MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ - ตอนที่ 97
ลู่เว่ย ได้รับข่าวจากเมืองหลวงเกี่ยวกับการติดต่อระหว่างเขากับคนในราชสำนักคนเหล่านั้นล้วนถูกสังหารทั้งหมด
ทั้งอีกฝ่ายยังได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากทหารผ่านศึกที่น่านับถืออย่าง เหวิ่นอาน และ ฮูหยิน
อิทธิพลของ ลู่เฟิง ก้าวขึ้นสู่งมากในอาณาจักรหนานหยาน หากเป็นเช่นนี้ต่อไป อิทธิพลของ เขา ที่มีต่ออาณาจักรหนานหยาน จะลดลงจนไม่อาจเทียบเท่าเด็กน้อยขนดกได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้เขาได้รับข่าวว่าลู่เฟิง มีทหารชั้นยอดหลายแสนนายทั้งยังมีทหารม้าเกือบ 100,000 คน!
อีกอย่างจะต้องรู้ว่าก่อนหน้านี้ลู่เฟิงมีเพียงองค์รักษ์อาณาจักร 200,000 นาย ในคนเหล่านั้นไม่มีทหารม้าแม้แต่คนเดียว แต่ตอนนี้ อีกฝ่ายกลับมีทหารม้าเกือบ 100,000 คน หลังจากจบสงครามมา!
บัดซบ ไม่มีใครรู้ว่าทหารม้าเหล่านี้มาจากไหน
สิ่งนี้ทำให้ ลู่เว่ย รู้สึกประหลาดใจและเสียใจอย่างมาก
“ฝ่าบาท ข้าน้อยคิดว่าพวกเราควรรีบยกทัพบุกไปโดยเร็วที่สุด!”
คนสนิทของลู่เว่ยได้ตะโกนพูดขึ้น”ตอนนี้จักรพรรดิน้อยได้สังหารขุนนางในราชสำนักไปมากมาย แม้ว่าจะได้รับการสนับสนุนจาก เหวิ่นอาน และ ฮูยหิน แต่ก็ยังมีกลุ่มคนคัดค้านมากกว่า หากฝ่าบาททรงยกทัพไปในเวลานี้ จะทำให้ผู้คนเหล่านั้นให้การสนับสนุนไม่น้อยกว่า 60%”
“สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ลู่เฟิง ได้ทำให้ตระกูลชั้นสูงจำนวนมากต่างก็ไม่พอใจ เขาสังหารตระกูลไปร่วม 100 ในมณฑลจงซาน หาก พระองค์ออกคำสั่ง ตระกูลชั้นสูงเหล่านี้ จะต้องสนับสนุนพระองค์อย่างแน่นอน เราจะสามารถบุกจัดการอีกฝ่ายด้วยจำนวนทัพที่เหนือกว่า!”
“ใช่แล้วพะยะค่ะ ฝ่าบาท ยังมีทหารม้ามากกว่า 100,000 นาย และ กองกำลังส่วนตัว 500,000 คน อีกทั้งยังมีกองทัพที่มากกว่า 2.7 ล้านคน ด้วยความแข็งแกร่งเช่นนี้ หากยกทัพออกไป ลู่เฟิง ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพระองค์อย่างแน่นอน หากได้รับการสนับสนุนจากตระกูลชั้นสูง เกี่ยวกับเรื่องเสบียงการเดินทัพนี่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเราเลยแม้แต่น้อย!”
“ถูกต้องพะยะค่ะ พวกเราควรยกทัพออกไปเลยตอนนี้!”
“ฝ่าบาท ได้โปรดคิดทบทวนดู!”
ในพระราชวัง กลุ่มของพลเรือนและทหารได้คุกเข่าลงบนพื้น
ราชาเมกาตรอนลู่เว่ย ได้มองไปที่พวกเขาแต่ก็ไม่ได้ตอบทันที เขาได้คร่ำครวญเล็กน้อย”ข้าเข้าใจความคิดของพวกเจ้าดี!”
“ฝ่าบาท ข้าน้อยคิดว่า พวกเราควรจะรอจนถึงฤดูหนาว ยังมีเวลาเตรียมตัวอีกหนึ่งเดือนก่อนฤดูหนาวจะเริ่มขึ้น ในเวลาหนึ่งเดือนนี้ พวกเราย่อมหาทางทำให้จักรพรรดิน้อยยอมสยบได้อย่างแน่นอน ทั้งยังมีเวลาได้ติดต่อขอความช่วยเหลือจากตระกูลชั้นสูงเหล่านั้น!”
