MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ - ตอนที่ 246
ในวันต่อมา จักรพรรดิหนานหยานลู่เฟิง ได้นั่งอยู่บนหลังม้าตัวสูงตามมาด้วยทาสดาบทั้งหก หลิวจี๋ และ เตียวอุ๋น
เขาได้นำทหารองค์รักษ์หนึ่งแสนนายติดตามไปยังเมืองเร้ดเมเปิ้ล
บนกำแพงเมืองหลวง ฮวามู่หลาน ในชุดคลุมฟีนิกซ์ได้มองไปที่ทิศทางการจากไปของลู่เฟิงด้วยสีหน้ากังวล
เธอรู้เรื่องการทหารดีและรู้ว่าตอนนี้อาณาจักรหนานหยานกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤติใหญ่แค่ไหน
“ฝ่าบาท,พระองค์ต้องกลับมาอย่างมีชัยนะเพคะ!”
ในเมืองหลวง ห้องใต้หลังคา จางซุนอู๋โกว ได้มองไปที่ประตูเมืองหลวงและพึมพัมออกมา”ท่านจะเอาชนะศึกครั้งนี้ได้หรือไม่นะ?”
เขตสัตว์อสูร
สมาคมการค้ากู่ววน กู่ซือหยี กำลังรับฟังรายงานจากคนตรงหน้า”เจ้าแน่ใจใช่หรือไม่ว่า มียอดฝีมือจากนิกายดาบวิญญาณ แฝงตัวเข้าไปในกองทัพของอาณาจักรหงเป่า และ อาณาจักรอู๋เซียง”
ต่อหน้าเธอคือชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีดำเขากล่าวพูดด้วยความเคารพ”คุณหนู,เรื่องนี้จริงแท้อย่างแน่นอนมียอดฝีมือของนิกายดาบวิญญาณแฝงตัวเข้าไปในสองอาณาจักรพวกเขาแต่ละคนมีพลังและฝีมืออย่างมาก คราวนี้ ลู่เฟิง ต้องตาย อาณาจักรหนานหยานอาจถึงคราวล่มสลาย!”
กู่ซือหยี ได้ขมวดคิ้ว
หากมีอะไรเกิดขึ้นกับ ลู่เฟิง และอาณาจักรหนานหยาน มันคงเป็นเรื่องยากที่สมาคมการค้ากู่ซวนจะผูกขาดสาขาหมื่นหุบเขาสัตว์อสูรนี้เอาไว้ได้ เนื่องจากนิกายดาบวิญญาณจะต้องส่งคนมาคุมที่นี่อย่างแน่นอน
นิกายดาบวิญญาณ ไม่ได้อ่อนแอพวกเขามีกองกำลังอยู่เบื้องหลังที่แม้แต่สมาคมการค้ากู่ซวนก็ไม่สามารถทำอะไรอย่างบุ่มบ่ามได้
“คุณหนู,ท่านประมุขได้ส่งคำสั่งออกมาให้เราทำทุกวิถีทางเพื่อยึดทรัพยากรทั้งหมดในสาขาหมื่นหุบเขาสัตว์อสูรแห่งนี้และส่งพวกมันกลับไปผ่านทางอาคมเคลื่อนย้าย”ชายวัยกลางคนได้กล่าวพูดออกมา
“ไร้สาระ!”
กู่ซือหยี ได้หัวเราะเยาะออกมา”แม้จะเป็นเพียงสาขาย่อยของหมื่นหุบเขาสัตว์อสูร แต่หากคิดจะยึดครองทรัพยากรทั้งหมด ถึงจะใช้เวลา หนึ่งหรือสองร้อยปียังไม่กล้าพูดไร้สาระเช่นนี้เลย ที่พวกเขาต้องการให้ข้ากลับไปที่ตระกูลก็เพราะต้องการให้ข้ากลายเป็นหุ่นเชิดของพวกเขา!”
“แต่ว่า…”
“ไม่ต้องแต่ ปิดข่ายอาคมเคลื่อนย้ายไปซะ ข้าไม่ต้องการพบพวกเขาในระยะเวลาอันสั้นนี้”
“เรื่องนี้…”
“นี่เป็นคำสั่ง!”กู่ซือหยี ได้กล่าวตะคอกอย่างรุนแรง
“ขอรับ”ชายวัยกลางคนไม่กล้าพูดมากความ
หลังจากที่ชายวัยกลางคนจากไป กู่ซือหยี ก็ถอนหายใจออกมา”ลู่เฟิง,เจ้าห้ามตายเด็ดขาด อาณาจักรหนานหยานของเจ้ายังต้องคงอยู่ต่อไป!”
