MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ - ตอนที่ 247
“ขอรับ!”เฉินกัง เพียงตอบเล็กน้อยและรีบไปส่งคำสั่งให้จินยี่เหว่ยทันที
“ฝ่าบาท ดูจากสถานการณ์แล้ว กระหม่อมมีแผนในใจมีโอกาสมากกว่า 60% ในการทำลายกองทัพนับล้านของอาณาจักรอู๋เซียงได้ภายในสิบวัน!”หลิวจี๋ ได้กล่าวอย่างกระทันหัน
“โอกาส 60% ทำลายกองทัพนับล้านของอาณาจักรอู๋เซียงภายในสิบวัน?”
เกาชุนได้ยินดังนั้นก็มองไปที่ หลิวจี๋ ทันที”ท่านกุนซือ แม้ว่าข้าจะยังไม่รู้ถึงความสามารถของท่าน แต่กองทัพของอาณาจักรอู๋เซียง มีมากกว่า 4 ล้านนาย ถึงทหารของเราจะแข็งแกร่งกว่า แม้แต่ข้าก็ยังไม่กล้าพูดเลยว่ามีโอกาสมากกว่า 60% ที่จะสามารถทำลายกองทัพของศัตรูได้ภายในสิบวัน !”
เตียวเลี้ยว ได้พยักหน้า”จริงอย่างที่ท่านแม่ทัพว่า ท่านกุนซือ ท่านมั่นใจเกินไปหน่อยหรือไม่?”
ลู่เฟิง มองไปที่ หลิวจี๋ เขารู้ว่า หลิวจี๋ ทรนงตนสูง แต่เขาต้องการดูการแก้ไขปัญหาของอกฝ่าย
เขาได้กล่าวถามออกไป”อาจารย์หลิว ไหนท่านลองว่าแผนของท่านมาหน่อย”
หลิวจี๋ ได้ยิ้มเล็กน้อย”ท่านแม่ทัพทั้งสองกล่าวได้ถูกต้องแล้ว แม้จักรพรรดิอู๋เซียง จะให้ จิ้งซือหรง เป็นแม่ทัพใหญ่ แต่เขาก็ไม่ได้ไว้วางใจทั้งหมดดังนั้นจึงส่งองค์ชายมาคุมทัพด้วย เช่นนี้เราสามารถทำให้พวกเขาแตกหักกันได้”
“แตกหักกัน?”
ดวงตาของ ลู่เฟิง สว่างวาบขึ้น”ท่านกำลังจะบอกว่าให้จิ้งซือหรงแตกหักกับองค์ชายที่คุมกองทัพ?”
“ฝ่าบาททรงพระปรีชายิ่งนัก!”
หลิวจี๋ ได้โค้งคำนับ”นี่คือสิ่งที่กระหม่อมคิด”
“ไหนเจ้าลองว่าแผนต่อ”
“ขอรับ!”
หลิวจี๋ ได้หยุดเล็กน้อยและพูดขึ้น”ฝ่าบาท จิ้งซือหรง มาถึงอาณาจักรอู๋เซียง ในเวลาไม่ถึงสองเดือน กระหม่อมไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีการใดถึงทำให้ จักรพรรดิอู๋เซียง แต่งตั้งเขาเป็นแม่ทัพใหญ่ ให้คุมทัพ 4 ล้านนาย แต่ทว่า ตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของเขาย่อมทำให้แม่ทัพเดิมของอาณาจักรอู๋เซียงย่อมไม่พอใจอย่างแน่นอน”
“และแม้แต่ตัว องค์ชาย เองก็น่าจะไม่พอใจ ยังไง จิ้งซือหรง ก็เป็นเพียงแค่คนต่างแดน คนที่มาจากต่างแดน ใช้เวลาเพียงสองเดือนได้คุมทัพใหญ่ของอาณาจักร”
“นอกจากนี้ กองทัพของ จิ้งซือหรง ยังรั้งอยู่ในเมืองเป็งหยวน มาเป็นเวลากว่า 4 วัน เขาตั้งใจจะประกาศศึกกับฝ่าบาทอย่างตรงไปตรงมา เรื่องนี้ ย่อมทำให้ องค์ชาย และ แม่ทัพคนอื่น ๆ ของพวกเขาไม่พอใจอย่างแน่นอน ดังนั้นตอนนี้ กระหม่อมคิดว่า ในหมู่พวกเขาย่อมมีความขัดแย้งภายในเกิดขึ้นแน่นอน”
