MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ - ตอนที่ 85
“ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย!”
เจี๋ยสวี่ ยิ้มและตอบกลับ”แม้ว่าแม่ทัพเมิ่งเถียนจะทำสิ่งที่ประมาทในครั้งนี้ แต่เขาก็มีความสามารถในการนำทัพ 500,000 นายเข้าโจมตีเมืองหยุนไห่และชนะได้อย่างแน่นอน หลังจากเมืองหยุนไห่ ก็คือ ถนนผิงฉวน ที่มุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงอาณาจักรซีหยาง!”
“เขามีทหารม้าเหล็กในกองทัพที่สามารถบุกโจมตีเมืองหลวงของอาณาจักรซีหยางได้และ…”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เจี๋ยสวี่ ได้พูดต่อ”หากเป็นไปตามที่ข้าคำนวณเอาไว้ กองกำลังทหารองค์รักษ์ 200,000 นายของจักรพรรดิซีหยาง และ กองกำลัง 300,000 นายจากทางใต้ ย่อมพุ่งเป้าไปที่หุบเขาหยางผิง ตอนนี้เมืองหลวงของพวกเขาน่าจะเป็นเมืองที่ไร้การป้องกัน แม่ทัพเมิ่งเถียน ย่อมสามารถบุกเอาชนะได้อย่างแน่นอน!”
ลู่เฟิง ได้พยักหน้าและรับฟังความคิดเห็น หุบเขาหยางผิงมีความสำคัญต่ออาณาจักรซีหยางมากกว่าอาณาจักรหนานหยาน
เขาพูดต่อทันที”เอาล่ะ ข้าจะปล่อยให้จินยี่เหว่ยส่งข่าวเหล่านี้ไป!”
“ขอรับ”
เจี๋ยสวี่ ได้ตอบกลับ”ฝ่าบาท มันยังคงต้องใช้เวลาในการกระจายข่าว ข้าน้อยคิดว่าพวกเรารอจนข่าวจะกระจายไปทั่วพื้นที่ก่อนจากนั้นค่อยกลับไปยังเมืองหลวง เท่านี้ทุกสิ่งอย่างก็น่าจะจัดการง่ายขึ้น”
ลู่เฟิงได้พยักหน้าและตอบกลับ”เอาล่ะสั่งการกองทัพให้ชะลอการเดินทางปล่อยให้ข่าวกระจายไปทั่วซะก่อน!”
“ขอรับ!”
จากนั้น เจี๋ยสวี่ ก็ให้คนไปกระจายข่าว ลู่เฟิง ได้ถอนหายใจออกมา”ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างที่หุบเขาหยางผิง เตียวเลี้ยว จะสามารถรับมือมันได้หรือไม่?”
“เห้อ,ข้าหวังว่าเกาชุนจะไปถึงที่นั่นโดยเร็วที่สุด!”
หลังจากที่ เจี๋ยสวี่ จัดการให้จินยี่เหว่ยกระจายข่าวเสร็จเขาก็เรียกจินยี่เหว่ยมา
“กลับไปส่งจดหมายนี้ให้เสนาบดีซุน!”เจี๋ยสวี่ ได้หยิบจดหมายขึ้นมาและส่งให้ ไป่หู่
ไป่หู่ ได้พยักหน้าและกล่าวพูดทันที”ขอรับนายท่าน!”
หลังจากไป่หู่จากไป เจี๋ยสวี่ ก็จ้องมองไปที่ ลู่เฟิง และ บ่นพึมพัมออกมา”ฝ่าบาท ข้าน้อยหวังว่าท่านจะไม่ตำหนิข้าน้อยที่มีความคิดริเริ่มเช่นนี้!”
