MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ - ตอนที่ 143
ในตำหนัก เจิ้งหลง ยกเว้น เจี๋ยสวี่,ซุนฮก,ลิโป้,เหวิ่นอาน,และ ฮูหยิน ทุกคนต่างแสดงสีหน้าอย่างเคร่งเครียด
พวกเขารู้สึกกังวลอย่างมาก
พวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่า หลังจาก จักรพรรดิทรงแก้ปัญหาราชาเมกาทรอนลู่เว่ยได้สำเร็จเขากลับมาครั้งนี้ก็เพื่อแก้ไขปัญหาตระกูลขุนนางเหล่านี้
และตัวตนของพวกเขาก็มาจากตระกูลขุนนางเหล่านี้เช่นเดียวกัน พวกเขากังวลว่าเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อครอบครัวของพวกเขา
โชคดีที่ตอนนั้นพวกเขาไม่รีบลุกแสดงจุดยืนว่าอยู่ข้างเดียวกันกับ ราชาเมกาทรอนลู่เว่ย ไม่งั้นตอนนี้พวกเขาคงกลายเป็นศพไปแล้ว
ตอนนี้พวกเขาต้องการรู้ว่าจักรพรรดิลู่เฟิงจะทำอะไรกับพวกเขา
“จักรพรรดิเสด็จแล้ว!’
ในไม่ช้าเสียงเเหลมก็ได้ดังขึ้น
เหล่าข้าราชบริพารทุกคนได้คุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกัน
ลู่เฟิง ได้เข้ามาด้านในห้องโถงพร้อมกับทาสดาบทั้งหก ก่อนที่จะนั่งลงบนบัลลังก์มังกร
“ถวายบังคมฝ่าบาท ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน!”
“ลุกขึ้นเถอะ!”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
ขุนนางในราชสำนักได้ลุกขึ้นยืนทุกคน
ลู่เฟิงได้จ้องมองไปที่พวกเขาและกล่าวพูดขึ้น”ตั้งแต่ที่ข้าขึ้นครองบัลลังก์อาณาจักรหนานหยาน ข้าก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากสงครามซ้ำแล้วซ้ำเล่า รวมถึงความทะเยอทะยานของอาณาจักรซีหยาง และ ความกล้าหาญที่จะก่อการกบฏของราชาเมกาทรอนลู่เว่ย โชคดีที่ ข้างกายของข้า มีเหล่าข้าราชบริพารที่ไว้วางใจได้ ข้าได้นำทหารไปต่อต้านอาณาจักรซีหยาง ยึดหุบเขาหยางผิง,เมืองหยุนไห่ และ เมืองหลวงอาณาจักรซีหยางได้สำเร็จ ข้าได้เปิดอาณาเขตของอาณาจักรเพิ่มเป็นระยะทางหลายพันไมล์ เจี๋ยสวี่,ซุนฮก,เกาชุน,ลิโป้ และ แม่ทัพเฒ่าเหลียนป๋อ ได้ช่วยเหลือในการสกัดกั้นกองทัพของราชาเมกาทรอนหลังจากนั้น ผ่านไปนานกว่าหนึ่งเดือนกองทัพกบฏในที่สุดก็ถูกทำลาย”
“ในบรรดาพวกเขา อัครมหาเสนาบดีเจี๋ยสวี่ ได้ทำงานอย่างหนักที่สุดและมีผลงานไร้ใครเทียบ ตอนนี้ข้า ขอแต่งตั้งให้ เจี๋ยสวี่ ได้รับบรรดาศักดิ์ผิงหยวนโฮว บรรดาศักดิ์นี้จะสืบทอดไปยังชั่วลูกชั่วหลานสามอายุคนอีกทั้งยังมีของประทานคุณอีกจำนวนมาก!”
“ข้าน้อย เจี๋ยสวี่ ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนาน!’
