MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ - ตอนที่ 219
ความทะเยอทะยานระดับนี้แม้แต่ข้าราชบริพารเหล่านี้ยังแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน!
เดิมหากเป็นลู่เฟิงก่อนหน้านี้การที่เด็กหนุ่มอายุ 16 ปี พูดคนนึงพวกเขาย่อมไม่เชื่ออย่างแน่นอน แต่ทว่าจักรพรรดิคนนี้กลับนำทหารทำลายอาณาจักรซีหยางได้สำเร็จ
และตอนนี้ อาณาจักรซีหยางก็ถูกทำลายไปแล้ว
ดังนั้นความฝันของจักรพรรดิที่จะเปลี่ยนอาณาจักรเป็นจักรวรรดิหนานหยานนั้นไม่ใช่เรื่องที่สิ้นหวังโดยสิ้นเชิง
ตอนนี้บรรดาผู้ที่มีความขุ่นเคืองใจกับลู่เฟิงมาตลอดพวกเขากลัวว่าลู่เฟิงมีความทะเยอทะยานมากเกินไปแต่สำหรับคนที่ภักดีพวกเขาต่างก็รู้สึกเห็นด้วยกับความคิดเหล่านี้
แม้ว่าความเห็นของคนเหล่านี้จะไม่ตรงกันแต่ก็ไม่มีใครกล้าดูถูกลู่เฟิง
มีเพียงความเด็ดขาดและเด็ดเดี่ยวของจักรพรรดิเท่านั้นที่จะสามารถนำพาประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองได้
ซุนฮก ได้มองไปที่ ลู่เฟิง และคุกเข่าลง”ข้าน้อย พร้อมทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อเติมเต็มความทะเยอทะยานของพระองค์ แม้จะหัวเด็ดตีนขาดก็จะไม่ถอยเด็ดขาด”
“แม้จะหัวเด็ดตีนขาดก็จะเติมเต็มความทะเยอทะยานของพระองค์!”
ซุนฮก ได้นำพาข้าราชบริพารคนอื่น ๆ คุกเข่าลงและพูดเสียงดัง
ลู่เฟิงหัวเราะออกมา”ด้วยความช่วยเหลือจากทุกคน ข้าจะล้มเหลวได้อย่างไร?’
จากนั้น ลู่เฟิง ก็กล่าวถึงวีรกรรมและการมอบรางวัลสำหรับคนที่ควรจะได้รับไม่ว่าจะเป็นเงินทองตำแหน่งอย่างเป็นทางการหรืออื่น ๆ
ในหมู่พวกเขา โจจู๋ ได้เป็นหัวหน้าสมาคมเล่นแรเเปรธาตุโดยตรงเขาได้จัดการเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุทั้งหมดของราชอาณาจักรจักร
ทั้งนี้ยังทำให้ความภักดีของ โจจู๋ เพิ่มขึ้นจาก 89 เป็น 95
ในความภักดีระดับนี้ เว้นแต่ ลู่เฟิง จะทำอะไรบางอย่างให้ โจจู๋ สิ้นหวัง หากไม่แล้วเขาก็หาต้องกังวลเกี่ยวกับการทรยศของ โจจู๋
นอกจากนี้ ตู้หลี่ซู่ ที่เป็นผู้ช่วยของ โจจู๋ ก่อนหน้านี้ ความภักดีของเขาได้เพิ่มขึ้นเป็น 70 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างดี
“ในเมื่อทุกคนไม่มีอะไรแล้ววันนี้ก็พอแค่นี้แล้วกันแยกย้ายกันไปได้!”
หลังจากมอบรางวัลเสร็จ ลู่เฟิง ก็วางแผนจะกลับไปหา มู่หลาน
เขาไม่ต้องการเสียเวลาอยู่ที่นี่นานนัก
นอกจากนี้เขายังต้องการพักผ่อนแบบสงบสุข
“ฝ่าบาท โปรดรอก่อนพะยะค่ะ!”
