MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ - ตอนที่ 249
“อาจารย์หลิว ท่านต้องการวางทหารกองพันค่ายไว้ที่นี่งั้นหรือ?”ลู่เฟิง กล่าวถาม หลิวจี๋ ขณะมองไปที่เขา
หลิวจี๋ ได้พยักหน้าและตอบกลับ”กองพันค่ายของท่านแม่ทัพ มีชื่อเสียงก้องไกล หากวางไว้ที่นี่ เมื่อเกิดการสู้รบเป็นตายกับกองทัพที่ จิ้งซือหรง ส่งมาที่ภูเขา พวกเขาย่อมเข้าสู่สนามรบและจัดการทหารเหล่านั้นได้ในทันที เมื่อรวมมือกับกองกำลังด้านหน้าของพวกเรา ภูเขาติงจิ้ง ก็ถูกถูกยึดครอง”
“เท่านี้ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะส่งกำลังพลมามากเท่าไหร่ พวกเราก็ย่อมได้รับชัยชนะครั้งใหญ่โดยธรรมชาติ”
ลู่เฟิง ได้เฝ้าดูและไตร่ตรองเล็กน้อย
กลยุทธ์ที่ หลิวจี๋ บอกนั้นเป็นไปได้ เมื่อการต่อสู้นี้สิ้นสุดลง จิ้งซือหรง ย่อมไม่สามารถส่งกองทัพ ขึ้นไปบนภูเขาติงจิ้งได้ และ บนภูเขาติงจิ้ง หาก จิ้งซือหรง คิดจะยึดครอง ก็ต้องใช้กองกำลังทหารมากกว่า 200,000 นาย ถ้าเกิดแผนของพวกเขาได้ผล กองทหาร 200,000 นายบนภูเขาติงจิ้ง จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ทันที
เมื่อกองกำลัง 200,000 นายถูกถอนออกไป กำลังเสริมที่ดักซุ่มโจมตีบนภูเขาติงจิ้ง ก็จะว่างเปล่า ด้วยกำลังของ กองพันค่าย ย่อมสามารถคว้าชัยได้โดยง่าย จากนั้นศัตรูที่อยู่เบื้องหลังภูเขาติงจิ้ง จะถูกจัดการกับศัตรูตรงหน้า โดยพื้นฐานแล้ว การต่อสู้ย่อมตัดสินชัยชนะ
แต่…
ลู่เฟิง ได้ยิ้มเล็กน้อย”อาจารย์หลิว ข้าเห็นด้วยกับแผนของท่าน แต่ข้าคิดว่าไม่จำเป็นจะต้องใช้กองพันค่าย!”
หลิวจี๋ ผงะ และกล่าวถามด้วยความสงสัย”ฝ่าบาท หากมิใช่กองพันค่าย กระหม่อมเกรงว่ากองทัพอื่นจะไม่สามารถทำตามแผนเช่นนี้ได้”
“ฝ่าบาท ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกองพันค่ายกระหม่อมเถอะพะยะค่ะ!”เกาชุน เองก็ขอร้อง
ลู่เฟิง ได้สั่นศีรษะ”ในเวลานี้ ข้ามีแผนการเป็นของตนเอง แต่ข้าสัญญาว่าแผนการนี้ย่อมทำให้ จิ้งซือหรง ประหลาดใจ!”
โดยธรรมชาติ ลู่เฟิง ต้องการ ให้ เสี่ยวจือ ลงมือ กองทัพพยัคฆ์ของเขาไม่ได้อ่อนเเอด้านพลังการต่อสู้และการเคลื่อนไหวทั้งยังเป็นกองทัพ 100,000 นาย สิ่งนี้ ย่อมทำให้ จิ้งซือหรง ประหลาดใจแน่นอน
หลิวจี๋ และ เกาชุน รู้สึกฉงนในใจ ถ้าเกิด ฝ่าบาท ยืนยันเช่นนี้ มีหรือที่พวกเขาจะท้วงได้
ทุกคนรีบลงไปจัดการทันที
ลู่เฟิง เป็นผู้บัญชาการทัพทหารสูงสุด ส่วน เกาชุน และ หลิวจี๋ คือ รองผู้บัญชาการ เตียวเลี้ยว เป็นกองหน้า
ตามมาด้วยทัพ 800,000 นาย ทุกคนได้มุ่งหน้าเดินทางไปที่ด้านหลังของภูเขาติงจิ้ง สถานที่นั้นได้ถูกคัดเลือกให้เป็นสนามรบ
ขณะที่ กองทัพของ ลู่เฟิง เคลื่อนไหว หน่วยสอดแนมของ จิ้งซือหรง ก็ได้ส่งข่าวไปยัง จิ้งซือหรงทันที
ในเวลานี้ จิ้งซือหรง ได้มาถึงภูเขาติงจิ้ง แล้ว
“ฮ่าฮ่า,ท่านแม่ทัพ ลู่เฟิง กำลังเดินทางมาที่นี่จริง ๆ”
จิ้งซือหรง ที่ยืนอยู่บนยอดเขาติงจิ้ง ด้านหลังของเขาคือ องค์ชายในชุดคลุมมังกร และ กลุ่มแม่ทัพของอาณาจักรอู๋เซียง
องค์ชายได้ตะคอกอย่างเย็นชา”จิ้งซือหรง,เจ้าควรภาวนาให้แผนของเจ้าสำเร็จเถอะ มิฉะนั้นเราจะสูญเสียโอกาสที่จะยึดเมืองเร้ดเมเปิ้ลมา เมื่อเรากลับไป ข้าจะต้องรายงานเรื่องนี้ต่อองค์จักรพรรดิอย่างแน่นอน!”
