MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ - ตอนที่ 226
อาณาจักรหนานหยานในโรงเตี๊ยมธรรมดาแห่งนึง มีชายชราคนหนึ่งนำกลุ่มนักรบที่ทรงพลังมากมายมาที่นี่
“อาวุโสสอง พวกเรายังจะรออะไรกันอีก ทำไมพวกเราไม่รีบไปฆ่าลู่เฟิงและช่วยเหลือประมุขน้อย!”ชายวัยกลางคนมองไปที่ชายชราและกล่าวถาม
คนเหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือจากนิกายดาบวิญญาณ!
พวกเขามาที่นี่เมื่อวันก่อน
ชายชราคนนี้มีชื่อว่า หวู่บ๋อเหวิน อาวุโสลำดับสองของนิกายดาบวิญญาณ ความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้อ่อนเเอ
ในหยูโจวถือได้ว่าแข็งแกร่งระดับหนึ่ง
หวู่บ๋อเหวิน ยิ้มออกมา”อย่าเพิ่งปล่อยให้ความโกรธครอบงำ แน่นอนว่าพวกเราจะทำให้พวกมันได้ประจักษ์ถึงความแข็งแกร่งของนิกายดาบวิญญาณ”
“ลู่เฟิง กำลังจะแต่งงานเร็ว ๆ นี้ ในเวลานั้น นับเป็นวันฤกษ์งามยามดีที่สุด ที่จะแสดงให้ทุกคนได้เห็นถึงความผิดพลาดที่กล้าเป็นศัตรูกับนิกายดาบวิญญาณของข้า!”
“นอกจากนี้ การฆ่า ลู่เฟิง ในงานแต่งจะมีอิทธิพลอย่างมาก มันจะทำให้เราสามารถบ่อนทำลายอาณาจักรหนานหยานแห่งนี้ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นปล่อยให้ ลู่เฟิง มันมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสองสามวันก่อนเถอะ”
เมื่อคนที่เหลือได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็ยิ้มออกมา”ที่แท้อาวุโสสองก็มีความคิดลึกล้ำพวกเราสองคนคิดง่ายเกินไป!”
“อาวุโสสองมีสติปัญญาเฉียบแหลมไปด้อยไปกว่าท่านประมุขเลย!”
“ฮ่าฮ่า,พอหยุดดประจบข้าได้แล้ว เท่าที่ข้ารู้มา อาณาจักรหนานหยานเป็นเพียงอาณาจักรที่อ่อนเเอ แต่ในตอนนี้ ถือว่าเป็นสามอาณาจักรอันดับต้น ๆ ของแถวนี้ มันจะต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างแน่นอน พวกเราจะต้องรู้เรื่องนี้ให้ได้ และ อีกอย่าง เราจะต้องหาสถานที่ซ่อนตัวของประมุขน้อยว่าถูกกักขังไว้ที่ไหน”
“ขอรับ พวกเราจะลงไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้!”
“ดีมาก!”
หวู่บ๋อเหวิน ได้พยักหน้า เขาไม่ได้กังวลเลยว่าคนของเขาจะไม่สามารถหาอะไรได้ เพราะคนของเขาที่มาที่นี่อ่อนเเอสุดก็ขั้นปรมาจารย์ระดับ 1 และ แข็งแกร่งสุดก็ขั้นปรมาจารย์ระดับ 7
…
ภายในวัง ลู่เฟิง มองไปที่จดหมายด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
จดหมายมาจาก จินยี่เหว่ย ที่สืบรู้มาจาก อาณาจักรไป๋หลัน
กองทัพของอาณาจักรไป๋หลัน ได้รวมตัวกันที่ชายแดน และจะใช้ประโยชน์จาก 13 มณฑลซีหยางที่กำลังอยู่ในช่วงอ่อนเเอบุกโจมตี
นี่ไม่ใช่กุญแจสำคัญ แม้ว่า จะถูกพวกเขารุกรานจริง เมิ่งเถียน ก็สามารถออกทัพ และ ให้จางซุนหวู่จี๋ จัดการเรื่องการเมืองได้ ท้ายที่สุดก็ย่อมสามารถแก้ไขปัญหาได้อยู่ดี
แต่ทว่า ลู่เฟิง กังวลเกี่ยวกับอีกสิ่งหนึ่งคือนิกายดาบวิญญาณ!
