MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ - ตอนที่ 146
หยานกานได้หยุดไปชั่วขณะและตอบกลับ”ทวีปคิวชู เป็นโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่ง ความแข็งแกร่งเหล่านี้ มาจาก ทักษะต่อสู้,พลังวิเศษ,ทรัพยากรบ่มเพาะพลัง และ อื่น ๆ อีกมากมาย สิ่งเหล่านี้ มีมากในหมู่นิกายขนาดใหญ่ และ ตระกูลใหญ่ สามารถจัดหาพวกมันได้ แต่ ราชวงศ์ ของพระองค์ นั้นไม่ได้มีของที่ดีขนาดนั้น!”
“ตระกูลใหญ่ของพวกเราครอบครองสิ่งเหล่านี้ และ สามารถใช้มันเพื่อฝึกฝนนักรบของตัวเอง หากพระองค์สังหารพวกเรานั่นไม่ได้หมายความว่าเป็นการทำลายอนาคตของอาณาจักรหรือไม่ เหตุผลที่พระองค์กล้าที่จะแก้ไขปัญหาตระกูลขุนนางของพวกเรานั้น ก็คือการควบคุมอาณาจักรโดยสมบูรณ์ แต่พระองค์เอาความมั่นใจอะไรมาถึงกล้าทำเช่นนี้ แม้แต่จักรพรรดิผู้ทรงก่อตั้งอาณาจักรของพระองค์ยังไม่มีความกล้าเช่นนี้ดังนั้นพระองค์คิดว่าจะสามารถทำได้หรือไม่?”
ในที่สุด หยานกาน ก็มองไปที่ ลู่เฟิง ด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม
“ฟังแล้ว เจ้ากำลังอวดเบ่งที่ตระกูลของเจ้าดูทรงอำนาจว่างั้น?”ลู่เฟิงยิ้มและมองไปที่หยานกาน
ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกผิดหวังเช่นเดียวกัน เพราะเขาคิดว่าหยานกานจะพูดอะไรที่น่ากลัวที่เขาไม่สามารถแก้ไขปัญหาตระกูลเหล่านี้ได้ แต่เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพูดสิ่งที่เขาคิดไว้อยู่ก่อนแล้ว
อันนี้สมควรเป็นเรื่องตลกโดยแท้จริง!
“นี่เป็นเรื่องธรรมดา! ไม่ว่าราชวงศ์ของพระองค์จะทรงอำนาจขนาดไหนก็ไม่สามารถเทียบกับตระกูลของเราในแง่ของภูมิหลังได้เพราะพวกเรามีช่องทางในการได้รับสิ่งต่าง ๆ มากกว่าราชวงศ์ของพระองค์!”หยานกานตอบกลับเบา ๆ
นี่คือความเป็นจริง ในแง่ของช่องทางการรับสิ่งต่าง ๆ ลู่เฟิง ไม่สามารถทำได้ดีไปกว่าตระกูลเหล่านี้ เพราะเขามีสถานะเป็นจักรพรรดิของอาณาจักรหนานหยาน แน่นอนว่า อาณาจักรหงเปา,อาณาจักรซีหยาง และ อาณาจักรอื่น ๆ คงไม่สามารถขายสิ่งดี ๆ ไปยังราชวงศ์ของประเทศศัตรูได้
แต่ตระกูลเหล่านี้แตกต่างกันเพราะเขาสามารถทำมันได้อย่างง่ายดาย!
ดังนั้นในแง่ของภูมิหลังตระกูลขุนนางชั้นสูงทั้งหลายจึงมีฐานะดีกว่าราชวงศ์โดยธรรมชาติ
แต่….
ลู่เฟิงมองไปที่ หยานกาน ด้วยสายตาเหยียดหยาม”เจ้าคิดว่าตระกูลของเจ้าเป็นมรดกล้ำค่าหรืออย่างไร ในแง่ของภูมิหลังของเจ้า ในสายตาของข้า เจ้าก็แค่ขอทาน ที่วิ่งไปขอเงินจากอาณาจักรอื่น ๆ และอวดเบ่งว่ารวย!”