ทันทีที่ ลู่เฟิง กำลังจะจากไป ฮูหยิน กรมพิธีการได้ก้าวไปข้างหน้าและกล่าวพูดขึ้น
“อาจารย์ฮู มีอะไรงั้นหรือ?”ลู่เฟิงกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
ฮูหยิน เป็นรัฐมนตรีที่จักรพรรดิองค์ก่อนทิ้งไว้ แม้ว่า เหรินหยาน ก่อนหน้านี้ จะทำให้ ลู่เฟิง ไม่พอใจกับรัฐมนตรีเก่าเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม ฮูหยิน และ เหวินอาน ยังคงมีความภักดี และ ลู่เฟิงก็ยังคงเคารพพวกเขา
“ฝ่าบาท พระองค์มีพรรษา 16 ปี ในปีนี้ ตามทำเนียมของอาณาจักร พระองค์ควรจะแต่งตั้งนางสนมขึ้นมา พระองค์จำเป็นจะต้องคิดถึงแล้วนี้แล้วพะยะค่ะ เพราะนี่ส่งผลต่ออนาคตและทิศทางของอาณาจักร”ฮูหยินได้คุกเข่าลงบนพื้นและกล่าวพูดขึ้น
“ข้าน้อยก็เห็นด้วยพะยะค่ะ!”
เหวินอาน เองก็ก้าวออกไปข้างหน้า”ฝ่าบาท ในเวลานี้ พระองค์ไม่ควรแค่มีนางสนมแต่ควรมีชายาเอกด้วยนะพะยะค่ะ เพื่อแผ่กิ่งก้านและใบให้ความร่มเย็นเป็นสุขแก่อาณาจักรของเรา”
อาณาจักรหนานหยานในตอนนี้ถือว่ามีวิกฤติเรื่องการสืบทอด
สายเลือดราชวงศ์ที่เหลืออยู่ในอาณาจักรก็มีเพียงแค่ ลู่เฟิง คนอื่น ๆ ในปัจจุบันล้วนถูกฆ่าตายไปโดยโม่เต๋าก่อนหน้านี้
เหตุผลที่ ลู่เฟิง ยังมีชีวิตอยู่ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเพราะภาพลักษณ์ที่ไร้ค่าในสายตาทุกคนมิฉะนั้นเขาคงจะตายไปแล้ว
และมันจะไม่มีเหตุการณ์ที่ ลู่เฟิง มาเข้ายึดร่างนี้
นอกจากนี้ ราชวงศ์ของราชาเมกาทรอนลู่เว่ย ก็โดนฆ่าล้างบางไปเนื่องจากการก่อกบฏและไม่มีใครรอดชีวิตเลย
ดังนั้นราชวงศ์หนานหยานจึงเหลือเพียง ลู่เฟิงคนเดียว
สิ่งนี้ทำให้เหล่ารัฐมนตรีเหล่านี้กังวลมาก เพราะถ้าหาก ลู่เฟิงประสบอุบัติเหตุ จะไม่มีสายเลือดราชวงศ์เหลืออยู่สืบทอดบัลลังก์และอาณาจักรหนานหยานก็อาจจะกลับมาจมดิ่งอีกครั้ง
เพราะเหตุผลนี้รัฐมนตรีเหล่านี้จึงไม่สามารถนิ่งนอนใจได้จนยกเรื่องนี้มาพูด
หลังจาก เหวินอาน และ ฮูหยิน กล่าวพูดออกมา ซุนฮก ก็ลุกขึ้นยืน
ในมุมมองของ ซุนฮก ตอนนี้ ฝ่าบาท ควรจะแต่งสนมเข้าวังจริง ๆ ด้วยวิธีนี้ทุกคนจะสามารอุ่นใจได้
ลู่เฟิง ได้พยักหน้าอย่างลับ ๆ เดิมเขาต้องการแต่งตั้งมู่หลานเป็นราชินี และ การที่ข้าราชบริพารของเขาเสนอโอกาสมาเช่นนี้ทำให้เขารับรู้ได้ถึงโอกาสอันดีงาม
ขณะที่เขากำลังจะพูดออกมาฮูหยินก็ได้พูดขึ้นในเวลานี้”ฝ่าบาท ข้าน้อยคิดว่า พระชายาของพระองค์ควรจะเป็นคนที่มีคุณธรรมและเป็นสุภาพสตรี อีกทั้งยังต้องเป็นคนที่มีฐานะที่มาที่ไปที่ชัดเจน เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ”
คิ้วของลู่เฟิงขมวดคิ้วขึ้นทันที คำพูดของ ฮูหยิน ราวกับกีดกันมู่หลานจากตำแหน่งโดยสิ้นเชิง
เพราะภาพลักษณ์ของมู่หลานไม่ได้เป็นสุภาพสตรีอีกทั้งยังมีฐานะที่มาที่ไปที่ไม่ชัดเจน
