MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ - ตอนที่ 140
“ติ๊ง ตรวจพบค่าความภักดีของ เตียวอุ๋น ที่มีต่อโฮสต์เพิ่มขึ้น สามแต้ม ค่าความภักดีในปัจจุบัน 92 แต้ม”
ลู่เฟิง รู้สึกดีใจมากเมื่อได้ยินดังนั้น เขาไม่คิดเลยว่า เตียวอุ๋น จะมอบความภักดีเพิ่มให้เขารวดเร็วเช่นนี้!
ลู่เฟิง ได้สั่งให้ ลิโป้ ไปจัดระเบียบทหารม้า และ ให้ ฉู่ต้าเหว่ย ไปพักผ่อน ตอนนี้ เขาบอกให้ เตียวอุ๋น รอเขาอยู่ที่นี่
“เตียวอุ๋น ข้าได้ยินว่าเจ้าไปศึกษา ที่สำนักร้อยก๊ก เล่าเรื่องนี้ให้ข้าฟังที”ลู่เฟิงมองไปที่ เตียวอุ๋นด้วยรอยยิ้ม
สำนักร้อยก๊ก ในหยูโจว เป็น หนึ่งในนิกายที่ใหญ่ที่สุดในหยูโจว พวกเขามีผู้เชี่ยวชาญราวกับปุยเมฆ
ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา ด้านพลัง,ความรู้ และ อื่น ๆ อีกมากมาย พวกเขาล้วนมีมันหมด
ด้วยเหตุนนี้ทำให้ สำนักร้อยก๊ก เป็นนิกายที่ใหญ่ที่สุดในหยูโจว พวกเขามีหลายแขนงแยกออกไป แม้แต่ราชวงศ์ของอาณาจักร ยังนับถือสำนักร้อยก๊ก
หลายอาณาจักรในหยูโจว อยากที่จะส่งคนของพวกเขาเข้าไปศึกษาในสำนักร้อยก๊กนี้กันอย่างมาก
เตียวอุ๋น ได้บอกเล่าเรื่องราวให้ลู่เฟิงฟังทันที
และ เมื่อ ลู่เฟิง ได้ฟัง เขาก็ค่อย ๆ สูญเสียความมั่นใจของตนเองไปทีละน้อย
นอกอาณาจักรหนานหยาน ยังมี อาณาจักรอีกหลายร้อยอาณาจักร ซึ่ง ในหมู่อาณาจักรเหล่านั้น มี การจัดอันดับ สิบอาณาจักรที่ทรงพลังที่สุด พวกเขาถูกเรียกว่า สิบราชวงศ์ใหญ่
ผู้เชี่ยวชาญของราชวงศ์เหล่านี้ มีมากราวกับปุยเมฆ กระทั่งบางคน สามารถสร้างเหตุการณ์ที่น่าประหลาดใจได้พวกเขาล้วนเป็นคนของสำนักร้อยก๊ก
เตียวอุ๋น ได้กล่าวว่า ในสำนักร้อยก๊กเองก็มีการจัดอันดับบุคคลที่แข็งแกร่งอยู่ ซึ่ง ความสามารถของเตียวอุ๋นเอง ยังไม่สามารถกระทั่งติดสองร้อยอันดับแรกได้ นี่สามารถคาดการ์ณได้ว่า มีผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งมากขนาดไหนในสำนักร้อยก๊ก ไม่ต้องพูดถึงภูมิหลังของราชวงศ์ ที่มีอำนาจเหล่านั้น
“ดูเหมือนว่า อาณาจักรหนานหยานของเรา ยังมีหนทางอีกยาวไกล!”
ความภาคภูมิใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขาได้หายไป เขาได้ยิ้มจาง ๆ แม้ในอนาคตจะยากลำบาก แต่เขาก็หาได้เกรงกลัวไม่?
“เตียวอุ๋น เชื่อว่าฝ่าบาท จะชี้นำอาณาจักรหนานหยานของพวกเราให้ยืนหยัดในหยูโจวได้ แม้แต่ราชวงศ์ที่มีอำนาจเหล่านั้นก็ไม่กล้าที่จะสบประมาทพวกเรา”เตียวอุ๋น ได้ตอบกลับ ขณะที่จ้องมองไปที่ แผ่นหลังของ ลู่เฟิง
“เตียวอุ๋น จากนี้ไป ข้าต้องการให้เจ้า ทุ่มเทเพื่อข้าและอาณาจักร พวกเราจะช่วยเหลือกันพัฒนาอาณาจักรของพวกเราให้ยืนอยู่เหนือผู้คนในหยูโจว”ลู่เฟิง ได้หันศีรษะไปมอง เตียวอุ๋น
เตียวอุ๋น ได้คุกเข่าลงข้างนึงและกล่าวพูดขึ้น”ข้าน้อย เตียวอุ๋น ยินดีถวายชีวิตสู้เพื่อฝ่าบาทและอาณาจักรแม้ตายก็ไม่เสียดาย!”