“ถึงแม้กรณีเลวร้ายที่สุด จิ้งซือหรง ได้คุมทัพของอาณาจักรอู๋เซียงต่อไป แต่องค์ชาย และ แม่ทัพอาณาจักรอู๋เซียงเดิม ย่อมก่อปัญหาภายใน เท่านี้ ก็จะเกิดความขัดแย้งขึ้นภายในกองทัพ แล้วหลังจากนี้ ชัยชนะของเราย่อมอยู่ไม่ไกลแล้ว แน่นอนว่า ในกรณีที่ดีที่สุด จิ้งซือหรง ถูกปลดออกจากตำแหน่ง และเปลี่ยนตัวผู้บัญชาการทหารคนใหม่แต่…”
หลิ้วจี๋ ได้ยิ้มเล็กน้อย”สาเหตุหลักที่ทำให้กองทัพของอาณาจักรอู๋เซียงอ่อนเเอ ก็เพราะ ผู้บัญชาการทหารของพวกเขาไม่เก่งเรื่องนำทัพ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นอัตราชนะของพวกเราย่อมเพิ่มขึ้น”
เกาชุน และ เตียวเลี้ยว ตระหนักได้ในทันที”ที่แท้ ท่านกุนซือกลับมีแผนการแยบยล พวกเรามีตาหามีแววไม่ ต้องขออภัยท่านแล้ว หวังว่าท่านกุนซือจะยกโทษให้กับพวกเรา”
หลิวจี๋ ได้ยินคำพูดของ เกาชุน เขาได้คิดในใจ ไม่น่าเเปลก ที่ฝ่าบาท มีแม่ทัพที่เก่งกาจและมากฝีมือเช่น เหลียนป๋อ เมิ่งเถียน เกาชุน ที่แท้ คนเหล่านี้ เมื่อรู้จักผิดก็คิดขอโทษเป็น
การอ่อนน้อมถ่อมตน แม้จะไม่เคร่งครัดในการปกครองกองทัพ แต่มันก็เป็นเหตุผลให้ จักรพรรดิ วางพระทัยได้
หลิวจี๋ ได้ตอบกลับทันที”ท่านแม่ทัพทั้งสองอย่าได้กังวลไปเลย เป็นธรรมชาติที่หลิวจี๋ จะไม่ใส่ใจ”
ลู่เฟิง ได้พยักหน้าอย่างลับ ๆ ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาสามัคคีกันย่อมทำให้เขาบรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ได้ง่ายขึ้น
เขามองไปที่ หลิวจี๋ และ พูดขึ้น”อาจารย์หลิว จากแผนการที่ท่านว่ามาก่อนหน้านี้ ย่อมทำให้ผลลัพธ์การศึกของพวกเราดีขึ้นมา ว่าแต่ท่านมีวิธีจัดการแล้วหรือไม่?’
“ฝ่าบาท ถ้าหาก จิ้งซือหรง ต้องการต่อสู้ตัดสินกับพระองค์ เขาย่อมส่งสาร์นท้ารบมาภายในสองสามวันนี้ ด้วยภูมิประเทศโดยรอบ จิ้งซือหรง สามารถดึงกองทัพออกมาได้แค่ สองล้านนายเท่านั้น ด้วยกลยุทธ์ของกระหม่อม พวกเรามีโอกาสที่จะคว้าชัยชนะและ…”
หลิวจี๋ ได้ยิ้มเล็กน้อย”นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของแผนการกระหม่อมเท่านั้น แผนการที่แท้จริงของกระหม่อมยังมิได้เริ่ม”
“โอ้ว,ที่แท้ ท่านก็ยังมีแผนอื่นในใจ”
“ฝ่าบาท เกี่ยวกับเรื่องนี้ กระหม่อมขอไม่บอกต่อพระองค์ แต่ฝ่าบาทโปรดวางใจ ถ้าหากกระหม่อมใช้แผนการนี้ กระหม่อมคิดว่ามีโอกาสมากกว่า 80% ที่จะมอบความพ่ายแพ้ให้กับ จิ้งซือหรง”หลิวจี๋ ได้เผยรอยยิ้มออกมา
เมื่อ ลู่เฟิง ได้ยินเช่นนี้ เขาก็ไม่ได้ถามอะไรมากเกินไป ผู้ที่มีความรู้ความสามารถมักจะเก็บงำแผนการเด็ดขาดเอาไว้ และ เขาเองก็รู้ถึงพรสวรรค์ของ หลิวจี๋ เขาย่อมไม่กังวลอะไร
เขาได้กล่าวกับคนอื่น ๆ “เกาชุน ถ้า จิ้งซือหรง ส่งสาร์น ท้ารบมาที่ข้า ให้รีบมาแจ้งข้าโดยเร็วที่สุด”
“กระหม่อมรับบัญชา!”
