MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ - ตอนที่ 122
“แม่ทัพใหญ่ของพวกเขาชื่อ จางเป็งยี่ หนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองฉิวซาน และ ยังเป็นผู้นำตระกูล จาง ในบรรดากองกำลัง 200,000 นาย มีทหารหนึ่งแสนนายอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ส่วนที่เหลืออีกหนึ่งแสนนายถูกควบคุมโดยแม่ทัพอีกคนหนึ่งที่เป็น ผู้นำตระกูล โฮ่ว !” เจี๋ยสวี่ ตอบกลับทันที
“แล้วตระกูลใหญ่อีกตระกูลคือ?”ลู่เฟิงกล่าวถาม
“เป็น กานฉวน ที่คอยปกป้องเมือง เสี่ยวหลิงตู่ ตระกูล กาน เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ แต่…”
“แต่อะไร?”
เจี๋ยสวี่ ได้ครุ่นคิดเล็กน้อยและตอบกลับ”ตามข้อมูลที่ได้รับจาก จินยี่เหว่ย กานฉวน คนนี้ ได้ย้ายคนของตระกูล กาน ทั้งหมด ไปที่เมืองเสี่ยวหลิงตู่ เมื่อไม่กี่วันก่อน ดูเหมือนว่าเขาต้องการผูกขาดเมืองเสี่ยวหลิงตู่แต่เพียงผู้เดียว!”
ลู่เฟิง ขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวถาม”ดูเหมือนว่าสามตระกูลใหญ่จะไม่ค่อยสามัคคีกันเท่าไหร่สินะ!”
เจี๋ยสวี่ ได้พยักหน้า”ขอรับ เป็นที่แน่นอนว่าตระกูลใหญ่ทั้งสามไม่เป็นเช่นนั้นเพราะข้อพิพาทเรื่องผลประโยชน์ โดยเฉพาะหลังจากการสวรรค์คตของ ราชาเมกาทรอนลู่เว่ย ดังนั้น กานฉวน จึงย้ายตระกูลของเขาไปที่เมืองเสี่ยวหลิงตู่!”
“ในกรณีนี้ แม้ว่าเราจะโจมตีเมืองฉิวซาน กานฉวน ก็คงจะไม่แบ่งปันกองทัพมาเพื่อช่วยเหลือเมอง!”
ลู่เฟิง ได้กล่าวพูดขึ้น”เหวินเหอ เจ้าไปแจ้งต่อแม่ทัพเฒ่าเหลียนป๋อ ให้ผนึกกำลังของศัตรูไว้ที่นั้น แม้ว่าเราจะคิดว่าอีกฝ่ายจะไม่ส่งกองกำลังมาช่วยเหลือ แต่ก็ปิดความน่าจำเป็นได้นั้นไปก่อน อย่าปล่อยให้เกิดสิ่งผิดพลาดขึ้นได้!”
“ข้าน้อยจะทำตามพระบัญชาทันที!”เจี๋ยสวี่ รีบไปจัดการ
ในอีกด้านหนึ่ง ลู่เฟิง ได้ให้กองทัพของเขาพักผ่อนและเตรียมตัวสำหรับโจมตีเมืองฉิวซาน
เมือง เสี่ยวหลิงตู่ คฤหาสน์ เจ้าเมือง กานฉวน ได้ขมวดคิ้วและมองไปที่จดหมายตรงหน้าของเขา
นี่คือคำร้องขอความช่วยเหลือจากเมืองฉิวซาน
ข้างต้นระบุไว้ว่า จักรพรรดิลู่เฟิง ได้นำทัพ 400,000 นายเตรียมพร้อมบุกโจมตีเมือง ดังนั้นจึงได้ขอให้ส่งกองกำลังมาช่วยเหลือโดยด่วน
เขากำลังพิจารณาว่าควรจะส่งทหารออกไปดีไหม
เมื่อเทียบกับอีกสองตระกูล ตระกูลกาน นั้นแข็งแกร่งกว่ามาก อำนาจทางการทหารที่พวกเขาครอบครองคือ 200,000 นาย ส่วนอีก 400,000 นายเขาได้รับมอบมาจากราชาเมกาทรอนให้ปกป้องเมืองเสี่ยวหลิงตู่ ตอนนี้ ราชาเมกาทรอน ลู่เว่ย ได้ตายไปแล้ว สิทธิ์การควบคุมทหารทั้งหมดจึงอยู่ที่เขา
ถ้าเขา ไม่ส่งกองกำลัง 400,000 นายออกไป เมืองฉิวซาน จะต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน
แต่ถ้าพวกเขาส่งกองกำลังออกไป เหลียนป๋อ และ กองทัพของเขา จะต้องบุกโจมตีเมือง เสี่ยวหลิงตู่ ได้ง่ายขึ้น และนั่นอาจจะเป็นจุดจบของเมืองเสี่ยวหลิงตู่ และ ตระกูลจางของเขา
“รายงานท่านแม่ทัพ,แม่ทัพฝ่ายศัตรูเหลียนป๋อ กำลังบุกโจมตีเมืองของพวกเรา!”