ข้อความนี้บอกไว้ว่า ในเมืองหลวงของอาณาจักรไป๋หลัน มีร่องรอยคนของนิกายดาบวิญญาณ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นิกายดาบวิญญาณจะต้องส่งคนมาที่อาณาจักรหนานหยานแน่นอน
มันอาจเป็นเพราะข่าวที่ หวู่ฮง ประมุขน้อย นิกายดาบวิญญาณ ถูกจับ พวกเขาต้องการมาช่วยและแก้แค้นในเวลาเดียวกัน
ข่าวจากเมืองซีหยาง นั้นมาถึง เมืองหลวงหนานหยานเร็วมาก แต่ทว่า ข่าวจากอาณาจักรไป๋หลันมาถึงเมืองซีหยาง ค่อนข้างใช้เวลา
และ ลู่เฟิง เชื่อว่า คนจากนิกายดาบวิญญาณ ย่อมลอบแทรกซึมเข้ามาในอาราจักรหนานหยานแล้ว
“ครั้งนี้นิกายดาบวิญญาณ จะต้องส่งคนมาที่นี่อย่างแน่นอน!”
ลู่เฟิง ลูบศีรษะด้วยอาการปวดหัว
ถ้านิกายดาบวิญญาณกล้าประกาศศึกและเผชิญหน้าตรง ๆ ลู่เฟิง ก็หาได้กังวลเลย
เพราะเขาเชื่อมั่นในตัวของแม่ทัพของเขา
เกาชุน,เหลียนป๋อ,เมิ่งเถียน,เตียวเลี้ยว และ ลิโป้
ตราบใดที่ศัตรูกล้าบุกเข้ามา เขาก็มีความมั่นใจที่จะต่อสู้
แต่ว่า ถ้านิกายดาบวิญญาณส่งยอดฝีมือที่แข็งแกร่งมาที่อาณาจักรหนานหยานเพื่อลอบสังหารรัฐมนตรีของอาณาจักร นี่เป็นสิ่งที่เขายอมรับไม่ได้
เขากังวลว่า ยอดฝีมือเหล่านี้ จะลอบสังหาร เจี๋ยสวี่ ซุนฮก และ คนของเขา
ความแข็งแกร่งของพวกเขาเทียบไม่ได้กับแม่ทัพและไม่มีทหารรักษาการณ์อยู่รอบตัว เมื่อพวกเขาถูกลอบสังหารโดยยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์ โอกาสที่พวกเขาจะรอดนั้นมีน้อยมาก
โดยทั่วไปแล้ว นิกายเหล่านี้ไม่น่าจะทำเรื่องต่ำช้า แต่นี่ก็เป็นแค่การคาดเดา เขาไม่รู้ว่าจะมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหรือไม่
“เห้อ,ช่างลำบากจริง ๆ !”ลู่เฟิง ปวดขมับทันที
“รายงานฝ่าบาท อาจารย์เจี๋ย ต้องการเข้าเฝ้า!”เสียงของ เสี่ยวไห่ฉี ได้ดังมาจากประตูด้านนอก
กั๋วเจีย?
ดวงตาของ ลู่เฟิงสว่างขึ้น บางที กั๋วเจีย คนนี้อาจจะช่วยเขาแก้ไขปัญหาได้
เขารีบตอบกลับทันที”ให้เข้ามา!”
ในไม่ช้า กั๋วเจีย ก็เดินเข้ามาและคุกเข่าลง”ถวายบังคมฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน”
“ลุกขึ้นเถอะ!”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”กั๋วเจีย ได้ลุกขึ้นและมองไปที่ลู่เฟิงด้วยความเคารพ
ลู่เฟิง มองไปที่ กั๋วเจีย และกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม”กั๋วเจีย วันนี้เจ้ามาหาข้ามีธุระอะไรงั้นหรือ?”
“เรียนฝ่าบาท!”
กั๋วเจีย ได้ครุ่นคิดเล็กน้อย”ก่อนหน้านี้ แม่ทัพเมืองหนานกวง จางซุนห่าว ได้มาที่คฤหาสน์ของข้าน้อย”
“จางซุนห่าว?”