ลู่เฟิง ไม่ได้พูดอะไร เขาได้กลับไปที่ค่าย
ทันทีที่เขากลับไปที่ค่าย และ ลู่เฟิง กำลังจะพักผ่อน ก็มีคนเข้ามารายงานเขา”ฝ่าบาท มีชายคนนึงรออยู่นอกค่าย เขาต้องการเข้าเฝ้าฝ่าบาท เขาเรียกตนเองว่า เสี่ยวจือ”
“เสี่ยวจือ?”
ขณะที่ ลู่เฟิง กำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาก็มีความสุขอย่างมาก
เขากำลังกังวลเลยว่า หรานเหมิน และ เสี่ยวจือ เมื่อไหร่จะมาถึง ไม่คิดเลยว่า เสี่ยวจือ จะมาถึงในวันนี้
ยิ่งไปกว่านั้น เสี่ยวจือ ย่อมมาพร้อมกับ กองทัพพยัคฆ์ 100,000 นาย กองทัพนี้ราวกับเสือติดปีกที่สามารถจู่โจมได้อย่างรวดเร็ว
ลู่เฟิง ได้ตอบกลับทันที”ให้เขาเข้ามา”
“ขอรับ!”
ไม่นานหลังจากนั้น เสี่ยวจือ ก็เดินเข้าไปในค่ายของ ลู่เฟิง ภายใต้การนำของ เฉินกัง
“กระหม่อม เสี่ยวจือ ถวายบังคมฝ่าบาท”
“ขอพระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน”
เสี่ยวจือ ได้ก้มศีรษะลงกับพื้น
ลู่เฟิง มองไปที่ เสี่ยวจือ ชายผู้นี้มีร่างกายที่กำยำและแข็งแกร่ง เป็นลักษณ์ของชายชาตรีที่กล้าหาญ
สิ่งนี้ เหมือนกับ บันทึกทางประวัติศาสตร์ที่อธิบายในระบบก่อนหน้านี้ทุกประการ
ลู่เฟิง ได้เดินไปหา เสี่ยวจือ และช่วยพยุงเขาขึ้นมา”เสี่ยวจือ สองปีนี้รบกวนเจ้าแล้ว”
สิ่งที่ ลู่เฟิง พูดถึงก็คือ ให้ เสี่ยวจือ สร้างกองกำลังพยัคฆ์
ท้ายที่สุดแล้ว การปลูกฝังอัตลักษณ์ของระบบ ก็เป็นเช่นนี้ ลู่เฟิงต้องทำให้เขาเข้าใจ
“ฝ่าบาท…หามิได้ กระหม่อมรู้สึกเกลียดตัวเองที่มาช้าเกินไป กระหม่อมล้มเหลวในการจัดตั้งกองทัพพยัคฆ์ และ ยังล้มเหลวในการช่วยเหลือฝ่าบาทเผชิญหน้ากับพวกกบฏ กระหม่อมรู้สึกผิดที่ไม่ได้ต่อสู้เคียงข้างพระองค์ จนเกือบทำให้พระองค์ต้องถูกฆ่าตาย”
“กระหม่อมสมควรตาย!”
“ตู้ม!”
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เสี่ยวจือได้คุกเข่าลงอีกครั้ง น้ำตาของเขาคลอท่วมใบหน้า ศีรษะของเขากระแทกกับพื้นอย่างแรง
ในอดีต ความภักดี ของ เสี่ยวจือ อาจจะไม่ชัดเจนเท่า เกาชุน แต่เขาก็เป็นแม่ทัพที่ซื่อสัตย์และภักดี
นอกจากนี้ เสี่ยวจือ ได้ร้องห่มร้องไห้เสียงดังจนแทบอาเจียนเป็นเลือด แม้แต่บุตรชายของโจโฉ หรือ แม่ทัพที่มีชื่อเสียงในอดีตก็ยังไม่มีท่าทีเช่นนี้
เห็นได้ชัดว่า เสี่ยวจือ นั้นภักดีมาก
ลู่เฟิง ได้มองไปที่ เสี่ยวจือ ที่ตรงกับประวัติศาสตร์
เขาได้ช่วยพยุง เสี่ยวจือ อีกครั้ง และพูดขึ้น”เสี่ยวจือ ข้าได้ขอให้เจ้าไปจัดตั้งกองกำลังพยัคฆ์ขึ้นมา ถ้าข้าสั่งประหารเจ้า มิใช่ข้าหรือที่เป็นคนผิด”