“ฮ่าฮ่า,ด้วยความช่วยเหลือของเจ้า ข้ามั่นใจว่าพวกเราย่อมมีวันนั้น!”ลู่เฟิง หัวเราะออกมา และ ช่วยพยุงเตียวอุ๋น ให้ลุกขึ้น
เตียวอุ๋น รู้สึกหวั่นไหว เมื่อได้ยินดังนั้น เขาเพิ่งกลับมาจากสำนักร้อยก๊ก และ ไม่ได้มีทักษะที่ยอดเยี่ยมขนาดนั้น แต่ฝ่าบาท กลับให้ความสำคัญกับเขาอย่างมาก เขาจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร?
“ติ๊ง ตรวจพบค่าความภักดีของ เตียวอุ๋น ที่มีต่อโฮสต์เพิ่มขึ้น 3 แต้ม ปัจจุบันค่าความภักดี 95 แต้ม”
ลู่เฟิง รู้สึกดีใจมาก
“ฝ่าบาท ข้าน้อยจะรีบกลับไปรายงานท่านพ่อของข้า ขอให้ฝ่าบาทนำกองทัพไปที่เมืองผิงกวง พวกเราจะถวายกองทัพทหาร 400,000 นาย เพื่อรับฟังคำสั่งของพระองค์!”เตียวอุ๋นได้คุกเข่าลง
“อืม,เข้าใจแล้ว เจ้ายืนขึ้นเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะไปที่นั่นทันที”
“ขอรับ!”
เตียวอุ๋น ได้ตอบกลับ และ จากไปทันที
ลู่เฟิง มองไปที่ เขาด้วยรอยยิ้ม”ระบบ คุณเห็นหรือไม่ ตัวตนที่ยอดเยี่ยมในประวัติศาสตร์ คนนี้ กลับมอบความภักดีให้กับฉันถึง 6 แต้ม ในช่วงระยะเวลาอันสั้น นี้แสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของฉันใช่หรือไม่?”
ระบบ”…”
ลู่เฟิง ไม่ได้สนใจความเงียบของระบบ เขาได้คลิกที่ข้อมูลของตนเอง
โฮสต์ : ลู่เฟิง
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ระดับพลัง : ระดับ 3 ขั้นเชื่อมจิตวิญญาณ
ทักษะต่อสู้ : โจมตีหนัก,ดาบฉิงซาน
พลังพิเศษ : ไม่มี
สัตว์อสูร : ไม่มี
โอกาสอัญเชิญ : ไม่มี
ตัวละคร : ฮวามู่หลาน,เกาชุน,เจี๋ยสวี่,ซุนฮก,ลิโป้,เตียวเลี้ยว,เมิ่งเถียน,เมิ่งอี้,ฮัวโต๋,เหลียนป๋อ,เตียวอุ๋น
ฝ่ายศัตรู : ชูหยี
ตัวละครที่ไม่ทราบแน่ชัด : แม่ทัพนามสกุล จ้าว
ไอเทมอัญเชิญ : ดาบกานเจียง,ดาบเฉิงอิ๋ง,หนังสือทิเบต
“เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน ฉันกระทั่งได้รับคนที่ไว้เนื้อเชื่อใจมามากขนาดนี้!’
ลู่เฟิง มองไปที่ ความแข็งแกร่งของตนเอง และ ตัวละครอัญเชิญของเขา เขาค่อนข้างพอใจอย่างมาก หากเขาไม่มีความสามารถและคนเหล่านี้ เขาคงไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากนอนรอความตาย
“ยังไงก็ตาม ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่าแม่ทัพ นามสกุลจ้าวเป็นใคร?”
ลู่เฟิง ขมวดคิ้วเล็กน้อย แม่ทัพ เตียว คือ เตียวอุ๋น เขากังวลว่า แม่ทัพนามสกุล จ้าว จะเป็น จ้าวหยุน ที่สำคัญก็คือเขายังไม่สามารถฟันธงเรื่องนี้ได้
“เฮ้อ เอาไว้ฉันพบนายฉันก็จะได้รู้เอง!”
ลู่เฟิง สั่นศีรษะออกมา
“ฝ่าบาท!”
