MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ - ตอนที่ 203
โจจู๋ คร่ำครวญเล็กน้อยและตอบกลับ”ฝ่าบาท นิกายดาบวิญญาณ เป็นนิกายที่ใหญ่ที่สุดในตะวันตกเฉียงใต้ของหยูโจว ว่ากันว่า พวกเขามียอดฝีมือขั้นราชาศักดิ์สิทธิ์อยู่ในนิกาย พวกเขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังสองอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ แน่นอนว่าแม้แต่ราชวงศ์ชั้นสูงบางราชวงศ์ก็ไม่ใช่คู่มือของพวกเขา”
ลู่เฟิงขมวดคิ้วแน่น”อาณาจักรหนานหยานก็ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของหยูโจว ทำไมพวกเราถึงไม่เคยได้ยินเรื่องของนิกายดาบวิญญาณมาก่อน หรือว่า นิกายดาบวิญญาณไม่ได้ตั้งอยู่ที่นั่น?”
“ฝ่าบาททรงพระปรีชามากนัก”
โจจู๋ ได้ตอบกลับ”แม้ว่านิกายดาบวิญญาณจะเป็นนิกายที่ใหญ่ที่สุดในตะวันตกเฉียงใต้ แต่อำนาจของพวกเขากลับอยู่ทางตอนใต้ของหยูโจวมากกว่า นอกเหนือจากอาณาจักรซีหยาง และ อาณาจักรหนานหยาน ที่แยกตัวออกมาแล้ว คาดว่าอาณาจักรทางตะวันตกเฉียงใต้น่าจะถูกพวกเขาควบคุมไว้ทั้งหมด”
“ถ้าเช่นนั้น ก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาณาจักรซีหยาง ทำไมนิกายดาบวิญญาณถึงส่งยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์มาเพื่อช่วยเหลืออาณาจักรซีหยาง?”ลู่เฟิงกล่าวถาม
“เรื่องนี้…”
โจจู๋ ยิ้มอย่างขมขื่น”ชายชราคนนี้เองก็ไม่ทราบเหมือนกัน”
ลู่เฟิงพยักหน้าและไม่ได้ถามอะไรต่อ อย่างน้อยเขาก็ยังพอรู้ข้อมูลคร่าว ๆ จากปากของ โจจู๋
“ฝ่าบาทพวกเราจะบุกโจมตีเมืองต่อไปหรือไม่?”เมิ่งเถียนกล่าวถามพลางมองไปที่ลู่เฟิงอย่างระวัง
“แน่นอน”
ลู่เฟิงยิ้มออกมา”เพียงเพราะอีกฝ่ายมีนิกายดาบวิญญาณคอยปกป้องอยู่ ก็ใช่ว่าเราจะไม่โจมตีเมืองนี้ ในฐานะจักรพรรดิ ก็อีแค่นิกายดาบวิญญาณยังเกรงกลัว แล้วข้าจะกลายเป็นจักรพรรดิเพียงหนึ่งเดียวในใต้หล้าได้อย่างไร”
“ส่งคำสั่งของข้าออกไป”
“กองทัพทั้งหมดให้เข้าเคลียร์พื้นที่สนามรบ ทหารที่ยอมจำนนก็ให้รับมาเสียใครต่อต้านก็กุดหัวพวกมัน จากนั้นก็สั่งกำลังพลทหารไปปิดล้อมเมืองหลิงหยางภายในสามวัน ข้าต้องการทำให้เมืองหลิงหยางแตกพ่าย!”
“ขอรับ!”
เมิ่งเถียน และ ลิโป้ ที่ได้ยินดังนั้นพวกเขาก็รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย
พวกเขาเป็นแม่ทัพ ธรรมชาติพวกเขาย่อมหวังว่าฝ่าบาทของพวกเขาจะมีความทะเยอทะยานอย่างมากที่สุด การที่ ลู่เฟิง ตัดสินใจโจมตีเมืองต่อหลังจากพบสถานการณ์เช่นนี้ นี่พิสูจน์ได้ว่าฝ่าบาทของพวกเขาหาใช่คนที่เกรงกลัวหัวหดไม่
ในฐานะแม่ทัพภายใต้บัญชาของฝ่าบาทมีหรือที่พวกเขาจะต้องกังวลอะไร?
สงคราม! จัดการทุกอย่างและต่อสู้เพื่อความยิ่งใหญ่ของฝ่าบาท!
ฆ่า ! ฆ่าศัตรูทุกคนเพื่อความยิ่งใหญ่ของฝ่าบาท!