ลู่เฟิง ได้ขมวดคิ้วแน่น”ข้าจำได้ว่า ก่อนข้าจะกลับมาที่เมืองหลวง ข้าให้ จางซุนหวูจี๋ จัดการ 13 มณฑลซีหยาง และให้ จางซุนห่าว คอยช่วยเหลือ ทำไม จางซุนห่าว ถึงมาอยู่ที่เมืองหลวงซีหยางได้?”
ลู่เฟิง ได้กล่าวถาม กั๋วเจีย”เขาไปหาเจ้าด้วยเรื่องอันใด?”
“ฝ่าบาทอย่าเพิ่งทรงกริ้วเขามาหากระหม่อมด้วยเรื่องมงคล”กั๋วเจียยิ้มออกมา
“เรื่องมงคลอะไร?”ลู่เฟิงกล่าวถามด้วยความสงสัย
“จุดประสงค์ของเขาในการมาเยี่ยมกระหม่อมคือ ต้องการให้ กระหม่อม ช่วยพูดเสนอชื่อ บุตรสาวของเขา จางซุนอู๋โกว เป็นนางสนมในวัง กระหม่อมได้ยินมาว่า จางซุนอู๋โกว งดงามหาใดเปรียบ ย่อมเหมาะสมที่จะเป็นนางสนมของพระองค์โดยธรรมชาติ!”กั๋วเจีย ได้ยิ้มออกมา
ลู่เฟิงผงะเล็กน้อย”ข้าได้เห็น จางซุนอู๋โกว แล้ว เธองดงามมากจริง ๆ เพียงแต่…”
ลู่เฟิง มองไปที่ กั๋วเจีย และกล่าวถาม”ด้วยสติปัญญาของเจ้า เจ้าก็น่าจะรู้ว่า จางซุนห่าว คนนี้ต้องการอะไร”
“พะยะค่ะ,สิ่งที่ จางซุนห่าว ต้องการ ก็คือการเพิ่มอำนาจทางครอบครัวของพวกเขา แต่ตามความคิดของกระหม่อม เขาไม่มีทางทำสำเร็จอย่างแน่นอน!”
“ทำไมล่ะ?”
“ตั้งแต่สมัยโบราณ มีลูกขุนนางมากมายที่แต่งเข้าวัง ด้วยสิ่งนี้ จะเพิ่มฐานอำนาจทางครอบครัวได้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่นี่จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อจักรพรรดิองค์นั้นไร้ความสามารถและมอบหน้าที่จัดการให้กับเครือญาติเหล่านั้น”
“แต่ ฝ่าบาท หาใช่จักรพรรดิที่ไร้ความสามารถไม่ พระองค์ได้แต่งตั้ง ราชินีมู่หลาน เป็นไทเฮา เพื่อควบคุมแก้ไขปัญหาเหล่าลูกตระกูลขุนนางเหล่านั้น อีกทั้ง คนที่เป็นบิดาของราชินีมู่หลาน ก็ยังเป็น แม่ทัพเฒ่าเหลียนป๋อ คนที่ฝ่าบาททรงวางพระทัย เพราะแบบนี้ ความคิดที่จะขยายอำนาจของ เหล่าขุนนาง และ จางซุนห่าว ก็เป็นไปได้ยากมากยิ่งไปกว่านั้น…”
“อะไร?”ลู่เฟิงกล่าวถามทันที
กั๋วเจีย มองไปที่ ลู่เฟิงและตอบกลับ”ฝ่าบาทคำพูดต่อไปนี้ของ กั๋วเจีย อาจจะเกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีบางคน ถ้ากระหม่อมพูดอะไรไม่เหมาะสม หวังว่าฝ่าบาทจะไม่ถือโทษกระหม่อม”
“ฮ่าฮ่า”
ลู่เฟิงหัวเราะออกมา”แม้แต่เจ้ายังกลัวที่จะพูดเลยหรือไม่?”
กั๋วเจีย ได้ยิ้มอย่างเชื่องช้า”กระหม่อมมิต้องการถูกตัดศีรษะหรอกพะยะค่ะ!”