…
ไม่กี่วันต่อมา ลู่เฟิง ได้นำทหารหนึ่งแสนนายไปยังจุดขึ้นบนที่แม่น้ำงูหยกนอกเมืองเร้ดเมเปิ้ล
เขาปล่อยให้ ทหารทั้งหมดขึ้นฝั่ง
โดยบนฝั่งมี เกาชุน และ เตียวเลี้ยว รวมถึงกลุ่มแม่ทัพมารอที่นี่อยู่ก่อนแล้ว
“ข้าน้อย แม่ทัพเกาชุน”
“ข้าน้อย แม่ทัพเตียวเลี้ยว”
“ถวายบังคมฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน”
“ขอพระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน”
เกาชุน และ เตียวเลี้ยว เป็นผู้นำ กล่าวถวายความเคารพ แม่ทัพที่อยู่เบื้องหลังก็โค้งคำนับทันที
“ลุกขึ้น!”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”ทุกคนได้ตอบพร้อมกันและยืนขึ้น
ลู่เฟิง มองไปที่ เกาชุน และ พูดขึ้น”เกาชุน ก่อนอื่นพาข้าไปดูกองทัพภายในเมืองเร้ดเมเปิ้ล”
“กระหม่อมรับบัญชา!”
ลู่เฟิง ได้มอบหมายให้ เตียวเลี้ยวจัดการ และ ให้ เกาชุนพาเขาไปที่ตั้งแคมป์
เขาได้พา หลิวจี๋ ทาสดาบทั้งหก และ เตียวอุ๋น เข้าไปที่เมืองเร้ดเมเปิ้ล
ในไม่ช้า ลู่เฟิง ก็มาถึงคฤหาสน์ของเจ้าเมือง
เขาได้นั่งอยู่บนที่นั่งหลักและมองไปที่ เกาชุน และ เตียวเลี้ยว ก่อนที่จะกล่าวถาม”สถานการณ์ของศัตรูเป็นอย่างไไรบ้าง?”
เกาชุน ได้ก้าวไปข้างหน้าและตอบกลับทันที”ฝ่าบาทสถานการณ์ในปัจจุบันของอาณาจักรอู๋เซียง ค่อนข้างแปลก กองทัพทหาร สี่ล้านนายในเมืองเป็งหยวน เมืองชายแดนของอาณาจักรอู๋เซียง ไม่มีการเคลื่อนไหวมาสี่วันแล้ว ในช่วงสี่วันนี้ กองทัพของอาณาจักรอู๋เซียง ไม่ได้เปิดฉากโจมตีแม้แต่ครั้งเดียว!”
“ยังไม่มีการโจมตีสักครั้ง?”
ลู่เฟิงผงะเล็กน้อย”นี่มันไม่ถูกต้อง พวกเขามีกองกำลังมากกว่า 4 ล้านนาย แต่กลับไม่เปิดฉากโจมตีแม้แต่ครั้งเดียว พวกเขามีแผนการอะไรหรือไม่?”
“กระหม่อมก็คิดเช่นนั้น จึงส่งหน่วยสอดแนมที่ดีที่สุดไปตรวจสอบ แต่ไม่ว่าจะเป็นที่ราบที่สูงชนบนภูเขาทั้งหมดที่สำรวจไม่พบร่องรอบของกองทัพแม้แต่น้อย กระหม่อมไม่รู้ว่า ผู้นำทัพของอาณาจักรอู๋เซียง ครั้งนี้กำลังคิดอะไรอยู่”
“เป็นเช่นนั้นจริง ๆ “เตียวเลี้ยว ได้ก้าวออกมา”ก่อนหน้านี้ เรามีกองทัพเพียง 750,000 นาย ศัตรูมีกองทัพมากกว่า 4 ล้านาย ยังไงก็มากกว่าพวกเราหลายเท่า แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีความคิดที่จะโจมตี กระหม่อมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน”
หลิวจี๋ ได้ครุ่นคิดเล็กน้อย”ฝ่าบาท ในสถานการณ์เช่นนี้ คงมีสองประการ,ประการแรกคือผู้นำทัพของอาณาจักรอู๋เซียง อาจจะมั่นใจในกองทัพของพวกเขาและรอจนกว่ากำลังเสริมของพวกเราจะมาครบ และ ค่อยทำการรบอย่างเด็ดขาดเพื่อเอาชนะเราในบัดดล ส่วนประการที่สอง พวกเขาอาจจะมีบางสิ่งที่อาจจะช่วยพลิกแพลงสถานการณ์และเอาชนะเราได้ในทันทีเพียงแต่…”