เมื่อ จิ้งซือหรง ได้ยินดังนั้น เขาก็สาปแช่งในใจ คิดว่าเขาไม่ต้องการยึดเมืองเร้ดเมเปิ้ลหรืออย่างไร หลังจาก ยึดเมืองเร้ดเมเปิ้ลก็จะสามารถบุกเข้าไปยังอาณาจักรหนานหยานผ่านทางด้านหลังได้
แต่ประเด็นก็คือ แม้เขาจะมีกองทัพทหาร 4 ล้านนาย แต่จะสามารถเอาชนะ เมืองเร้ดเมเปิ้ล ที่ถูกป้องกันโดย เกาชุน และ เตียวเลี้ยวได้?
คนอื่น อาจจะไม่รู้ แต่ จิ้งซือหรง รู้ดีว่า เมืองเร้ดเมเปิ้ล ไม่เพียงแต่ได้รับการปกป้องโดย เตียวเลี้ยว และ เกาชุน ที่มีชื่อเสียงในการรบที่หุบเขาหยางผิง ทั้งยังมีกองทัพที่ถูกฝึกโดยเหลียนป๋อในอดีต
เกี่ยวกับการป้องกันเมืองนั้นบอกได้เลยว่าแข็งแกร่ง!
และมองไปที่กองทัพของอาณาจักรอู๋เซียงที่มีมากกว่าสี่ล้านนายแต่ความแข็งแกร่งนั้น…
จิ้งซือหรงไม่ต้องการพูดถึง เพราะมันต่ำเตี้ยเรี่ยดินเกินไป!
การยึดเมืองเร้ดเมเปิ้ล ด้วยกองทัพสี่ล้านนายที่มีประสิทธิภาพการรบต่ำนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าการแสดงหาความตาย
แต่บนภูเขาติงจิ้งนั้น ด้วยภูมิประเทศโดยรอบย่อมง่ายต่อการกำจัดทหารชั้นยอดของเมืองเร้ดเมเปิ้ล
นอกจากนี้ จิ้งซือหรง ยังต้องการป่าวประกาศให้ ลู่เฟิง รู้ว่า อีกฝ่ายตามืดบอด ที่มองไม่เห็นความสามารถของเขา
แม้เขาจะคิดเช่นนี้ ในใจ แต่ จิ้งซือหรง ก็ยังประดับรอยยิ้มไว้บนใบหน้าและมองไปที่องค์ชายแห่งอาณาจักรอู๋เซียง”องค์ชาย อย่าเพิ่งมีโทสะ เผชิญหน้าคราวนี้ กองทัพของลู่เฟิงย่อมเสียหายมากกว่า 60% และถ้าเกิด สารเลวจักรพรรดิลู่เฟิงมันเดินทางมาด้วยตนเอง กระหม่อมจะตัดศีรษะมันมาให้พระองค์”
“หึ่ม,ทำให้ได้อย่างที่พูดแล้วกัน!”องค์ชายได้ตะคอกอย่างเย็นชาและไม่ได้พูดอะไรอีก
ครึ่งวันต่อมา ลู่เฟิง ได้นำกองทัพไปถึงที่ด้านหลังของภูเขาติงจิ้ง แต่เมื่อเขามาถึง ที่นี่ เขาก็หยุดเดินหน้าต่อ
ข้างหน้าคือภูเขาติงจิ้ง และ มีกองทัพอาณาจักรอู๋เซียงดักซุ่มโจมตีอยู่
เขาสั่งให้ เกาชุน จัดพลธนูไปที่ ไป่เหลียนโป เพื่อวุ่มโจมตี ในเวลาเดียวกัน ก็ตั้งกองทัพไว้ที่นี่ เพื่อรอการมาถึงของกองทัพอาณาจักรอู๋เวียง
บนภูเขา ติงจิ้ง จิ้งซือหรง ได้เฝ้ามองดูฉากนี้จากระยะไกลและขมวดคิ้วแน่น”ภูเขา ติงจิ้ง เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญทางการทหารทำไม ลู่เฟิง ไม่ส่งกองทัพขึ้นมาที่นี่?”
