MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ - ตอนที่ 264
หลิวจ์ เป็น ที่ปรึกษากองทัพ การที่เขาคาดการณ์เรื่องนี้พลาดไปถือว่ามีโทษร้ายแรง
ในความคิดของเขานี่เป็นความผิด ถ้าไม่ใช่เพราะโชคดีที่กองทัพพยัคฆ์ ของ แม่ทัพ เสี่ยวจือพบกับทัพมังกรเซียง และ จัดการได้ เกรงว่า เมืองเร้ดเมเปิ้ลคงจะถูกยึดครองไปแล้วตอนนี้
ส่วนผลลัพธ์ที่ตามมา
หลิวจ ม่อยากจะคิดถึงสิ่งนี้
เมื่อ ลู่เฟิง ได้ยินเขาก็สั่นศีรษะ”อาจารย์หลิวท่านจะไปมีความผิดอะไรกัน?”
“ไม่มีใครคิดหรอกว่าจักรพรรดิอู่เซียงจะกล้ามอบทหารมังกรคู่เซียงหนึ่งแนนายให้กับ จิ้งซีอหรง จิ้ง ๆ แม้แต่ จินยี่เหว่ย ยังไม่ได้รับข่าว เห็นได้ชัดว่าพวกอาณาจักรเชียงปกปิดความลับนี้ไว้มากน้อยแค่ไหน ดังนั้นท่านไม่ต้องรู้สึกผิดไป”
“กระหม่อม…”
“ไม่มีมนุษย์คนใดรอบรู้ทุกคนท่านก็เช่นเดียวกัน ดังนั้น หากท่านคิดจะตําหนิตัวเองสู้เอาเวลา มาคิดแก้ไขปัญหาเพื่อรับมือกับทัพของศัตรูดีหรือไม่?” ลู่เฟิง มองไปที่ หลิวจ์ และกล่าวพูดอย่างเคร่งขรึม
“กระหม่อมรับบัญชา!”
หลิวอี้ ไม่ใช่คนโง่ เขาย่อมรู้ว่าสถานการณ์อะไรควรไม่ควร
ในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้สึกตื่นตัวมากขึ้น เขาตั้งใจว่าจะไม่สามารถแผนการของ จิ้งซื้อหรงและศัตรูในอนาคตอีกเด็ดขาด
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเลี่ยงปมในใจไม่ได้ หากมันผิดพลาดขึ้นมาจริง กองทัพมังกรเชียงย่อมยึดครองเมืองเร้ดเมเปิ้ลไปแล้ว
เขาเป็นถึงที่ปรึกษา
แต่ไม่สามารถคาดการณ์แผนการของศัตรูออก
ตอนนี้ฝาบาทไม่ได้ถือความเอาผิดเขา แต่เขาจะต้องปรับปรุงตัวเองไม่ให้ผิดพลาดอีกต่อไป
หลิวจ์ ได้ครุ่นคิดและ กล่าวถาม”ฝ่าบาทพวกเราต้องกวาดล้างฆ่าศึกทั้งหมดเลยหรือไม่?”
ลู่เฟิง ไม่ได้ตอบทันที
กองทัพตอนนี้บวกกับทัพของเสียวคือมีทหารประมาณ 850,000 นาย
หากเขาต้องการฆ่าศัตรูในมือทั้งหมดย่อมสูญเสียทหารมากกว่า 200,000 นาย เป็นอย่างน้อย
กองทัพที่เหลือกําลังพลประมาณ 600,000 ย่อมตกที่นั่งลําบาก
เพราะถึงแม้กองกําลัง 1.2 ล้านนายด้านหน้าจะถูกทําลาย แต่ศัตรูก็ยังมีกองกําลังมากกว่า 2 ล้านนายใกล้ ๆ นี้
หืม
ลู่เฟิง ได้สูดลมหายใจเข้าลึก” ช่างมันฆ่าให้หมด!”