เขามองไปที่ เกาชุน และตอบกลับ”ในเมื่อท่านแม่ทัพบอกว่าไม่มีอะไรผิดปกติ เช่นนั้น ความเป็นไปได้ประการที่สองนั้นน้อยมาก กระหม่อมคิดว่าเขาต้องการรอจนกว่าพวกเราจะพร้อมรบและค่อยตัดสินชี้เป็นชี้ตายเพื่อเอาชนะกองทัพของเราทั้งหมด”
“นี่…”
เกาชุน ได้แย้งทันที”เป็นไปไม่ได้,กองทัพของอาณาจักรอู๋เซียง มีประสิทธิภาพการรบที่ต่ำมาก แม้จะเป็นกองทัพนับล้าน ยังพ่ายแพ้ต่อกองทัพเพียงแค่ 200,000 นาย ถึงจะผ่านไปหลายปี ประสิทธิภาพการรบของพวกเขาก็ยังไม่พัฒนาขึ้น แม้จะมีจำนวนคนที่มากกว่าแต่เรื่องประสิทธิภาพการรบก็สำคัญ”
“ภูมิประเทศรอบด้านของเมืองเร้ดเมเปิ้ลไม่ได้คับแคบแต่ก็ไม่ได้กว้างขวางนัก ด้วยกองทัพที่กระจายอยู่รอบ ๆ จำนวนสองล้านนายคือขีดจำกัด มันเป็นไปไม่ได้เลยที่อาณาจักรอู๋เซียง จะมีความมั่นใจว่ากองทัพ 2 ล้านนายจะเอาชนะกองทัพของเราได้อย่างสมบูรณ์”
หลิวจี๋ ได้ยิ้มออกมา”ความเป็นไปไม่ได้ที่ท่านแม่ทัพพูดถึงนั้นก็อาจจะจริง กองทัพสองล้านนายมีแนวโน้มที่จะพ่ายแพ้ต่อเรา แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นผู้นำทัพของพวกเขา”
“เรื่องนี้ข้าได้สืบมาแล้ว”
เกาชุนได้ตอบกลับทันที”เป็น จิ้งซือหรง เขาได้หลบหนีจากเมืองเสี่ยวหลิงตู่ ไปที่อาณาจักรอู๋เซียง,จักรพรรดิอู๋เซียง ไม่ได้วางใจเขามากนักจึงส่งบุตรชายไปทำหน้าที่เป็นผู้กำกับดูแลอีกคน”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น…”
หลิวจี๋ ได้ยิ้มออกมา และมองไปที่ ลู่เฟิง ก่อนที่จะโค้งคำนับ”ฝ่าบาท เช่นนั้นกระหม่อมก็มั่นใจเต็มร้อย ภายในสามวัน สารณ์ท้าดวลของ จิ้งซือหรง จะต้องถูกส่งมาอย่างแน่นอน”
ลู่เฟิง ยิ้มออกมา”ข้าคิดว่าเหตุผลที่ จิ้งซือหรง ไม่ลงมือทั้ง ๆ ที่มีกองทัพ 4 ล้านนาย ก็เพราะว่าเขายังไม่ต้องการโจมตีพวกเรา เขาต้องการต่อสู้อย่างเด็ดขาดกับพวกเราด้วยความยุติธรรมเพื่อแสดงให้ข้าได้เห็นว่า สายตาของข้าพลาดไปที่ไม่ยอมรับเขาที่เมืองเสี่ยวหลิงตู่ในคราวนั้น!”
“คงจะเป็นเช่นนั้น!”หลิวจี๋ ได้พยักหน้ายอมรับ
“แต่จิ้งซือหรง ผู้นี้ นับว่ามีความสามารถพอตัว นับตั้งแต่หลบหนีจากเมืองเสี่ยวหลิงตู่ ไปยังอาณาจักรอู๋เซียง เขาใช้เวลาไม่ถึงสองเดือนไต่เต้าขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่คุมทัพของอาณาจักรอู๋เซียงได้”
หลังจาก ลังเล เล็กน้อย ลู่เฟิง ก็พูดขึ้น”เฉินกัง,ส่งคำสั่งให้จินยี่เหว่ยลงไปตรวจสอบซะข้าต้องการทราบความเคลื่อนไหวทุกย่างก้าวของศัตรู”