เจี๋ยสวี่ ได้ก้าวเดินออกมาด้วยน้ำตาตลอเบ้า
แม้ว่าเขาจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่า ฝ่าบาทจะมอบบรรดาศักดิ์นี้ให้เขา แต่เมื่อเขาได้ยินตอนที่ลู่เฟิงประกาศต่อหน้าขุนนางในราชสำนักทุกคนเขารู้สึกตื่นเต้นเกินคำบรรยาย
ขุนนางในราชสำนักหลายคนได้มองไปที่ เจี๋ยสวี่ อย่างอิจฉา เกี่ยวกับพวกเขาและแม่ทัพหลายคนมีใครบ้างไม่ฝันถึงสิ่งนี้?
อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องยากมากที่อาณาจักรหนานหยานจะมอบบรรดาศักดิ์องค์ชายให้ เป็นเวลาหลายร้อยปีแล้วที่ไม่มีองค์ชายถูกแต่งตั้งขึ้นมาโดยเฉพาะสองร้อยปีที่ผ่านมาไม่เคยมีใครได้รับของขวัญตอบแทนเช่นนี้มาก่อน
ตอนนี้ เจี๋ยสวี่ เป็นคนแรกของอาณาจักร
บรรดาศักดิ์โฮวสองตัวเช่นนี้ มีใครบ้างไม่อิจฉา แต่ก็ไม่มีใครกล้าไม่เห็นด้วย?
นักวิชาการพิษ ความรู้ความสามารถ มีใครบ้างที่จะปฏิเสธตัวตนของเขา?
ลู่เฟิงพยักหน้าและกล่าวมอบรางวัลต่อ”แม่ทัพเกาชุน ช่วยเหลือในการต่อต้านทหารของอาณาจักรซีหยาง ปิดล้อมข้าศึกนอกเมืองว่านเหอ และ สังหารล้างบางนิกายหยุนกง สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือคุณงามความดีในการฝึกทหารชั้นยอด ได้รับบรรดาศักดิ์ กานโฮว บรรดาศักดิ์นี้จะสืบทอดไปยังชั่วลูกชั่วหลานสามอายุคน,อีกทั้งยังมีสมบัติอีกจำนวนนึงตอบแทน!”
เนื่องจากเกาชุน กำลังฝึกกองทัพในที่ราบลั่วซาน เขาจึงไม่ได้อยู่ที่ตำหนักเจิ้งหลงเวลานี้ แน่นอนว่า จะมีคนไปส่งมอบรางวัลให้เขาภายหลัง
“เสนาบดีซุนฮก,ช่วยเหลือในการต่อต้านกองทัพอาณาจักรซีหยาง,และ เอาชนะราชาเมกาทรอนลู่เว่ย เขามีส่วนช่วยเหลืออย่างมากในการพัฒนาอาณาจักรให้มีเสถียรภาพมากขึ้น ได้รับบรรดาศักดิ์ หลินกวงโฮว และ สมบัติจำนวนนึง”
ซุนฮก แม้จะได้รับบรรดาศักดิ์ แต่ก็ยังไม่มากพอจะส่งต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลาน
“ข้าน้อย ซุนฮก ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน!”
ซุนฮก คุกเข่าลงบนพื้นด้วยความตื่นเต้น
แม้ว่าจะไม่สามารถเทียบกับ เจี๋ยสวี่ หรือ เกาชุน แต่เท่านี้เขาก็พอใจแล้ว
นอกจานี้ เขายังเป็น ผู้ช่วยคนสำคัญของลู่เฟิง นี่คือสิ่งที่เขาภูมิใจมากที่สุด
การมอบรางวัลยังคงดำเนินต่อไป
“แม่ทัพเฒ่าเหลียนป๋อ ช่วยส่งกองกำลังทหารไปพิชิตเมืองฉิวซาน ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการทหารของเมืองฉิวซานและได้รับบรรดาศักดิ์ฉิวซานโฮว บรรดาศักดิ์นี้จะสืบทอดไปยังชั่วลูกชั่วหลานสามอายุคน และ รางวัล 10,000 เหรียญทอง”
ไม่มีใครกล้าพูดเกี่ยวกับข้อโต้แย้งของ เหลียนป๋อ เขาเป็นทหารผ่านศึกของสองราชวงศ์ ทั้งยังมีความสามารถอย่างมาก
“แม่ทัพ ลิโป้ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการทัพม้าของอาณาจักร และมีคุณงามความดีในการสร้างทหารม้ามากกว่า 300,000 นาย ได้รับรางวัลเพิ่มอีก 10,000 เหรียญทอง!”