ในฐานะแม่ทัพพวกเขายินดีทำทุกอย่างเพื่อความยิ่งใหญ่ของฝ่าบาท!
คำสั่งของ ลู่เฟิง ทำให้ ทหารที่ไม่ยอมจำนนทั้งหมดถูกตัดศีรษะ
น่าเสียดาบที่ ชูจิน และ รัฐมนตรีภายใต้เงื้อมมือของอีกฝ่ายได้หลุดรอดไปได้ ลู่เฟิง,ทาสดาบทั้งหก และ ลิโป้ ได้เข้าต่อสู้กับนิกายดาบวิญญาณ เป็นธรรมชาติที่พวกเขาจะตามอีกฝ่ายไม่ทัน
ในเมื่ออีกฝ่ายยังไม่ตาย แน่นอนว่าอีกฝ่ายจะต้องรวบรวมกองกำลังทหารคอยปกป้องอยู่ที่เมืองหลิงหยางสักพักแน่
ลู่เฟิง ไม่ได้รู้สึกกังวล หลังจากที่ทหารเหล่านั้นพ่ายแพ้จิตวิญญาณต่อสู้ของพวกเขาก็พังทลายลงมา เขายังต้องกังวลอะไรอีก
สิ่งที่เขากังวลตอนนี้ก็คือหลบหนีการตามล่าของนิกายดาบวิญญาณ
นิกายดาบวิญญาณที่ส่งยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์มาแล้วอีกฝ่ายไม่ได้รายงานกลับไปเป็นธรรมชาติที่พวกเขาจะส่งยอดฝีมือที่แข็งแกร่งกว่าพวก หวู่เหลยหยุนออกมาติดตาม
นี่เป็นเรื่องลำบากสำหรับเขา
แต่โชคดีก็คือ นิกายดาบวิญญาณตั้งอยู่ห่างไกลจากอาณาจักรซีหยาง กว่าข่าวเรื่องนี้จะแพร่กระจายไปถึงคาดว่าน่าจะใช้เวลาสักหนึ่งเดือน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขามีเวลามากพอที่จะรักษาเสถียรภาพของกองทัพอาณาจักรซีหยางและฝึกฝนพวกเขา
เพื่อปรับปรุงความแข็งแกร่ง
หากนิกายดาบวิญญาณส่งยอดฝีมือมาอีกเขาเชื่อว่าตนเองจะหาหนทางรับมืออีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะส่งมาเท่าไหร่ เขาก็จะฆ่าพวกมันให้หมด!
…
ในเมืองหลิงหยาง,พระราชวังของจักรพรรดิ
มีบุรุษหนุ่มที่หล่อเหลายืนอยู่ด้านหลังของ ชูฉี เขากล่าวพูดด้วยรอยยิ้ม”เสี่ยวฉี เจ้าไม่ต้องกังวล ข้างกายข้ามียอดฝีมือจำนวนมาก ไม่เพียงแต่บิดาของเจ้าจะปลอดภัยสบายดี แม้แต่จักรพรรดิแห่งอาณาจักรหนานหยานจะต้องถูกสังหารอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชูฉี ก็โค้งคำนับเล็กน้อย”ขอบคุณนายน้อยหวู่เพคะ”
บุรุษหนุ่มผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือ ประมุขน้อยของนิกายดาบวิญญาณ หวู่ฮง
“เสี่ยวฉี ทำไมเจ้าถึงพูดกับข้าห่างเหินถึงเพียงนี้?”
หลังจากพูดเสร็จ หวู่ฮง ก็ยื่นมือออกไปหวังจะจับมือของ ชูฉี
อย่างไรก็ตาม ชูฉี กลับก้าวถอยหลังออกไปสองกาวและพูดเบา ๆ “นายน้อยหวู่ หม่อมฉันรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย ท่านโปรดกลับไปเถิดเพคะ!”
ใบหน้าของ หวู่ฮง เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขายังคงยิ้มออกมาอย่างรวดเร็ว”ก็ได้ เสี่ยวฉี ข้าจะกลับไปก่อน แน่นอนว่าเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะช่วยเหลือเจ้าและอาณาจักรซีหยางของเจ้าให้ดีที่สุด”
ชูฉี ได้โค้งคำนับเล็กน้อย
จากนั้น หวู่ฮง ก็ได้จากไป
ชูฉี ได้เฝ้าดู หวู่ฮง จากไป เธอรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น”ตัวข้าเป็นเพียงชิปต่อรองสำหรับข้อตกลงเท่านั้นหรือ?”