แต่ในใจของลู่เฟิง มีเพียง ฮวามู่หลาน เท่านั้น
ในฐานะจักรพรรดิเขาสามารถแต่งตั้งฮวามู่หลานเป็นราชินีได้ แต่เขาต้องคำนึงถึงความเหมาะสมซึ่งสิ่งนี้จะทำให้ชื่อเสียงของเธอและเขาถูกโจมตีได้
ดูเหมือนว่าเขาจะต้องสร้างสถานะให้มู่หลานมีตัวตนที่เหมาะสมเสียก่อน
ลู่เฟิงได้ยิ้มในใจเล็กน้อย”อาจารย์ฮู เกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าเองก็คิดอยู่เหมือนกัน แต่ทว่านางสนมของข้าไม่สามารถเลือกแบบส่ง ๆ ได้ “
“เกี่ยวกับสิ่งนี้เกรงว่าจะต้องหารือกันอีกครั้งภายหลัง”
เพื่อค้นตัวตนที่เหมาะสมกับ ฮวามู่หลาน ลู่เฟิง จำเป็นจะต้องใช้เวลาพอสมควร ยังไงเขาก็เป็นถึงจักรพรรดิ หากเขาพูดถ่วงเวลาเรื่องนี้ออกไปใครเล่าจะกล้าคัดค้าน
“ข้าน้อยรับคำสั่ง!”ฮูหยินได้ตอบกลับทันที
ในใจของเขาคิดว่าจะหาคนที่เหมาะสมมาแต่งกับฝ่าบาทได้
“เช่นนั้นก็แยกย้ายเถอะ!”
“ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน”
ทุกคนได้คุกเข่าลงกับพื้นทันที
ลู่เฟิง ได้ออกจากห้องโถงเจิ้งหลงพร้อมกับเสียงถวายคำนับของทุกคน
ก่อนหน้านี้ เขาวางแผนที่จะไปหา มู่หลานก่อน แต่ทว่า เรื่องเมื่อครู่ทำให้เขาต้องตรงไปที่ห้องศึกษา
“ให้ จินยี่เหว่ยไปแจ้ง ซุนฮก ให้มาพบข้าที่ห้องศึกษา”ลู่เฟิง ได้กล่าวพูดเบา ๆ และนั่งลงบนเก้าอี้
“ขอรับ!”
ต้วนชุย ได้ตอบกลับพร้อมกับรีบไปแจ้ง จินยี่เหว่ย
ไม่นาน ซุนฮก ก็มาถึง
“ถวายบังคมฝ่าบาท!”ซุนฮก ได้คุกเข่าลงกับพื้น
“ลุกขึ้น”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
ลู่เฟิง มองไปที่ ซุนฮก และ ยิ้มออกมา”เหวินยื่อ ในฐานะที่เจ้าเป็นคนฉลาดข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถช่วยเหลือเรื่องบางอย่างแก่ข้าได้”
“พระองค์โปรดตรัสถามเถิด!”ซุนฮก ได้ตอบกลับ
“เกี่ยวกับเรื่องนางสนม ข้าว่าเจ้าก็พอจะเดาได้อยู่แล้ว”ลู่เฟิง มองไปที่ ซุนฮกทันที”เจ้ามีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่ายังไงบ้าง?”
“ข้าน้อยมิกล้า!”ซุนฮก ได้ตอบกลับทันที
เกี่ยวกับสมัยก่อนนั้น มีข้าราชบริพารสองฝ่าย ที่มักมีข้อพิพาทเกี่ยวกับตำแหน่งนางสนมของจักรพรรดิ
ฝ่ายแรกมักจะสนับสนุนญาติมิตรสหาย เพื่อที่จะทำให้ตนเองมีอำนาจอยู่ในมือ
สิ่งนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ จักรพรรดิทรงเห็นชอบและทำให้ฝ่ายแรกเหล่านั้นมีอำนาจมากขึ้นกว่าเดิม
ส่วนฝ่ายที่สองนั้น มักจะเฝ้นหาตามคุณสมบัติ แต่ทว่าเรื่องนี้หากผิดพลาดจะมีโทษทันฑ์ร้ายแรงอย่างมาก
ซุนฮก เป็นคนฉลาด เขาจึงไม่ต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องเหล่านี้ เขาต้องการช่วยเหลือ ลู่เฟิง ในการจัดการเรื่องในราชสำนักเท่านั้น ไม่รวมถึงหัวข้อเรื่องนางสนมหรือพระชายาเอก