“ข้าน้อย ลิโป้ ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน!”
พูดตามตรง ลิโป้ ไม่พอใจกับรางวัลของเขามากนัก เขาคิดว่าเขาน่าจะได้มากกว่านี้ แต่ในฐานะที่อีกฝ่าย มอบความภักดีอย่างไร้ที่ติ ดังนั้นไม่มีทางที่เขาจะคัดค้านอย่างแน่นอน
ลู่เฟิง รู้ว่า ผู้บัญชาการทัพม้าของอาณาจักร ยังไม่คู่ควรกับความสามารถของ ลิโป้ เขาต้องการมอบบรรดาศักดิ์ให้อีกฝ่าย ในประวัติศาสตร์ ลิโป้ มีบรรดาศักดิ์คือ เหวิ่นโฮว จะเป็นอย่างไร ถ้ามอบบรรดาศักดิ์โฮวสองตัว ให้กับเขาตอนนี้ ? ไม่ละ มันคงจะดีกว่าที่จะรอความสำเร็จของเขาให้มาถึงจุดหนึ่ง และ เขาค่อยมอบบรรดาศักดิ์ เหวิ่นโฮว ให้ลิโป้
“แต่งตั้ง เมิ่งเถียน เป็นผู้บัญชาการทหารราบ พร้อมมอบกองกำลัง 450,000 นาย คอยพิทักษ์เมืองหยุนไห่ แนวหน้าของอาณาจักรซีหยาง”
“แต่งตั้ง เมิ่งอี้ เป็นเจ้าเมืองซีหยาง และ เมืองหยุนไห่ ให้รับผิดชอบจัดการเมืองทั้งสอง!”
“แต่งตั้ง เตียวเลี้ยว เป็นแม่ทัพใหญ่ของเมืองเร้ดเมเปิ้ล และ ให้รีบกลับมาที่เมืองหลวงเพื่อรอรับคำสั่งกลับไปพิทักษ์เมืองเร้ดเมเปิ้ล”
ผู้นำของเมืองเร้ดเมเปิ้ลก็คือ เหลียนป๋อ ตอนนี้ เหลียนป๋อ ได้ถูกย้ายไปปกป้องแนวหน้าของเมืองฉิวซาน ดังนั้นเมืองเร้ดเมเปิ้ลจึงต้องการผู้นำ
ผู้ใต้บังคับบัญชาของลู่เฟิง ในขณะนี้ มีเพียง เตียวเลี้ยว เท่านั้น ที่สามารถเป็นผู้นำของเมืองเร้ดเมเปิ้ลได้ เขาเชื่อว่า เตียวเลี้ยว ที่เป็นหนึ่งในห้าแม่ทัพที่ดีในประวัติศาสตร์จะไม่ทำให้ตนเองผิดหวังอย่างแน่นอน!
“ฮัวโต๋ ได้รับแต่งตั้งให้เป็น ผู้ดูแลสำนักแพทย์หลวงของอาณาจักรและรับหน้าที่ดูแลฝึกสอนแพทย์หลวงในอนาคต”
“ข้าน้อย ฮัวโต๋ ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน”
“แต่งตั้ง เตียวอุ๋น เป็นผู้บัญชาการทหารองค์รักษ์อาณาจักร ให้ไปรับสมัครทหารที่ได้รับการฝึกฝนจากที่ราบลั่วซานกลับมา 200,000 นาย!”
