไม่?”
“ข้านำกองทหารไปมอบตัว?”
ฉู่ต้าเหว่ย หัวเราะออกมา”พี่จิ้ง ท่านกับข้า ต่างก็เป็นคนรากเหง้าเดียวกัน พวกเราไต่เต้าจากทหารธรรมดาจนได้รับตำแหน่งนี้ แต่ข้าโชคดีกว่าท่าน ที่มีหน้าที่ทางการที่สูงกว่า นอกจากหน้าที่ทางการเหล่านี้แล้ว ตำแหน่งอื่น ๆ ของท่านกับข้าต่างก็ถูกบีบคั้นโดยครอบครัว!”
“ก่อนที่ข้าจะนำกองทหารไปยอมจำนนต่อจักรพรรดิลู่เฟิง ท่านรู้หรือไม่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ในตอนนั้น ข้าได้รับจดหมายที่แต้มไปด้วยหมึกจำนวนมาก ทำให้ เว่ยฮง และ เกิ๋งจุนซ้ง คิดจะฆ่าข้า พวกมันหาว่าข้าแอบสมรู้ร่วมคิดกับจักรพรรดิลู่เฟิง แต่ในความเป็นจริง พวกมันคิดจะยึดอำนาจทางการทหารของข้า หากไม่ใช่เพราะว่าระดับพลังของข้าที่สูงและแข็งแกร่งกว่าป่านนี้ข้าคงถูกฆ่าตาย อำนาจทางการทหารทั้งหมดก็คงตกอยู่ในมือของพวกมันทั้งคู่!”
“สำหรับท่าน พี่ จิ้งซือหรง ท่านไม่ได้อ่อนแอไปกว่าข้า แต่ตอนนี้ ท่านมีอำนาจสั่งการทหารในมือเพียงแค่ 50,000 นาย ถ้าจะให้เรียกง่าย ๆ ก็คือ ท่านก็ไม่ต่างอะไรไปจากแม่ทัพอันดับล่าง ๆ ทั้งที่ท่านมีความสามารถมากขนาดนี้ ลองดู กานเหิง สิ เขาเป็น ผู้บัญชาการใหญ่ของค่ายซีเหมินนอกประตูตะวันตกของเมืองเสี่ยวหลิงตู่ เขาเพียงแค่อายุยี่สิบเท่านั้น แต่ได้กลายเป็นผู้บัญชาการใหญ่ เหตุผลเพราะอะไร ? นั่นก็เพราะพ่อของเขาคือ กานฉวน พี่จิ้ง ท่านเต็มใจที่จะมีส่วนร่วมกับตระกูลเช่นนี้จริงงั้นหรือ?”
“ท่านที่เรียกขานตัวเองว่าเป็น แม่ทัพของอาณาจักรหนานหยาน กลับ ทรยศต่อจักรพรรดิของอาณาจักร ที่ต่อสู้ขยายอำนาจของประเทศตัวเอง ท่านกล้าพูดว่าข้าทรยศแล้วท่านล่ะเรียกว่าอะไร?”
ฉู่ต้าเหว่ย ได้กลายเป็นโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาทั้งหมดของเขาได้จับจ้องมองไปที่ใบหน้าของ จิ้งซือหรง
แต่ จิ้งซือหรง ไม่ได้ตอบกลับ เขาตกอยู่ในความเงียบ
อย่างที่ ฉู่ต้าเหว่ย กล่าว ความสามารถของเขาไม่ได้อ่อนเเอ ไม่ต้องพูดถึงกองทหาร 50,000 นาย แม้จะเป็นแม่ทัพกองทหาร 100,000 นาย หรือ 200,000 นายก็ไม่ใช่ปัญหา
แต่แล้วยังไง?
ในโลกที่ทุกอย่างถูกควบคุมด้วยตระกูลชนชั้นสูง เขาก็เป็นได้แค่สุนัขที่วิ่งเลียขาตระกูลเหล่านี้ เพื่อที่จะได้รับผลประโยชน์ ตอนนี้ เขาได้เป็นผู้บัญชาการทหาร 50,000 นาย ถ้าพูดตามตรงนี่มันก็มากพอสำหรับคนธรรมดาเลย
จิ้งซือหรง สูดลมหายใจเข้าลึกและตอบกลับ”น้องฉู่ เจ้าและข้าต่างก็รู้ว่าโลกนี้ถูกควบคุมโดยตระกูลชนชั้นสูงมาช้านาน ไม่ว่าจะเป็น ราชาเมกาทรอน หรือ จักรพรรดิลู่เฟิง ที่เจ้ารับใช้ มีเพียงตระกูลที่ทรงพลังเท่านั้นที่ทะยานขึ้นสู่สรวงสวรรค์ได้อย่างไม่ยำเกรง!”
“พี่จิ้ง ข้าไม่กล้าพูดหรอกนะว่าสิ่งที่ข้าจะกำหนดอนาคตของข้าไปยังทิศทางไหน แต่สิ่งที่ข้ารับประกันได้ก็คือ จักรพรรดิลู่เฟิง ไม่มีทางที่จะละทิ้งผู้ใต้บัญชาของเขา และ เขาไม่เคยดูถูกคนสามัญชนเพราะผู้ใต้บัญชาของเขาส่วนใหญ่ก็ไต่เต้าขึ้นมาจากคนธรรมดาทั้งนั้น!”
“คนเหล่านี้ มีความสามารถ แม่ทัพเกาชุน อัครมหาเสนาบดีเจี๋ยสวี่,เสนาบดีขวาซุนฮก แม่ทัพ ลิโป้ พวกเขาต่างก็ไม่มีตระกูลชนชั้นสูงหนุนหลัง พวกเขาเป็นเพียงคนธรรมดา แต่ภายใต้การชี้นำของจักรพรรดิลู่เฟิง พวกเขาได้เผยความสามารถที่แม้แต่ตระกูลชนชั้นสูงเหล่านี้ยังไม่กล้าดูถูก ในอนาคต ข้าเชื่อว่า จักรพรรดิลู่เฟิง จะต้องสามารถเปลี่ยนกฏแห่งโลกนี้ได้อย่างแน่นอน!”
ฉู่ต้าเหว่ย ตอบกลับ
จิ้งซือหรง เงียบไปชั่วครู่
เขาอาจจะไม่รู้เรื่องอื่น แต่เรื่องที่ มณฑลจงซาน นั้นชัดเจนมาก
ในขณะที่ ลู่เฟิง ทำการปกป้องอาณาจักร และ ขยายอำนาจดินแดนของประเทศตัวเอง แต่ ลู่เว่ย กลับคิดเกี่ยวกับตนเองและพยายามจะยึดครองบัลลังก์
จิ้งซือหรง ได้ครุ่นคิดเล็กน้อยและตอบกลับ”เอาล่ะ น้องฉู่ ข้าจะเชื่อเจ้าสักครั้ง แต่ข้าต้องการเห็นความสามารถของจักรพรรดิของเราด้วยตาตัวเอง!”
ฉู่ต้าเหว่ย ได้ขมวดคิ้วเล็กน้อยและตอบกลับ”หมายความว่าไง?”
“ถ้าจักรพรรดิทรงเชื่อข้า ถ้าเขาไปที่ฝั่งแม่น้ำงูหยกในอีกสามวันต่อมา และ ข้าสามารถล่อให้เขาฆ่า กานเหิง ผู้บัญชาการใหญ่ของค่ายซีเหมินแห่งนี้ได้ ข้าจะยอมรับเขา ถ้าเขาไม่ตกลง ข้าก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องร่วมมือกับเขา!”จิ้งซือหรง ได้ตอบกลับ
เมื่อเห็น ฉู่ต้าเหว่ย ขมวดคิ้ว จิ้งซือหรง ได้ตอบกลับอีกครั้ง”น้องฉู่ นี่เป็นทัศนคติของข้า พวกเราจะร่วมมือกันได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความกล้าหาญของจักรพรรดิแล้ว!”
ฉู่ต้าเหว่ย ได้มองไปที่ จิ้งซือหรง เขาไม่ได้พูดอะไรและจากไปพร้อมกับข่าวทันที
เขาเป็นเพียงผู้ส่งสารน์ อำนาจการตัดสินใจยังไงก็ยังอยู่ที่ลู่เฟิง
ไม่นาน เขาก็กลับไปถึงค่ายและบอกเรื่องนี้ กับ ลู่เฟิง
“ฮ่าฮ่า,น่าสนใจจริง ๆ คน ๆ นี้ต้องการจะทดสอบข้าหรือไม่?”
หลังจากได้รับข่าวของ ฉู่ต้าเหว่ย ลู่เฟิง ได้ยิ้มออกมา
“ฮึ!”
ลิโป้ ได้ตะโคกออกมา”ฝ่าบาท จิ้งซือหรง คนนี้ กล้าหาญมาจากไหน เป็นแค่แม่ทัพระดับล่าง คิดจะทดสอบความกล้าหาญของฝ่าบาท คนผู้นี้สมควรตายนับล้านครั้ง!”
เจี๋ยสวี่ และ ซุนฮก ก็พยักหน้า”ฝ่าบาท พวกเราทั้งสองก็ขอค้านเช่นเดียวกัน! ความสง่างามของฝ่าบาท ไม่ใช่สิ่งที่ คนธรรมดาจะทำให้ขุ่นเคืองได้ และ จิ้งซือหรง ช่างบังอาจกล้าหาญ ท้าทายความสามารถของฝ่าบาท เขาไม่คู่ควรในฐานะแม่ทัพอันดับล่างคนนึง”
“นี่เป็นการดูหมิ่น บารมีของฝ่าบาท แม้เขาจะยอมจำนนต่อฝ่าบาท แต่ความสามารถของเขาก็ไม่ได้ช่วยเหลือเราในการทำลายค่ายทหารนอกประตูตะวันตกของเมืองเสี่ยวหลิงตู่ได้มากนัก ไม่ช้าก็เร็ว เขาจะต้องพบกับหายนะ!”
เจี๋ยสวี่ และ ซุนฮก เป็นข้าราชบริพาร พวกเขามีสิทธิ์ที่จะทดสอบความสามารถของจักรพรรดิเพื่อดูว่าจักรพรรดิคู่ควรกับความภักดีที่พวกเขาจะมอบให้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม เนื้อหาในการทดสอบของพวกเขา เป็นเพียงการทดสอบความเข้าใจของจักรพรรดิในสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้พวกเขาได้เห็นมุมมองที่มีต่อโลกนี้ของอีกฝ่าย ไม่ใช่เหมือนกับ จิ้งซือหรง ที่ต้องการทดสอบความกล้าหาญของจักรพรรดิ
เพราะถ้าคนผู้นั้นต้องการทดสอบความกล้าหาญของจักรพรรดิ นั่นคือการประกาศถึงการดูถูกความสง่างามของจักรพรรดิ!
ลองคิดดูถ้าคุณเป็นเพียง ข้าราชบริพารระดับล่าง และ คิดจะทดสอบความกล้าหาญของจักรพรรดิ คนนึง เช่นนั้น ตัวตนของจักรพรรดิ ผู้ยิ่งใหญ่มีไว้แสดงโชวหรืออย่างไร?
โดยเฉพาะคนที่มีรากเหง้ามาจากคนธรรมดาด้วยแล้ว กล้าท้าทายเจ้าของประเทศจักรพรรดิแห่งอาณาจักรที่มีกองทัพนับล้าน นี่ไม่ใช่สิ่งที่ควรกระทำ!
หาก จิ้งซือหรง เป็นแม่ทัพใหย่ของประเทศศัตรู มีกองทัพนับแสนนับล้านอยู่ในมือ บางทีพวกเขาอาจจะพิจารณาดูอีกครั้ง แต่ นี่ อีกฝ่ายเป็นเพียงแม่ทัพที่มีกองทหาร 50,000 นาย กล้าที่จะทดสอบความกล้าหาญของจักรพรรดิ คนผู้นี้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน
แม้ว่า ลู่เฟิง จะเห็นด้วย แต่พวกเขาก็จะคุกเข่าขอร้องให้ลู่เฟิง คัดค้าน คนเช่นนี้ ไม่เหมาะสมที่จะนำมาเข้าร่วมกับฝ่ายของพวกเขา เพราะมีแต่จะเป็นเชื้อระบาดภายในกองทัพ!