ในเวลานี้ เสียงของทหารที่แตกตื่นได้ดังขึ้นที่ด้านนอกประตู
“อะไรนะ?”
กานฉวน รู้สึกตกใจอย่างมาก
เขาตัดสินใจที่จะเมินเฉยต่อเมือง ฉิวซาน แม้ว่า เมืองฉิวซาน จะถูกทำลายโดย ลู่เฟิง แต่รากฐานของตระกูลกานของเขาไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว ดังนั้นผลกระทบจึงไม่สำคัญ สำหรับทัพ 400,000 นาย ตอนนี้ มันคงจะดีกว่าถ้าหากเก็บไว้ป้องกันการโจมตีของเหลียนป๋อ
ตราบใดที่เขาถือทัพใหญ่ไว้ในมือแม้ว่าเขาจะถูกบังคับให้ยอมจำนนต่อลู่เฟิง ท้ายที่สุด เขาก็ไม่ลังเลที่จะใช้กองทัพเหล่านี้ จัดการ ลู่เฟิง
เหลียนป๋อ ได้แสร้งทำเป็นโจมตี โดยธรรมชาติ เมื่อ กานฉวน ปรากฏตัวขึ้นที่กำแพงเมือง เขาก็ถอนกำลังทหารออกทันที และ ในขณะเดียวกัน ก็ส่งกองกำลังส่วนหนึ่งขึ้นฝั่งทำให้ดูเหมือนตั้งแคมป์เพื่อกดดันกานฉวน
ทางด้านลู่เฟิง หลังจากให้ทหารพักผ่อนกันเสร็จแล้วพวกเขาก็บุกโจมตีเมืองกันทันที
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกเขาจะโจมตีเมือง ลู่เฟิง ได้ฟังคำแนะนำของ เจี๋ยสวี่ ที่ว่าปล่อยให้พลธนูสองแถวยิงลูกศรโจมตีไปที่กำแพงเพื่อป้องกันการซุ่มโจมตี
จุดประสงค์ก็คือเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ทัพราบบุกโจมตี
จากนั้นให้กองทัพพุ่งเข้าโจมตีเมือง
สำหรับการโจมตีครั้งแรก ลู่เฟิง ได้ใช้กองทัพ 50,000 นาย!
ภูมิประเทศนอกประตูเมืองทิศเหนือของเมืองฉิวซาน ค่อนข้างกว้างขวาง ทหาร 50,000 นาย สามารถกระจายกำลังพลได้มากเกินพอ
กองทัพ 50,000 นาย ได้เดินขบวนไปบนพื้นดินเหมือนกับมดที่เดินเรียงแถว
ที่หัวเมือง แม่ทัพสองคนในชุดเกราะมองไปที่กองทัพของลู่เฟิงด้านล่างการแสดงออกของพวกเขาดูน่าเกลียดเล็กน้อย
“จางเป็งยี่ ได้ข่าวจาก กานฉวน บ้างหรือไม่?”โฮ่วหลิน ได้จ้องมองไปที่ จางเป็งยี่ ที่อยู่ข้าง ๆ เขา
จางเป็งยี่ ได้สั่นศีรษะและตอบกลับอย่างโกรธเคือง”กานฉวน ไอ้ลูกหมา มันได้ย้ายตระกูลกานออกจากเมืองไปและคงไม่คิดจะกลับมาช่วยเมืองฉิวซานแห่งนี้!”
“ไอ้บัดซบ มันคิดจะทรยศต่อความตั้งใจของฝ่าบาทหรือไม่?”โฮ่วหลินก็ตอบกลับด้วยความโกรธ
“ฝ่าบาท?”
จางเป็งยี่ได้ตะคอกขึ้น”ฝ่าบาทสิ้นพระชนม์แล้ว เจ้าคิดว่า กานฉวน ยังจะสนใจอยู่อีกหรือไม่?”
ใบหน้าของ โฮ่วหลิน เองก็เปลี่ยนไป ท้ายที่สุดเขาก็ถอนหายใจออกมา”เช่นนั้นพวกเราจะทำยังไงกันดี?”
“ยังไงก็เลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว!”