…
ในหุบเขาหยางผิงในเวลานี้มีศพของทหารม้าผู้ภักดีกระจายไปทั่วทุกหนแห่งพวกเขาถูกยิงด้วยธนูและลูกศร
แม้แต่แขนซ้ายของ เตียวเลี้ยว ก็ยังถูกพันไปด้วยผ้าพันแผล เขาถูกยิงด้วยลูกศร
เตียวเลี้ยว ได้ยืนอยู่บนยอดกำแพงเมืองจ้องมองกองทัพอาณาจักรซีหยางที่ถอยร่นออกไปอย่างช้า ๆ ด้วยความโล่งอก
นี่เป็นวันที่สองนับตั้งแต่ที่พวกเขายึดหุบเขาหยางผิงได้สำเร็จ จักรพรรดิแห่งอาณาจักรซีหยาง ได้ทราบข่าวและส่งกองกำลังทหารองค์รักษ์ 150,000 นาย มายึดหุบเขาหยางผิงคืนทันที
หากเป็นเมืองธรรมดาบนที่ราบทหารกว่า 150,000 คน ย่อมสามารถพิชิตกำแพงที่มีคนป้องกันเมืองเพียงแค่ 30,000 คนได้อย่างแน่นอน อีกทั้งยังมีคนมากกว่า 10,000 คนที่ได้รับบาดเจ็บ แต่นี่กลับกินเวลาไปถึงสองวัน
นั่นก็เพราะหุบเขาหยางผิงไม่ใช่เมืองธรรมดา
มันป้องกันได้ง่ายและโจมตีได้ยากกว่าเมืองว่านเหอของอาณาจักรหนานหยานเสียอีกนั่นเพราะนอกประตูตะวันออกของหุบเขาหยางผิงสามารถจุทหารได้คราวเดียวกันไม่เกิน 5,000 นาย อีกทั้งตัวเมืองยังมีกำแพงที่สูงซึ่งสามารถป้องกันการปีนเมืองได้
แม้จะผ่านไปหลายวันของการสู้รบ กองทัพของอาณาจักรซีหยางก็ยังไม่สามารถปีนขึ้นไปบนกำแพงได้
แต่ทว่า จักรพรรดิแห่งอาณาจักรซีหยาง รู้ความสำคัญของหุบเขาหยางผิง ทุกวันจะมีทหารมากกว่า 100,000 นาย บุกโจมตีทั้งกลางวันและกลางคืน
จักรพรรดิแห่งอาณาจักรซีหยาง ได้ย้ายทหาร 300,000 นายออกจากเมืองหยุนไห่ และมุ่งหน้ามาโจมตีหุบเขาหยางผิงทั้งกลางวันและกลางคืน
แม้ว่า เตียวเลี้ยว จะสามารถปกป้อง หุบเขาหยางผิงเอาไว้ได้ แต่พวกเขาก็สูญเสียไม่ใช่น้อย ในตอนนี้มีทหารเสียชีวิตและบาดเจ็บมากกว่า 8,000 นาย ถึงแม้ว่ามันจะดีกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตของอาณาจักรซีหยางมากก็ตาม
แต่ เตียวเลี้ยวก็รู้ว่านี่มันเป็นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น
“ท่านแม่ทัพ อุปกรณ์ป้องกันเมืองของพวกเราแทบไม่เหลือแล้ว!”ผู้ใต้บังคับบัญชาของ เตียวเลี้ยว ได้กล่าวขึ้น
วันนี้ เตียวเลี้ยว ได้สูญเสียกองกำลังมากกว่า 8,000 คน เพื่อต่อต้านกองทัพนับแสนของอาณาจักรซีหยาง
เหตุผลที่พวกเขาป้องกันได้ก็เพราะอุปกรณ์ป้องกันของพวกเขานั้นแข็งแกร่ง
และส่วนใหญ่ก็เป็นอุปกรณ์ที่ได้รับมาจากการสังหารแม่ทัพศัตรู เจียงหลี่เซียว ก่อนหน้านี้
ด้วยเหตุนี้ทำให้ ทหารของ เตียวเลี้ยว สามารถยึดเมืองได้เป็นเวลานาน
ภายในเมืองมีหน้าไม้มากกว่า 30,000 อัน พวกเขาใช้มันเพื่อยิงใส่กองทัพอาณาจักรซีหยาง
แม่ทัพของอาณาจักรซีหยางรู้สึกโกรธมาก คนของพวกเขามีคนเสียชีวิตมากกว่า 30,000 คน ด้วยหน้าไม้ของอาณาจักรตัวเอง
แต่ตอนนี้อุปกรณ์เหล่านี้ได้สูญเสียไปมากนั่นหมายความว่าพวกเขาจะไม่สามารถป้องกันหุบเขาหยางผิงได้นาน
“แม่ทัพเกาชุนจะมาถึงตอนไหน?”เตียวเลี้ยว ได้กล่าวถามด้วยความลังเล
“ตามข่าวที่ได้รับจากจินยี่เหว่ย แม่ทัพเกาชุน น่าจะอยู่ห่างจากหุบเขาหยางผิงไม่ถึงหนึ่งวัน!”