“จริงด้วยฝ่าบาท เรามีกองทัพมากกว่า 3 ล้านคน ถ้าได้รับการสนับสนุนจากตระกูลชั้นสูงอีก แม้จะเป็นจักรพรรดิน้อยก็คงไม่สามารถทำอะไรได้”คนสนิทของลู่เว่ยได้ตอบกลับอีกครั้ง
ลู่เว่ยได้พยักหน้าอย่างเห็นด้วย”ข้าเข้าใจแล้ว แต่ว่าระยะเวลาหนึ่งเดือนมันนานเกินไป ข้าไม่ควรปล่อยโอกาสให้จักรพรรดิน้อยได้มีเวลามากขนาดนั้น มิฉะนั้นตำแหน่งจักรพรรดินี้อาจจะยิ่งยากขึ้นไปอีกกว่าจะได้มาครอบครอง!”
“รับคำสั่ง!”
“ข้าน้อยอยู่นี่พะยะค่ะ!”
“ภายในสามวันนี้จัดตั้งรูปขบวนกองทัพทั้ง 500,000 นายของเรา ข้าคนนี้ จะบัญชาทัพอยู่ในเมืองและบุกโจมตีเมืองหลวงในอีกห้าวันเพื่อเด็ดศีรษะของจักรพรรดิน้อย!”
“ข้าน้อยรับคำสั่ง!”
เด็ดหัวจักรพรรดิน้อย?
นั่นคือจักรพรรดิ?
จะมีใครที่กล้าพูดแบบนี้ออกมา แต่คนเหล่านี้กลับไม่คิดเช่นนั้น เพราะยังไง ราชาเมกาทรอนก็คือจักรพรรดิคนต่อไปของพวกเขา
ลู่เว่ย ได้ครุ่นคิดในใจด้วยความสุข เขากำลังวาดฝันกับตำแหน่งจักรพรรดิในอนาคต
ในพระราชวังหนานหยาน ลู่เฟิง ได้นอนอยู่บนเตียงและยิ้มให้กับมู่หลานที่อยู่ข้าง ๆ เขาได้พูดขึ้น”มู่น้อย เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ มานวดไหล่ให้ข้าหน่อยเร็ว!”
ใบหน้าของ มู่หลาน แดงก่ำ เมื่อเธอได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกตอบสนองเล็กน้อย ยามอยู่ในวัง เธอจะสวมชุดเดรสของทางราชวัง ภายใต้ชุดอาภรณ์ที่สวยงามเช่นนี้ทำให้เธอมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้นไปอีก
ในฐานะหญิงสาวที่สำเร็จการศึกษาแบบธรรมดามา มู่หลาน ไม่เคยได้มีประสบการณ์ที่น่าละอายแบบนี้ หลังจากแต่งตัวเสร็จเธอก็ยืนนิ่ง
“เป็นอะไรงั้นเหรอ ไม่ใช่ข้าบอกให้เจ้ามานวดไหล่ให้ข้าหรอกหรอ?”ลู่เฟิง กล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
มู่หลานได้ก้มศีรษะต่ำลงและตอบกลับ”ฝ่าบาท พระองค์ กำลังทำให้หม่อมฉันอายเพคะ!”
“ทำไมต้องอาย?”
ลู่เฟิง ได้ลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปโอบล้อมเอวของมู่หลานก่อนที่จะสัมผัสความนุ่มนวลของร่างกายของเธอ เขาได้กระซิบข้างหูเบา ๆ “ข้าบอกว่าข้าต้องการให้เจ้าเป็นจักรพรรดินีของข้า หรือว่า เจ้าไม่ต้องการ?”