ความคิดของเขาก็คือ ลู่เฟิง น่าจะส่งกองทัพขึ้นมายึดภูเขาติงจิ้งไว้ และ ด้วยทหารที่เขาวางคุ้มกันไว้บนภูเขาย่อมสามารถเอาชนะ ลู่เฟิง ได้ จากนั้นก็ค่อยยกทัพบุก
แต่ตอนนี้ กองทัพของ ลู่เฟิง ได้หยุดลง อยู่ที่ด้านหลังภูเขาติงจิ้ง ซึ่งทำให้เขารับมือได้ยากเล็กน้อย
ในสถานการณ์เช่นนี้ กองทัพที่เขาวางไว้บนภูเขาย่อมไส่ามารถใช้งานได้ จะมีก็แต่ใช้งานทัพหน้าบุกโจมตีเท่านั้นซึ่งมันจะได้ประโยชน์จากลู่เฟิงเพียงเล็กน้อย
“จิ้งซือหรง นี่หรอแผนของเจ้าที่ว่าดีนักดีหนา?”องค์ชายมองไปที่ จิ้งซือหรง”เจ้าบอกข้าว่า ลู่เฟิง มันต้องส่งกองทัพขึ้นมาที่ภูเขาติงจิ้ง เพื่อยึดจุดยุทธศาสตร์ทำไม ตอนนี้มันถึงไม่เคลื่อนไหวแล้วเราจะชนะมันได้ยังไง?”
“องค์ชาย โปรดวางพระทัย นี่เป็นเพียงกลยุทธ์แรกของข้า”
จิ้งซือหรง ได้ยิ้มและโบกมือ”ให้กองทัพบุกเบิกหน้าภูเขาติงจิ้ง ข้ามภูเขาติงจิ้งและเข้าโจมตีศัตรู”
“ขอรับ!”
ทหารยามได้ลงไปส่งคำสั่งทันที
ตามคำสั่งของ จิ้งซือหรง ทัพ 2 ล้านนายของอาณาจักรอู๋เซียง ได้เข้าสู่สนามรบโดยการอ้อมจางเชิงเขาติงจิ้งไปทางด้านหลังของภูเขาติงจิ้ง
ทัพบุกเบิกนั้น นำมาด้วยทัพ 150,000 นาย
“ท่านแม่ทัพ พบศัตรูแล้ว ตอนนี้ พวกเราควรจัดการพวกมันเลยหรือไม่?”
ไป่เหลียนโป,เกาชุนได้นำพลธนูห้าหมื่นนายและกองพันค่าย8,000 นายมาที่นี่
เกาชุนที่ซุ่มอยู่ที่ด้านหลังไป่เหลียนโป ได้มองเห็นเส้นทางการเดินทัพของอาณาจักรอู๋เซียงทั้งหมดพวกเขาได้เดินทางมาถึงจุดซุ่มยิงแล้ว
แต่เมื่อเห็นว่ามันเป็นเพียงทัพหน้า เกาชุน ก็ได้สั่นศีรษะ”ไม่,รอก่อน รอให้ทัพหลักของศัตรูเคลื่อนไหวผ่านแนวยิงค่อยโจมตี”
“ขอรับ!”
ลู่เฟิง ที่รอจนกระทั่งกองทัพแนวหน้าของอาณาจักรอู๋เซียงมาถึง เขาได้โบกมือขึ้นทันที”บุก!”
ตอนนี้ ศัตรูไม่ได้นิ่งเฉย ถ้าเขาไม่ใช้โอกาสนี้และจะโจมตีเมื่อไหร่
“ฆ่า!”
เตียวเลี้ยว ได้นำทหาร 100,000 นายบุกโจมตี
“หึ่ม,เจ้าเด็กบัดซบคิดว่าข้าเดาแผนการของเจ้าไม่ออกหรืออย่างไร”
จิ้งซือหรง ที่ซุ่มมองดูอยู่บนภูเขาติงจิ้ง ได้มองดูฉากนี้และหัวเราะเยาะออกมา เขาได้ส่งคำสั่งให้ผู้โบกธงทันที
เมื่อกองทัพบุกเบิกของอาณาจักรอู๋เซียงเห็น พวกเขาก็ได้เปลี่ยนรูปแบบทันทีโดยการปล่อยหอกและตั้งแนวป้องกันพลธนูทหารดาบและทหารโล่ได้ปกป้องพลธนู
รูปแบบป้องกันนี้สมบูรณ์แบบมาก หากกองกำลังของสัตณูเข้าชาร์จพวกเขาย่อมสูญเสียอย่างหนักในการโจมตีระลอกแรกอย่างแน่นอน
แต่ เมื่อ เตียวเลี้ยว เห็นเช่นนี้ ความตื่นเต้นได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา