MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ - ตอนที่ 102
“แม่ทัพเฒ่าอาจจะยังไม่ทราบ ราชาเมกาทรอนลู่เว่ย มีข้อได้เปรียบเหนือฝ่าบาททุกอย่าง เพราะเขาเป็นตัวแทนของตระกูลชนชั้นสูงของอาณาจักรหนานหยานทั้งหมด และ มีความเชี่ยวชาญในหลาย ๆ เรื่อง ทำให้ เขาได้รับการสนับสนุนจากคนจำนวนมากไม่เว้นแม้แต่คนจากเมืองหลวง!”
“อย่างไรก็ตาม เพราะตระกูลชนชั้นสูงเหล่านี้ ราชาเมกาทรอนจึงต้องเดินทางไปยังเมืองงูหยก ตระกูลผู ที่เป็นเจ้าเมืองย่อมสร้างความบันเทิงให้กับราชาเมกาทรอนอย่างแน่นอน หากราชาเมกาทรอนไม่ไปมันจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลชนชั้นสูงกับเขา ดังนั้นนี่จึงเป็นหลักประกันว่า ราชาเมกาทรอนจะต้องไปร่วมงานเลี้ยงพร้อมกับผู้นำตระกูลชนชั้นสูงคนอื่น ๆ !” เจี๋ยสวี่ ได้หัวเราะออกมา
เหลียนป๋อ ได้พยักหน้าพลางเข้าใจ”ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง!”
เหลียนป๋อหันหน้าไปมองลู่เฟิงและตอบกลับ”ฝ่าบาทข้าน้อยจะรีบไปรวบรวมกำลังพลและใช้เส้นทางแม่น้ำงูหยกเพื่อรีบเดินทางไปยังเมืองงูหยก มันน่าจะใช้เวลาประมาณวันครึ่ง!”
เมื่อ ลู่เฟิง ได้ยินดังนั้น เขาก็ดีใจอย่างมากและรีบกล่าวถามทันที”แม่ทัพเฒ่า เมืองเร้ดเมเปิ้ลของท่านสามารถส่งทหารออกไปได้กี่คน?”
“ข้าน้อยสามารถดึงทหารออกมาได้ 800,000 คน!”เหลียนป๋อ ตอบกลับ
“800,000 คน ?”
ลู่เฟิงผงะเล็กน้อยและรีบกล่าวถาม”cม่ทัพเฒ่า การดึงทหารออกมาจำนวนมากเช่นนี้จะไม่ส่งผลกระทบกับการต่อต้านอาณาจักรอู๋เซียง งั้นหรือ ข้าได้ยินมาว่าอีกฝ่ายมีกำลังพลประมาณ 1.2 ล้านคน!”
“ฮ่าฮ่า,ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย ก็อีแค่อาณาจักรอู๋เซียงที่มีกำลังพลเพียงแค่ 1.2 ล้านคน ต่อให้มีกองทัพถึง 2 ล้านคน เมืองเร้ดเมเปิ้ลที่มีทหารของข้า 200,000 นายก็เพียงพอที่จะต่อต้านพวกเขาไปได้นานนับสองเดือน ในช่วงเวลาสองเดือนนี้ปัญหาทางด้านราชาเมกาทรอนก็คงจบลงแล้ว”
เหลียนป๋อมีความมั่นใจอย่างมากเห็นได้ชัดว่าเขาเชื่อมั่นในกองทัพที่เขาสร้างขึ้นอาจกล่าวได้ว่าเขากำลังดูถูกกองทัพของอาณาจักรอู๋เซียง
อย่างไรก็ตาม เขาเป็นถึงหนึ่งในสี่ยอดขุนพลที่มีชื่อเสียงในยุคสงครามรัฐ ดังนั้น เหลียนป๋อ จึงมีคุณสมบัติเช่นนี้!
“ฝ่าบาท เนื่องจากท่านแม่ทัพเฒ่า สามารถดึงกำลังพลออกมาได้ 800,000 นาย ข้าน้อยมีแผนการอื่น ๆ มาเสนอแนะเพิ่ม!”
“ว่ามา!”ลู่เฟิงได้กล่าวถาม
“ในการจัดการกับกองทัพแนวหน้า 500,000 นายของ ราชาเมกาทรอน เราต้องการกองทัพอย่างน้อย 300,000 นาย และ เต็มที่ 500,000 นาย! ส่วนกองทัพที่เหลือ 300,000 นาย พวกเราให้พวกเขารอในแม่น้ำงูหยกเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับโจมตีเมืองฉิวซานทุกเวลา ด้วยวิธีนี้เราจะสามารถสร้างความเสียหายให้กับราชาเมกาทรอนได้มากที่สุด!”เจี๋ยสวี่ ได้ตอบกลับ
ลู่เฟิง ได้ครุ่นคิดและพยักหน้า”เอาล่ะ เหวินเหอ เรื่องนี้ข้าคงต้องฝากเจ้าแล้ว!”