แม้กองกําลังจะลดลงแต่หากสังหารศัตรูและกําจัดรากตั้งแต่เนิ่น ๆ ย่อมดีกว่า
ลู่เฟิง ไม่มีวันเมตตาให้กับกองทัพเหล่านี้ เพราะถ้าหากอาณาจักรหนานหยานพ่ายแพ้การต่อสู้ขึ้นมาจริง ๆ คนเหล่านี้ ก็อาจจะรอดและบดขยี้ทําลายอาณาจักรหนานหยาน จนไม่เหลือซาก
นี่คือสิ่งที่เขาไม่มีวันยอม!
หลิวจี้ รู้สึกโล่งใจ เมื่อได้ยินคําพูดของ ลู่เฟิง เขากังวล ว่าลู่เฟิง จะยอมจํานนเรื่องทหารเหล่า
ในฐานะที่ปรึกษาทางกองทัพ หลิวจี้ รู้ว่าอะไรควรไม่ควร
หากไม่มีกองกําลังของข้าศึกคอยให้พะวงหน้าพะวงหลัง ทหารของอาณาจักรหนานหยานทุกคนย่อมระเบิดพลังออกมาได้มากกว่าเดิม
แต่หากรับเอาทหารที่ยอมจํานนของศัตรูเข้ามาเกรงว่าประสิทธิภาพของทหารอาณาจักรหนานหยานตอนนี้จะลดลงไปมากกว่าครึ่ง
ด้วยความน่าจําเป็นที่สามารถตีเป็นค่าตัวเลขได้ หลิว ไม่กล้าที่จะเสี่ยง
เขาได้เตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว หาก ลู่เฟิง ต้องการ ที่จะละเว้นทหารเหล่านี้ เขาก็จะแสดงผลลัพธ์ที่ดีกับผลลัพธ์ที่เลวร้ายออกมา
โชคดีที่ ฝ่าบาท เลือกได้ถูก ทําให้ หลิวอี้ ชื่นชม ลู่เฟิงมากขึ้น
“กระหม่อม รับบัญชา!” หลิวจ์ ได้คุกเข่าลงกับพื้น
“ตั้ง ตรวจพบค่าความภักดีของ หลิวจ์ ที่มีต่อโฮสต์เพิ่มขึ้น 3 แต้ม ปัจจุบันค่าความภักดีคือ 98 แต้ม
เสียงเตือนของระบบได้ดังขึ้นในใจของลู่เฟิง
ลู่เฟิง ได้ยินดังนั้น เขาก็ดีใจเป็นอย่างมาก ค่าความภักดีของ หลิว เพิ่มขึ้นถึง 98
ดูเหมือนว่า เวลาเขาทําอะไรเขาจะต้องคํานึงถึงความเป็นไปได้ เกี่ยวกับ ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาทุกคน เพราะมันอาจจะส่งผลต่อค่าความภักดีทั้งหมด
“อาจารย์หลิว ลงไปจัดการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด ห้ามให้มีข้อผิดพลาดในศึกนี้!”ลู่เฟิง สั่งการ
“ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย กระหม่อม จะไม่มีทางยินยอมให้เกิดความผิดพลาดใด ๆ ในการต่อสู้ครั้งนี้”
ลู่เฟิง ได้พยักหน้า และปล่อยให้ หลิวอี้ ไปจัดการ
เมื่อคําสั่งผ่านไปกองทัพก็เริ่มเคลื่อนไหวทันที
กองทหารหลายแสนนายได้เดินขบวนไปยังค่ายทหารขนาดใหญ่ของอาณาจักรอู่เซียง
เกาชุน ที่นํากองพันทหารค่ายออกมาเตรียมการอยู่บนไปเหลียนโป เขาได้เฝ้ามองกองกําลังของศัตรู หากศัตรูบุกเข้ามาที่นี่ เขาจะใช้ กองพันทหารค่าย ของเขาจัดการศัตรูอย่างสาหัส