จางเป็งยี่ ได้กล่าวพูดออกมา”ลู่เฟิง ไม่แสดงความเมตตาแม้แต่คนในครอบครัว นับประสาอะไรกับพวกเรา พวกเราทำงานรับใช้ ราชาเมกาทรอนลู่เว่ย จุดจบเดียวของพวกเราก็คือความตาย ดังนั้นเราจะไม่สามารถพ่ายแพ้ได้!”
โฮ่วหลิน ได้ถอนหายใจออกมา ดูเหมือนว่าการที่พวกเขาเลือกติดตามราชาเมกาทรอนลู่เว่ย จะเป็นทางเลือกที่ผิด
ภายใต้คำสั่งของ จางเป็งยี่ และ โฮ่วหลิน ผู้พิทักษ์ของเมืองฉิวซาน ได้ร่วมมือกันใช้พลธนูและใช้น้ำมันราดลงไปที่พื้นดินด้านล่างเพื่อป้องกันไม่ให้ทหารของอีกฝ่ายบุกประชิดกำแพงเมือง
บันไดที่ถูกพาดขึ้นมาได้ถูกราดเต็มไปด้วยน้ำมันก่อนที่พวกเขาจะจุดไฟ
“ฝ่าบาทหากปล่อยให้ทหารมุ่งหน้าต่อไปพวกเขาจะถูกไฟคลอกตาย!”เมื่อเห็นว่าทหารไม่สามารถปีนขึ้นสู่กำแพงเมืองได้ ลิโป้ ได้พูดขึ้น
ลู่เฟิง ได้มองไปที่ มันและก็สั่นศีรษะ”ข้ารู้แล้ว!”
“ฝ่าบาทเช่นนั้นให้ข้า…”
“พอไม่ต้องพูดแล้ว”
ลู่เฟิง ได้ขัดคำพูดของ ลิโป้ และตอบกลับ”เมืองฉิวซาน มีอุปกรณ์ป้องกันเมืองที่เพียงพอ และ จิตวิญญาณของทหารก็ยังคงกล้าแกร่ง แม้ว่าจะเป็นเจ้า หากดันทุรังปีนขึ้นไปและถูกรุมโจมตีด้วยพลธนูหลายพันคน เจ้าก็คงไม่รอดเช่นเดียวกัน!”
ลิโป้ แม้ว่าจะไม่เต็มใจ แต่เขาก็รู้ว่าสิ่งที่ ลู่เฟิง พูดนั้นถูกต้อง เขามองไปที่ เมืองฉิวซาน ด้วยใบหน้าที่โกรธแค้น
กองทัพที่ได้ยินเสียงของเขาได้สั่งการล่าถอยทันที
ไม่นาน ซุนฮก ก็มาพร้อมกับรายงานความเสียหายของสนามรบ
“อ่านรายงาน ข้าต้องการรู้จำนวนผู้เสียชีวิตในครั้งนี้”ลู่เฟิง ได้กล่าวพูดขึ้น
“มากกว่าห้าพันคน”ซุนฮกตอบกลับ
“ห้าพัน?”
ลู่เฟิงหลับตาลง เขารู้สึกเสียใจอย่างมาก เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหลังจากเริ่มโจมตีเมืองเขาก็สูญเสียทหารไปมากกว่า 5,000 นาย แล้ว ความเสียหายครั้งนี้มากเกินไป
โชคดีที่ภูมิประเทศนอกประตูทิศเหนือของเมืองฉิวซานกว้างขวาง ไม่เช่นนั้น คนจำนวนมากคงตกเป็นเป้าด้วยพลธนูของอีกฝ่าย
ลู่เฟิง ได้สูดลมหายใจเข้าลึก และ พยายามสงบจิตใจ เขารู้สึกว่าสงครามเป็นเรื่องของการสูญเสีย
ลู่เฟิง ได้หันหน้าไปทาง ซุนฮก และ กล่าวพูดขึ้น”เหวินยื่อ เจ้า และ เหวินเหอ ปรึกษากันอย่างรอบคอบและพยายามหาแผนการที่ดีออกมาให้ได้ เราไม่สามารถโจมตีเมืองแบบสุ่มสี่สุ่มห้าเช่นนี้ได้ ไม่งั้นกองทัพ 400,000 นายก็คงรั้งไว้ได้ไม่นาน!”
ซุนฮก ได้คุกเข่าลงทันที”ฝ่าบาทข้าน้อยจะพยายามคิดหาแผนการทันที!”
“ไปได้!”
ลู่เฟิง ได้หันหน้าไปมองเมืองฉิวซานที่อยู่ไกลออกไปเขาได้บ่นพึมพัมออกมา”กล้าที่จะทำลายกองทัพของข้า ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างแน่นอน!”