“ข้าน้อย เตียวอุ๋น ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน”
แน่นอนว่า สำหรับ ทหารผ่านศึก อย่าง เหวิ่นอาน และ ฮูหยิน ลู่เฟิง ก็ไม่ได้ลืมทั้งสองคน เขาได้ตอบแทนเป็นทองคำบางส่วน
สำหรับการเพิ่มระดับขุนนางนั้น มันเป็นไปไม่ได้เลย เพราะทั้งสองคนมีตำแหน่งที่สูงอยู่ก่อนแล้ว
เมื่องานประกาศรางวัลจากจักรพรรดิจบลง เหล่าขุนนาบจำนวนมากก็ถอนหายใจออกมา คราวนี้เป็นเรื่องของตระกูลของพวกเขาแล้ว
ลู่เฟิง ได้ยืนขึ้นและกล่าวพูดเสียงดัง”คราวนี้ ข้าได้นำทัพออกไปสู้รบ และ ได้รับรู้ถึงความทุกข์ทรมานของทหารที่เสียชีวิต ที่ไม่สามารถกลับมายังบ้านของตนเองได้! ส่งคำสั่งพิเศษของข้าออกไป ให้สร้างตำหนักจงอี้ในพระราชวังตงโป ทหารทุกคนที่ตายจะได้รับการจารึกชื่อในอนุสาวรีย์ในตำหนักจงอี้เพื่้อเป็นเกียรติแก่ครอบครัวของพวกเขา!”
หากลู่เฟิงต้องการให้ทหารทุกคนภักดีต่อเขา เขาต้องทำให้ทหารเหล่านี้รู้สึกว่าแม้ตัวจะตายพวกเขาก็ยังได้รับความเคารพ
ตอนนี้ ตำหนักจงอี้ เป็นที่ศรัทธาของทหาร
เมื่อ ตำหนักจงอี้ ถูกสร้างเสร็จ ทหารส่วนใหญ่ก็จะต้องเข้าไปเยี่ยมเยือนมันอย่างแน่นอน ธรรมชาติ พวกเขาไม่มีใครกล้าที่จะหลงลืมชื่อของผู้ที่เคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมรบกัน สถานที่แห่งนั้นอาจะเป็นสถานที่แห่งความสัมพันธ์อย่างนึง
ลู่เฟิง มีความคิดนี้ตั้งแต่ที่เขายึดครองอาณาจักรซีหยางได้แล้ว แต่เนื่องจากมีหลายสิ่งมา เช่นการกบฏของราชาเมกาทรอน เขาจึงได้ปล่อยผ่านมันไปและเพิ่งเริ่มตอนนี้
ซุนฮก เป็นคนที่ฉลาดมากเขาเข้าใจความสำคัญของตำหนักจงอี้ เขาได้กล่าวพูดด้วยความเคารพทันที”ข้าน้อยรับคำสั่ง!”
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างก็รอให้ลู่เฟิง พูดถึงการจัดการตระกูลขุนนางจำนวนมาก
แต่แล้วลู่เฟิงประกาศจบเขาก็ลุกขึ้นและจากไป
ก่อนที่ ลู่เฟิงจะจากไป เขาได้มองไปที่ คนเหล่านี้ และ คนเหล่านี้ก็ไม่เข้าใจว่า ลู่เฟิง ต้องการจะสื่ออะไรกันแน่
ในห้องศึกษาของจักรพรรดิ เจี๋ยสวี่ ได้ยิ้มออกมาและตอบกลับ”ฝ่าบาท ตระกูลขุนนาง ที่ข้าน้อยนำกลับมาจากมณฑลจงซาน พวกเขาไม่สามารถอดทนอดกลั้นได้อีกต่อไป พวกเขาเริ่มที่จะมองหาความสัมพันธ์และต้องการเข้าเฝ้าพระองค์ “
ลู่เฟิงยิ้มและพูดว่า “นี่ก็ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ให้พวกเขามาพบข้าตอนเช้า”