“ฝ่าบาท มู่หลาน เป็นเพียงสามัญชน จะเป็นจักรพรรดินีของพระองค์ได้อย่างไร ได้โปรดหยุดล้อเล่นกับหม่อมฉันเถิดเพคะ!”มู่หลาน ได้ลดศีรษะต่ำลงและไม่กล้ามองไปที่ลู่เฟิงที่กำลังโอบรัดตัวเธอ
ไม่ว่าจะเป็น โลกที่ ลู่เฟิง อาศัยอยู่มาก่อน หรือ อาณาจักรหนานหยาน แห่งนี้ การแต่งงานระหว่างชายหญิงมักจะให้ความสำคัญกับคำว่า ‘ความเหมาะสม’
แม้ว่า มู่หลาน จะถูกเรียกตัวมาโดยลู่เฟิง แต่เธอก็มาจากตระกูลธรรมดาในอาณาจักรหนานหยาน พ่อแม่ของเธอได้เสียชีวิตไปนานแล้ว เธอเหลือตัวเพียงคนเดียว
สถานะของเธอจะเหมาะสมกับลู่เฟิงได้อย่างไร
เธอมีปมด้อยในใจ และ เธอไม่กล้ามีความคิดที่จะเป็นจักรพรรดินี!
ลู่เฟิงได้ยิ้มและตอบกลับ”มู่หลาน ข้าบอกว่าเจ้าคือจักรพรรดินีของข้า ยังไงก็ต้องเป็นเจ้า ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้ ยังไงข้าก็จะรอเจ้า ข้าสาบานเลยว่าจะไม่มีใครคัดค้านเรื่องนี้อย่างแน่นอน แต่ก่อนหน้านั้น…”
“อ๊ะ…”
ลู่เฟิงได้กอดมู่หลาน และ ดึงเธอเข้ามาหาตัวเอง”มีคำพูดที่ว่าช่วงเวลาของคืนฤดูใบไม้ผลิเปรียบเสมือนทองคำหนึ่งพันชั่งข้าคิดว่าเรา…”
“ฝ่าบาท อัครมหาเสนาบดีเจี๋ย และ เสนาบดีซุน ต้องการพบพระองค์!”
ในเวลานี้ เสียงของ เสี่ยวไห่ซี ก็ดังขึ้นที่นอกประตูห้องของเขา
ลู่เฟิง ได้ขมวดคิ้วเล็กน้อย เจี๋ยสวี่ และ ซุนฮก ต้องการพบเขา หรือว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น?
“ฝ่าบาท มู่หลานขอตัวก่อนเพคะ!”
ฮวามู่หลาน หน้าแดงเล็กน้อยและรีบจากไป
ลู่เฟิง ได้ถอนหายใจออกมา ทำไมปัญหาถึงชอบมาขัดจังหวะของเขาเช่นนี้
แต่เมื่อเขาคิดว่า เจี๋ยสวี่ และ ซุนฮก มาพบตนเองเพราะมีเรื่องสำคัญทำให้เขาไม่กล้ารอช้า
เขาพูดกับ เสี่ยวไห่ซี ด้านนอก “ให้พวกเขาไปรอข้าที่ห้องศึกษาของจักรพรรดิ!”
“ขอรับ!”
หลังจากจัดการอะไรเสร็จ ลู่เฟิง ก็รีบไปห้องศึกษาของจักรพรรดิทันที
ไม่นาน ลู่เฟิง ก็มาถึง
เจี๋ยสวี่ และ ซุนฮก ได้รอเขาอยู่ที่นี่แล้ว
“ข้าน้อย เจี๋ยสวี่!”
“ข้าน้อย ซุนฮก!”
“ถวายบัง…”
“ไม่จำเป็นต้องสุภาพ!”
ลู่เฟิงได้โบกมือขัดจังหวะทั้งสองคนที่กำลังจะคุกเข่า”เอาล่ะ นั่งลงเถอะ!”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
ลู่เฟิง ได้นั่งบนเก้าอี้และมองไปที่ เจี๋ยสวี่ กับ ซุนฮก เขาได้กล่าวถาม”พวกเจ้าสองคนมาหาข้า แสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นใช่หรือไม่?”
เจี๋ยสวี่ ได้มองไปที่ ลู่เฟิง และตอบกลับ”ฝ่าบาท ข้าน้อยได้รับข่าวจากจินยี่เหว่ย ดูเหมือนราชาเมกาทรอน จะเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว เขากำลังระดมเสบียงเพื่อเตรียมตัวออกทัพ!”
ลู่เฟิง ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็วและตอบกลับด้วยรอยยิ้ม”ดูเหมือนว่า ลุงของข้าจะใจร้อนอย่างผิดปกติ!”