หลังจาก หวู่ฮง จากมา เขาก็มองไปที่ ห้องของ ชูฉี ด้วยสีหน้าบึ้งตึงและส่งเสียงกรนออกมาอย่างเย็นชา”นังแพศยา หากไม่ใช่เพราะว่าสิ่งนั้นจำเป็นจะต้องมอบให้เป็นการส่วนตัว ข้าคงไม่แสร้งทำดีกับเจ้าเช่นนี้”
“นายน้อยหวู่ นายน้อยหวู่”
ทันใดนั้นเอง เสียงที่ตื่นตระหนกของชูจินก็ได้ดังขึ้น
ชูจิน ที่ได้ยินดังนั้นใบหน้าบึ้งตึงได้หายไปกลับแทนที่ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนเขาได้กล่าวถามออกมา”ท่านลุงชูจิน เกิดอะไรขึ้นกับท่าน?”
“นายน้อยหวู่ ได้โปรดช่วยเหลือข้าด้วย!”ชูจิน ได้ร้องห่มร้องไห้ออกมา
“เกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่ว่าท่านนำกองทัพ 1.5 ล้านคนไปถล่มกองทัพ 600,000 คนของลู่เฟิงหรอกหรอ ทั้งข้ายังส่งยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์ไปปกป้องท่านอย่างลับ ๆ เหตุใด ท่านถึงทำสีหน้าเช่นนั้นเล่า ?”หวู่ฮง รู้สึกงุนงง
ชูจิน รู้สึกละอายที่จะพูดเขาได้ตอบกลับ”กองทัพของข้าพ่ายแพ้อย่างหมดรูป!”
“อะไรนะ?”
หวู่ฮง รู้สึกตกใจ”กองทัพ 1.5 ล้านคน กลับพ่ายแพ้ กองทัพ 600,000 คน?”
ชูจิน ได้พยักหน้าอย่างละอายใจเขาไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไรดี
สวะ!
หวู่ฮง ที่ได้ยินดังนั้นเขาได้สาปแช่งในใจ
กองทัพ 1.5 ล้านคน ไม่ใช่จำนวนที่น้อย ๆ แม้จะเป็นนิกายดาบวิญญาณก็ยังยากที่จะทำลายได้ แต่ทว่ากองทัพ 1.5 ล้านคนเหล่านี้ กลับพ่ายแพ้ศัตรูที่มีน้อยกว่าตนเองถึงครึ่งนึง
และยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังบอกอีกว่ากองทัพ 1.5 ล้านคนได้พ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์
นี่ไม่ได้หมายความว่ากองทัพของอาณาจักรซีหยางนั้นไร้ประโยชน์หรือไม่ ? หรือว่าแม่ทัพที่สั่งการกองทัพ 1.5 ล้านคนนั้นไร้ประโยชน์เกินไป?
หวู่ฮง ไม่รู้จะอธิบายความโง่เขลาของชูจินอย่างไร
แต่ตอนนี้ เขาต้องการให้ ชูฉี เต็มใจมอบสิ่งนั้นให้กับตัวเองทำให้เขาไม่สามารถทำให้ ชูจิน ขุ่นเคืองได้
เขาไม่มีทางเลือกนอกจากพูดตอบกลับ”ท่านลุงชูจิน แม้ว่ากองทัพ 1.5 ล้านคนของท่านจะพ่ายแพ้ แต่ก็คงมีทหารเหลือรอดกลับมาอยู่ใช่หรือไม่?”
“เมืองหลิงหยางมีกำแพงที่แข็งแกร่ง ถ้าเกิดมีทหารรักษาการณ์สัก 300,000 นาย การจะยึดมั่นสถานที่แห่งนี้เอาไว้ได้นานนับเดือนก็ย่อมไม่ใช่ปัญหา ตอนนี้ ศัตรูของอาณาจักรซีหยางก็คือศัตรูของนิกายดาบวิญญาณ ข้าจะสั่งให้ทางนิกายรวบรวมทหารจากอาณาจักรใต้อาณัติหลายล้านคนมาช่วยเหลือสนับสนุนอาณาจักรซีหยางในทันที”
ชูจิน รู้สึกดีใจมาก”เข้าใจแล้ว ข้าจะรีบลงไปรวบรวมทหารที่เหลือและจัดตั้งกองทัพขึ้น ข้าเชื่อว่าอย่างน้อยน่าจะสามารถปกป้องเมืองหลิงหยางได้นานกว่าหนึ่งเดือน”