เตียวเลี้ยว ถอนหายใจออกมาด้วยความโลงอก ตราบใดที่ เกาชุนและกองทัพมาถึง หุบเขาหยางผิง ก็จะสามารถต่อต้านไว้ได้
วันต่อมา เกาชุน ได้นำทหารม้าเหล็ก 30,000 นายมาถึงหุบเขาหยางผิง พร้อมกับอุปกรณ์ป้องกันจำนวนมากทำให้ วิกฤษภายในหุบเขาหยางผิงหายไปโดยสิ้นเชิง
แต่ความไม่พอใจของอาณาจักรซีหยางไม่ได้หยุดลงแค่นั้นกลับกันพวกเขาได้โจมตีด้วยความบ้าคลั่งที่มากขึ้น
เพราะพวกเขารู้ดีว่าการที่หุบเขาหยางผิงตกอยู่ในมือของอาณาจักรหนานหยานก็เท่ากับวางดาบแหลมคมไว้ที่คอของพวกเขา
ที่สำคัญที่สุดคือกองทหารม้าเหล็กที่แข็งแกร่ง
ถ้ากองทหารม้าเหล่านี้โจมตีพวกมันจะสามารถไปถึงเมืองหลวงของอาณาจักรซีหยางได้ในระยะเวลาอันสั้น นี่ทำให้ จักรพรรดิซีหยาง รู้สึกหวาดกลัวต่อชะตากรรมนี้
ในอาณาจักรซีหยาง จักรพรรดิชูจิน มองไปที่แม่ทัพด้านหน้าของเขาด้วยความโกรธเคือง”พวกเจ้าได้รับทหารองค์รักษ์ 150,000 นาย ของข้า และ ทหารพิทักษ์เมืองหยุนไห่อีก 300,000 กว่านาย จนถึงตอนนี้ พวกเจ้าโจมตีหุบเขาหยางผิงมาสองวามวันกลับยังไม่ได้แม้แต่จะปีนกำแพงขึ้นไปพวกเจ้ากำลังทำบ้าอะไรกันอยู่?”
แม่ทัพคนนี้ถูกเรียกตัวกลับมาจากค่ายทหารเมื่อเช้านี้ เขาได้ถูกจักรพรรดิสบถคำด่าใส่ไม่ยั้ง
“ฝ่าบาท…ข้าน้อยสิ้นจนหนทาง! หุบเขาหยางผิงนั้นป้องกันได้ง่ายและยากต่อการโจมตี ทั้งผู้พิทักษ์ภายในเมืองยังมีอุปกรณ์ที่ได้จากการปิดล้อม แม่ทัพ เจียงหลี่เซียว และ ใช้เกาทัณฑ์เหล่านั้นโจมตีพวกเรา”
แม่ทัพคนนี้ รู้สึกละอาจใจอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายมีหน้าไม้ที่ได้รับมาจาก เจียงหลี่เซียว พวกเขาคงไม่มีชะตากรรมน่าสังเวชขนาดนี้
“ทหาร มาลากตัวมันไปตัดศีรษะซะ!”ชูจิน รู้สึกเดือดดาลขึ้นมาทันที
“ฝ่าบาท โปรดเมตตา โปรดเมตตา!”
ชูจิน ไม่ได้ให้อภัยเขา
เขาได้สูดลมหายใจเข้าลึก และ จ้องมองไปที่ ทหารของเขา”ใครจะอาสานำทัพเพื่อยึดครองหุบเขาหยางผิง?”
เหล่าขุนนางและแม่ทัพเบื้องล่างต่างก็ก้มศีรษะ
พวกเขาทุกคนต่างก็รู้ดีว่าหุบเขาหยางผิงป้องกันได้ง่ายและโจมตีได้ยาก ใครจะกล้าอาสาไปรับกรรม
“ทำไมกัน อาณาจักรซีหยางอันยิ่งใหญ่ของข้าเต็มไปด้วยนักรบที่แข็งแกร่งมากมาย แต่ไม่มีใครกล้าที่จะออกไปต่อสู้เลยหรือไม่?”ชูจิน ได้คำรามออกมา
ในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มคนนึงก็ได้เดินออกมาพร้อมกับกล่าวพูดเสียงดัง”ท่านพ่อ ข้าเต็มใจที่จะอาสาไปนำทัพเพื่อยึดครองหุบเขาหยางผิงคืนมา!”
ชูจิน มองไปที่ชายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม”ลูกข้าเจ้ากล้าหาญมาก เจ้านั้นดีกว่าไอ้พวกขี้ขลาดตาขาวพวกนี้เป็นไหน ๆ !”