ในเวลานี้ เจี๋ยสวี่ และ ซุนฮก ได้เข้ามาหา ลู่เฟิง
“เหวินเหอ,เหวินยื่อ พวกเจ้ามีอะไรงั้นหรือ?”ลู่เฟิง มองไปที่ทั้งสองคน
“ฝ่าบาท ตามรายงานการสืบสวนของ จินยี่เหว่ย พบกองทัพของอาณาจักรหงเป่า เริ่มรวมตัวกันที่บริเวณชายแดนและมีแผนที่จะบุกอาณาจักรหนานหยาน!”เจี๋ยสวี่ กล่าวพูดออกมา
ลู่เฟิง ขมวดคิ้วเล็กน้อย”อาณาจักรหงเป่า พวกเขากำลังมองหาโอกาส ตอนนี้กองทัพของพวกเราไม่สามารถทำศึกใหญ่ติดต่อกันได้”
ซุนฮก ได้ครุ่นคิดเล็กน้อยและตอบกลับ”ฝ่าบาท แม้ว่า อาณาจักรหงเป่า กำลังรวบรวมกองทัพขนาดใหญ่ แต่ข้าน้อยเชื่อว่า พวกเขาจะยังไม่โจมตีพวกเราในตอนนี้ พวกเขาเพียงแค่เตรียมพร้อมรอให้ถึงฤดูใบไม้ผลิหน้า ที่พวกเขาต้องการตอนนี้ก็คือต้องการตรวจสอบกองทัพของเราให้แน่ชัดก็เท่านั้น”
“ว่าต่อ”
“พรมแดนของอาณาจักรหงเป่าค่อนข้างเป็นที่ราบ แต่เต็มไปด้วยถนนที่ขรุขระ หากพวกเขาต้องการระดมกำลังทหาร อาหาร และ หญ้า จึงค่อนข้างเป็นปัญหา ยังมีเวลาอีกกว่าครึ่งเดือนก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูหนาว หากเป็นไปตามนี้ พวกเขาก็คงจะไม่โจมตี แต่ว่า…”
ซุนฮก ได้เผยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว”ถ้าพวกเขาเกิดโจมตี กองทัพที่พวกเราสามารถใช้การได้ตอนนี้มีเพียงกองทัพของแม่ทัพเฒ่าเหลียนป๋อ กำลังพล 400,000 นาย แต่ในหมู่พวกเขาก็ต้องจัดให้มีทหารคุ้มกัน ดังนั้น จำนวน 350,000 นายคือขีดจำกัด ด้วยกองกำลังเท่านี้ คงไม่สามารถทำให้อาณาจักรหงเป่า ถอยกลับไปได้แน่ หากพวกเขารุกโจมตีเต็มอัตราพวกเราจะตกที่นั่งลำบาก!”
เจี๋ยสวี่ เองก็ยิ้มอย่างขมขื่น
ในตอนนี้ ลู่เฟิง ยิ้มเล็กน้อย เขาได้กล่าวถาม”ถ้ากองทัพ 300,000 นายไม่ได้ผล แต่ถ้าเป็นกองทัพ 700,000 นายล่ะ?”
“กองทัพ 7 แสนนาย?”
เมื่อ เจี๋ยสวี่ และ ซุนฮก ได้ยินดังนั้น เขาก็ผงะเล็กน้อยและรีบกล่าวถาม”ฝ่าบาท พระองค์สามารถปราบแม่ทัพ เตียวเฮยฉี ของ เมืองผิงกวง ได้แล้วหรือพะยะค่ะ?”
ที่ปรึกษาระดับสูงทั้งสองคนได้นึกถึงเรื่องนี้
ลู่เฟิง ได้ยิ้มและพยักหน้า”ข้าได้เตรียมการไว้หมดแล้ว พรุ่งนี้ เราจะออกเดินทางไปที่เมืองผิงกวงและรับเอากองกำลังทหาร 400,000 นาย!”
เมื่อ เจี๋ยสวี่ และ ซุนฮก ได้ยินดังนั้น เขาก็รู้สึกชื่นชมอยู่พักนึง ในขณะที่พวกเขาคิดว่าจะทำอย่างไรกับเมืองผิงกวงดี ฝ่าบาทของพวกเขาก็ได้ยึดเมืองผิงกวงไปแล้ว
ทั้งสองคนได้กล่าวพูดพร้อมกัน”ฝ่าบาททรงพระปรีชายิ่งนัก!”
ลู่เฟิงหัวเราะออกมา”เอาล่ะ เลิกประจบข้าได้แล้ว ไปเตรียมตัวกันให้พร้อมพวกเราจะออกเดินทางไปที่เมืองผิงกวงในวันพรุ่งนี้!”
“ขอรับ!”
ในวันรุ่งขึ้น ลู่เฟิง ได้ทิ้งกองกำลังกว่าแสนคนเพื่อปกป้องผู้รอดชีวิต เขาได้พา เจี๋ยสวี่,เหลียนป๋อ และ ลิโป้ พร้อมกับกองกำลัง 300,000 นาย ไปยังเมืองผิงกวง
ซุนฮก ได้ถูกทิ้งไว้ที่ด้านหลังเพื่อดูแลกองทัพ
ไม่นาน ลู่เฟิง และ พรรคพวกก็มาถึงเมืองผิงกวง
ทันทีที่เขามาถึง เขาก็เห็น ทหารผ่านศึกอายุประมาณ 50 ปี ตามมาด้วย เตียวอุ๋น และ แม่ทัพทั้งหมดภายในเมืองผิงกวงยืนต้อนรับอยู่นอกประตูเมือง