บนไปเหลียนโป เตียวฮั่น เองก็แบ่งรูปขบวนออกเป็นลูกศร สองส่วน
ส่วนหนึ่ง ให้เตรียมพร้อมสําหรับการสนับสนุนการซุ่มยิงศัตรูที่ผ่านมา
อีกส่วนหนึ่งคือป้องกันการลอบโจมตีของศัตรูที่อยู่ด้านหลังค่าย
บนภูเขาติงจิ้ง เสี่ยวจือ ได้รับคําสั่งจาก ลู่เฟิง ให้แบ่งทัพออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่ง ป้องกันการสนับสนุนกองทัพจากเมืองเป็งหยวนอีกส่วนหนึ่ง ป้องกันไม่ให้ทหารของอาณาจักรอู่เซียงหนีรอดไปจากภูเขาทิ้งลิ้งได้
ภายในค่ายทหารอาณาจักรอู่เซียง
แม่ทัพหลายคนได้อยู่ที่นี่
พวกเขา เป็นเพียงแม่ทัพส่วนหนึ่งของกองทัพ 1.2 ล้านนาย สําหรับแม่ทัพคนอื่น ๆ ได้ติดตามจิ้งซื้อหรงอยู่บนภูเขาติงจิ้ง
“หม, จิ้งซื้อหรง คิดจะให้พวกเราทําอะไรกันแน่ 2 กองกําลังของศัตรูรุกคืบเข้ามา แต่ยังไม่มีคําสั่งลงมาอีก” แม่ทัพคนนึ่งเต็มไปด้วยความโกรธ
“จิ้งซื้อหรง ผู้นี้ อาศัยความโปรดปรานของฝาบาท ถึงได้แสดงท่าที่เหิมเกริมเช่นนี้ออกมา”แม่ทัพอีกคนก็กล่าวเช่นเดียวกัน
พวกเขาในตอนนี้หารู้ไม่ว่าค่ายบัญชาการบนภูเขาติงจิ้ง ถูกทําลายไปแล้ว
เพราะ เสี่ยวจือ ได้ให้ทหารพยัคฆ์ล้อมค่ายทั้งหมดเอาไว้และสังหารทหารทุกคนที่อยู่ที่นี่
“รายงานท่านแม่ทัพ หน่วยสอดแนมของกองทัพพบศัตรูจํานวนมากบนภูเขาติงจิ้ง”
ในเวลานี้ มีทหารคนนึ่งวิ่งเข้ามารายงาน
“อะไร, มีศัตรูบนภูเขาติงจิ้ง ได้อย่างไร ที่นั่นคือ ที่ตั้งค่ายบัญชาการ จะมีศัตรู ลงมาจากที่นั่นได้อย่างไร ไปตรวจสอบดูให้แน่ชัด หากเจ้ากล้าพูดจาไร้สาระอีก ศีรษะได้หลุดออกจากบ่าแน่!”
“ท่านแม่ทัพ ผู้น้อยมิกล้า เป็นทหารของอาณาจักรหนานหยาน พวกเขาถือธงของอาณาจักรหนานหยาน ไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอน!”
เมื่อแม่ทัพหลายคนได้ยินเช่นนี้ การแสดงออกของพวกเขาก็รีบเปลี่ยนไปและรีบไปยืนอยู่บนแท่นสังเกตุการณ์
พวกเขาทั้งหมด ล้วนเป็น ยอดฝีมือ ดังนั้นวิสัยทัศน์จึงค่อนข้างกว้างไกลและมองเห็น ทหารบนภูเขาติงจิ้ง
ดูจากตัวเลขมีจํานวนห้าถึงหกพันหรือน้อยกว่า
“นี่เป็นไปได้ยังไง กองกําลังข้าศึกบนภูเขาติงจิ้ง พวกมันขึ้นเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทําไมพวกเราไม่ได้รับข่าว?”
“แม้ว่าข้าศึกจะบุกโจมตีค่ายแตก แต่ก็น่าจะมีข่าวคราวมาบ้าง แต่ทําไมพวกเราถึง ไม่รู้เลยล่ะ?”
“หม,เจ้าลืมไปแล้วหรือยังไงว่าแม่ทัพของพวกเราก็มาจากประเทศนั้น”