“พูดง่าย ๆ …”
ลู่เฟิงมองไปที่ หยานกาน และ ตอบกลับ”เจ้ามันไม่คู่ควร!”
“ไม่คู่ควรงั้นเหรอ?”
หยานกานหัวเราะออกมา”ดูเหมือนว่าราชวงศ์ของเจ้าจะทรงพลังมากทีเดียว เป็นไปได้หรือไม่ว่าหลังจากทำลายนิกายหยุนกงแล้วเจ้าจะได้รับทักษะต่อสู้ดี ๆ ภายในนิกายหยุนกงมา และเจ้าคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะพอต่อกรกับพวกเราได้แล้ว?”
“เป็นเรื่องจริง!”
ลู่เฟิงยิ้มออกมา”รู้หรือไม่ว่าแผนการของข้าก็คือการค่อย ๆ ทำลาย ตระกูลหยานของเจ้าเพื่อเตือนตระกูลอื่น ๆ ให้พวกเขายอมแพ้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ข้าจะได้ไม่เสียเวลาฆ่าพวกเขา!”
“แต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้ว!”
ลู่เฟิงมองไปที่เหล่าผู้นำตระกูลเหล่านี้”เหมือนที่ข้าพูดก่อนหน้านี้ ข้าจะแสดงให้เห็นว่าเจ้าไม่คู่ควร อย่างแรก เจ้าไม่ควรอวดเบ่งเรื่องภูมิหลังต่อหน้าข้า! ข้าจะทำลายตระกูลของเจ้าซะ!”
ด้วยคำพูดของ ลู่เฟิง ลิโป้ และ ทาสดาบทั้งหก ได้เคลื่อนไหว
“คิดจะทำอะไร!”
หยานกาน ได้พุ่งไปด้านหน้าของ ลู่เฟิง
ตู้ม!
ลิโป้ ได้ง้างง้าวฟานเทียนในมือ และ ปัดป้องการโจมตีที่รุนแรงของหนานกาน
หยานกาน ได้เคลื่อนไหวและเตรียมจะหลบหนี แต่ทาสดาบทั้งหกได้ลงมือแล้ว
หญิงสาวสองคนได้ปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมา คนนึงได้ใช้โซ่เหล็กพุ่งโจมตีออกไปอีกคนได้ใช้ดาบเพื่อโจมตีใส่ หยานกาน
ร่างของอีกสี่คนได้วูบไหวอยู่ด้านข้างของอยู่ หยานกาน และ โจมตี เขาพร้อมกัน
ความสับสนวุ่นวายได้เกิดขึ้น
ความแข็งแกร่งของ หยานกาน ได้ถูกผนึกไว้อย่างสมบูรณ์
เหล่าผู้นำตระกูลใหญ่ทั้งสี่ สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายบรรยากาศที่แข็งแกร่งอย่างมาก
“แข็งแกร่งจริง ๆ !”
ดวงตาของ ลิโป้ หดลง เมื่อเขาเห็น ทาสดาบทั้งหก ลงมือ เดิมเขาก็พอจะรู้สึกได้ว่า ทาสดาบทั้งหกนั้นแข็งแกร่ง แต่ไม่คิดเลยว่า จะรวดเร็วและแข็งแกร่งขนาดนี้ การประสานการและตำแหน่งก็สามารถทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ
หญิงสาวสองคน ราวกับมีความคิดเดียวกัน คนนึงรับคนนึงรุก พวกเธอสามารถทำงานผสานลงตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยมี เฉินกัง หัวหน้าทาสดาบทั้งหก คอยประสานงานตำแหน่งให้อยู่รอบนอก
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ต้วนชุย ชายผู้ที่เปรียบเสมือนเงาและคอยโจมตี แน่นอนว่าหากพลาดไปนิดเดียวเป้าหมายจะต้องเสียชีวิตอย่างแน่นอน
เมื่อเทียบกับการตกใจของ ลิโป้ หยานกาน ยังคงมีมากกว่า
เขาเป็นนักรบระดับ 2 ขั้นปรมาจารย์ แม้จะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งในหยูโจว แต่ในอาณาจักรหนานหยาน และอาณาจักรรอบข้าง เขาล้วนเป็นยอดฝีมืออย่างแน่นอน
แต่ทั้งหกคนที่ทำงานผสานกันนั้นกลับขังเขาไว้ได้อย่างสมบูรณ์
หน้าผากของเขาได้ปรากฏเหงื่อเย็นไหลออกมา เขามีอายุมานานมากกว่าสองร้อยปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าความตายอยู่ใกล้เขามาก!
เขาไม่เข้าใจว่าทำไม คนเหล่านี้ ถึงปรากฏตัวขึ้นและรับใช้ ลู่เฟิง
“ไม่ธรรมดาจริง ๆ !”
ลู่เฟิงมองไปที่ หยานกาน ด้วยรอยยิ้ม”มีหลายคนที่มันกล้าดูหมิ่นข้า แต่พวกมันทั้งหมดล้วนตาย เจ้าเองก็ไม่ต่างกัน เอาล่ะ หลังจากฆ่าเจ้าแล้ว ข้าจะไปเดินดูมรดกตระกูลของเจ้าที่เจ้าอ้างนักอ้างหนาหน่อย แต่…”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาได้หายไปและกล่าวพูดอย่างเย็นชา”ข้าต้องการให้เจ้ารับรู้ทุกสิ่งอย่างด้วยตนเอง!”
“ทำลายตันเถียนของมันและทำให้มันกลายเป็นคนธรรมดา!”
“เจ้า…”
ตุบ!
หยานกาน ไม่สามารถต่อต้านได้ ต้วนชุย ได้ฟันดาบที่แหลมคมไปยังตันเถียนของ หยานกาน เพียงชั่วระยะเวลาสั้น ๆ พลังปราณที่กักเก็บมาหลายร้อยปีก็ระเบิดออกมาข้างนอกและหายไปในที่สุด
อั๊ก
บรรดาผู้นำตระกูลใหญ่ทั้งหมดได้จ้องมองไปที่ หยานกาน ที่นอนดิ้นอยู่บนพื้น ความกลัวได้ครอบงำจิตใจของพวกเขาอีกครั้ง
กลัว!
กลัว!
ตาย!
คำสามคำนี้ยังคงกระพริบอยู่ในใจของผู้นำตระกูลเหล่านี้ เขากลัวว่า ทาสดาบทั้งหก จะโจมตีพวกเขาและเอาชีวิตของพวกเขาไป
แต่ในเวลานี้ ลู่เฟิง ได้กล่าวพูดเบา ๆ “ไปกันเถอะ!”
ทาสดาบทั้งหก ลิโป้ ได้กลับไปยังตำแหน่งเดิมติดตาม ลู่เฟิงออกไปนอกคฤหาสน์
แต่เมื่อเขาเดินออกไปไม่ถึงสิบเมตร ลู่เฟิง ก็หยุดฝีเท้าและจ้องมองไปที่ผู้นำตระกูลใหญ่ทั้งสี่ นอกเหนือจาก หยานจือยี่”ตอนนี้ ตระกูลหยาน ถือว่าจบสิ้นแล้ว ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าข้าจะส่งคนมาจัดการ ล้างบางตระกูลหยาน เจ้าคิดว่า หลังจากจบเรื่องนี้แล้ว ตระกูลต่อไปจะเป็นใคร?”
เมื่อพูดจบแล้ว ลู่เฟิง ก็หัวเราะออกมาและจากไปพร้อมกับ ลิโป้ และ ทาสดาบทั้งหก
ผู้นำตระกูลใหญ่ทั้งสี่ ได้ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง พวกเขามองหน้ากันและกัน
ความกลัวได้เเผ่กระจายไปทั่วหัวใจของพวกเขา
ตอนนี้ แม้แต่ หยานจือยี่ ใบหน้าของเขาได้ซีดเผือก บรรพบุรุษของเขาได้ถูกยกเลิกการบ่มเพาะพลังไปแล้ว เขาจะสามารถทำอะไรกับ ลู่เฟิง ได้อีก?
เมื่อครู่ ลู่เฟิงบอกจะทำลายตระกูลหยานของเขา?
นี่คือความรู้สึกอึดอัดที่ต้องนอนรอความตายหรือไม่!