“ขอรับ!”
เวลาคับคันเช่นนี้ ลู่เฟิง ไม่ได้พูดอะไรกับ เหลียนป๋อ และคนอื่น ๆ เขาได้สั่งเคลื่อนย้ายกองทัพทันที
โชคดีที่มีกองทหารขนาดใหญ่อยู่ที่เมืองเร้ดเมเปิ้ล ทั้งยังเป็นทหารที่ได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดี พวกเขามีรูปแบบทางการทหารที่แข็งแกร่งในด้านการป้องกันและยังมีความสามารถในด้านการโจมตีที่ดีอีกด้วย
กองทัพทั้งหมดเริ่มเคลื่อนย้ายกำลังพลขึ้นเรือ โดยเรือรบสามารถรองรับคนได้มากสุด 5,000 คน รวมทั้งอาวุธและเสบียง ต่อลำ
เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน เหลียนป๋อ และ ลู่เฟิง ได้ออกเดินทางทันที หลังจากที่กองทัพ 100,000 นายขึ้นเรือ เขาได้มุ่งหน้าไปยังจุดนัดพบที่กำหนดไว้ก่อนอยู่แล้ว ส่วนกองทัพ 700,000 นายที่เหลือ จะต้องใช้เวลาพอสมควรในการขึ้นเรือ
อย่างที่เหลียนป๋อกล่าวเพียงวันครึ่งพวกเขาก็เดินทางมาถึงสันดอนตื้น ๆ เหนือเมืองงูหยก
สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ลู่เฟิง และ เจี๋ยสวี่ วางแผนกันยกพลขึ้นฝั่ง
“ถวายบังคมฝ่าบาท ยินดีที่ได้พบท่านแม่ทัพเฒ่า!”
หลังจากเห็น ลู่เฟิง และ เหลียนป๋อ ลงมาจากเรือ ซุนฮก ที่รออยู่ก่อนแล้วก็ออกไปต้อนรับทันที
“เหวินยื่อ สถานการณ์ในเมืองงูหยกเป็นอย่างไรบ้าง?”ลู่เฟิงได้กล่าวถามตรง ๆ
“ฝ่าบาท กองทัพของราชาเมกาทรอนมาถึงเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ และมันเป็นอย่างที่พวกเราคิดเขาได้วางกองทัพไว้นอกประตูทางเหนือของเมืองงูหยกและไม่ได้เคลื่อนไหวไปไหน ตามข่าวที่ได้รับจากจินยี่เหว่ย ภายในเมืองงูหยก มีแม่ทัพและผู้นำตระกูลชนชั้นสูงจำนวนมากกว่า 10,000 ครัวเรือน เข้าร่วมคฤหาสน์เพื่อร่วมงานเลี้ยง ตอนนี้ในค่ายทหารจึงเหลือเพียงแม่ทัพคนเดียวที่เฝ้าระวัง!”ซุนฮก ได้แจ้งข้าวให้แก่ลู่เฟิง
ลู่เฟิงผงะไปชั่วครู่จากนั้นเขาก็แสดงท่าทีมีความสุข”ลุงของข้าน่าสนใจจริง ๆ ไม่คิดเลยว่า จะหละหลวมเช่นนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาไม่กังวลเกี่ยวกับค่ายทหารของเขาว่าจะถูกข้าบุกโจมตี?”
เหลียนป๋อ ได้ยิ้มออกมา”ฝ่าบาท ราชาเมกาทรอน เป็นคนฉลาดมีไหวพริบ แต่เขารู้แน่ชัดว่ากองทัพของพระองค์น่าจะยังอยู่ที่หุบเขาหยางผิงและมันสายเกินไปที่จะกลับมาที่นี่ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ระวังตัว และ จัดให้แม่ทัพคนนึงเฝ้าระวังค่ายทั้งหมด!”
“เอาล่ะ ช่างเถอะ ตอนนี้ ข้าต้องการฟังแผนว่าเราจะบุกโจมตีค่ายให้ชนะได้ยังไง”ลู่เฟิง ได้มองไปที่ ซุนฮก และ กล่าวถาม
ซุนฮก ได้คร่ำครวญและสั่นศีรษะเล็กน้อย”ฝ่าบาทเรื่องนี้อาจจะยากไปสักหน่อยกองทัพของพวกเรายังไม่สมบูรณ์ตอนนี้มีกำลังคนเพียงแค่ 100,000 นาย แม้ว่า ราชาเมกาทรอน จะจัดให้แม่ทัพคนนึงควบคุมค่ายชั่วคราว แต่เขาก็ยังมีทหารม้า 150,000 นายอยู่ใต้เขา ถ้าเกิดพวกเราเสียเวลามากเกินไป จะถูกกองทัพม้าเหล็กพุ่งเข้าชาร์จทันที!”
ลู่เฟิง ได้เงียบอันที่จริง เหตุผลที่เขากล้าบุกโจมตีก่อนก็เพราะหวาดกลัวทัพม้า 150,000 นายของราชากาทรอนลู่เว่ย
ดังนั้น ทัพ 100,000 นาย คงยังไม่เพียงพอสำหรับสังหารทัพม้า 150,000 นาย ในครึ่งชั่วโมง
ภูมิประเทศภายนอกประตูเมืองงูหยกไม่เหมาะสำหรับการเข้าชาร์จของทหารม้าแต่กองทัพจำนวน 100,000 นายก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งมันได้
ลู่เฟิงได้ถอนหายใจออกมา”ดูเหมือนว่าเราคงต้องยอมทิ้งโอกาสดี ๆ เช่นนี้ไป”
“ฝ่าบาท ไม่ใช่เช่นนั้นเสมอไปพะยะค่ะ!”ซุนฮก ได้ปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
“โอ้ว,เหวินยื่อ เจ้ามีความคิดอะไรดี ๆ งั้นหรือ?”ลู่เฟิง ได้กล่าวถามทันที
ซุนฮกได้พยักหน้าและตอบกลับ”ฝ่าบาทตอนนี้เรามีทหารชั้นยอดหนึ่งแสนนาย แม้ว่าจะไม่สามารถต้านทานทหารม้าที่อยู่ด้านหน้าได้ แต่คนเหล่านี้ก็ยังใช้ซุ่มโจมตีและวางกับดักที่หน้าผาวิญญาณดับได้พะยะค่ะ ด้วยวิธีนี้เราจะสามารถจับทหารม้าของราชาเมกาทรอนได้อย่างน่าประหลาดใจ!”
“หน้าผาวิญญาณดับ?”
ลู่เฟิง คร่ำครวญเล็กน้อย เขาเพิ่งจะรู้จักเมืองงูหยกเมื่อสองวันก่อน และ มาตอนนี้ยังมีหน้าผาวิญญาณดับอีก
ซุนฮก ได้อธิบายถึงความอันตรายของหน้าผาวิญญาณดับที่ยากจะซ่อนกองทัพได้ มันเป็นสถานที่อันตราย ดังนั้นจึงไม่ได้ถูกใครครอบครอง
เขาได้ตอบกลับ”เหวินยื่อ หน้าผาวิญญาณดับเป็นสถานที่ที่อันตราย และ ยากต่อการซ่อนกองทัพ พวกเราจะประสบความสำเร็จในการโจมตีทหารม้าได้อย่างไร?”
“ฝ่าบาท ที่พระองค์พูดมาก็ถูกแต่ว่า…”
ซุนฮก ได้มองไปที่ ลู่เฟิงและตอบกลับ”ฝ่าบาท ถ้าเราบุกค่ายทหารของราชาเมกาทรอนด้วยม้าเหล็ก 5,000 นาย และอาศัยความมืดในการเคลื่อนทัพเพื่อล่อทหารม้าของพวกเขาออกมาด้วยวิธีนี้พวกเราจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน”
ดวงตาของลู่เฟิงได้สว่างขึ้น
เกี่ยวกับการหลอกล่อและตรวจสอบข้อมูล กองทหารจินยี่เหว่ย สามารถรับหน้าที่นี้ได้
เขาได้ตอบกลับทันที”ข้าเห็นด้วยกับเจ้า เหวินยื่อ ข้ามอบหมายหน้าที่นี้ให้เจ้าจัดการทันที!”
“ขอรับ!”
หลังจาก ซุนฮก จากไป เหลียนป๋อ ก็ถอนหายใจออกมา”ฝ่าบาท พระองค์ช่างปราดเปรื่องยิ่งนักที่สามารถหาบุคคลเช่นนี้ในวัยยี่สิบได้ ด้วยการมีเขาอยู่ใต้บัญชาของพระองค์ ความสง่างามของพระองค์จะทวีคูณขึ้นอย่างแน่นอน!”