MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ - ตอนที่ 147
“ฮ่าฮ่า,ฝ่าบาท ดูเจ้าพวกผู้นำตระกูลใหญ่พวกนั้นสิไม่คิดเลยว่าจะทำสีหน้าแบบนั้น แต่ข้าน้อยเกรงว่า หลังจากฝ่าบาทจากไปพวกมันจะเริ่มเคลื่อนไหว!”
หลังจากเดินออกจากคฤหาสน์มา ลิโป้ ได้หัวเราะเสียงดัง
ลู่เฟิง ได้ยิ้มจาง ๆ และตอบกลับ”ตอนนี้พวกเขาทุกคนล้วนกลัวว่า ทาสดาบทั้งหก จะเคลื่อนไหวอีกครั้ง ดังนั้นพวกเขาคงไม่กล้าทำอะไรแน่ตอนนี้!”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ ลู่เฟิง ก็พูดต่อ”น้ำเน่าควรถูกตักออกไป!”
ประกายที่เย็นชาได้ปรากฏขึ้นในดวงตาของลู่เฟิง
“ไปแจ้ง อัครมหาเสนาบดีเจี๋ย บอกให้เขาดำเนินต่อตามแผน!”
ต้วนซุย ได้เคลื่อนไหว อย่างรวดเร็วและหายไป เดิม ทาสดาบทั้งหก จะไม่แยกจากกันแต่เขามีสิ่งที่ต้องทำ
“เฟิงเชี่ยน เราควรกลับไปที่เมืองหลวงเพื่อรอให้ตระกูลขุนนางเหล่านี้มาขอยอมแพ้!”ลู่เฟิง ยิ้มและ พา ลิโป้ พร้อมกับทาสดาบที่เหลืออีกห้าคนกลับไปที่เมืองหลวง
สามวันต่อมามีข้อความปรากฏขึ้นทั่วราชอาณาจักรและมณฑลทั้งหมด : ฝ่าบาท จักรพรรดิลู่เฟิง แห่งราชอาณาจักร ได้เปิดตำหนักฉางจิ้ง ให้ผู้มีความสามารถจากทั่วทุกมุมโลกมาเรียนรู้ร่วมกัน
ภายในตำหนักฉางจิ้ง มีการแนะนำย่อหน้าสั้น ๆ ว่า ภายในตำหนักฉางจิ้ง มี เทคนิคฝึกฝนร่างกาย 50 แบบ และ 50 แบบ เทคนิคการฝึกฝนพลังปราณ นอกจากนี้ยังแบ่งขั้นเป็นทักษะธรรมดาถึงระดับปฐพี ภายในบรรจุ ข้อมูลการต่อสู้ ห้าพันรูปแบบ
พอข่าวนี้ออกมาทั่วโลกก็ต่างตกตะลึง
ทักษะเหนือธรรมชาติ!
สิ่งสำคัญสำหรับนักรบก็คือ ทักษะต่อสู้,ทักษะฝึกฝน,และประสบการณ์
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ของอาณาจักรหนานหยาน ไม่ใช่โดดเด่นปานนั้น มีเพียงนิกายหยุนกงและนิกายห้าอันดับแรกเท่านั้นที่มีทักษะฝึกฝนระดับปฐพีขึ้นไป และ พวกเขาก็ไม่ได้ครอบครองพวกมันมาก ทักษะต่อสู้ระดับปฐพีขึ้นไป ทั่วทั้งราชอาณาจักรอาจจะมีรวมกันไม่เกินถึงสิบ
สำหรับทักษะฝึกฝนระดับสวรรค์ขึ้นไป
อาณาจักรหนานหยานยังไม่เคยครอบครองมัน
แต่ตอนนี้ จักรพรรดิ ทรงป่าวประกาศว่า เทคนิคฝึกฝนระดับธรรมดาถึงระดับปฐพีได้เผยแพร่ให้ผู้คนจำนวนมากเข้าถึงได้ ทั้งยังมีจำนวนมากตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงระดับชำนาญ
นี่มันเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่ออย่างมาก!
ไม่มีใครเชื่อ แต่ก็มีนักรบจำนวนมากรีบตรงดิ่งมาที่เมืองหลวงเมื่อพวกเขาได้รับข่าว
พวกเขาไม่อยากจะเชื่อ แต่พวกเขาก็ยังมีความหวัง
มันยากเกินไปสำหรับนักรบที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลในการฝึกฝน ตอนนี้ จักรพรรดิอแห่งอาณาจักรหนานหยานได้บอกว่ามีมัน พวกเขาจะไม่กล้าไม่ไปดูได้อย่างไร
หากพวกเขาได้ฝึกฝน ทักษะ ตั้งแต่พื้นฐาน จนถึง ระดับเชี่ยวชาญ ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นขนาดไหนกัน
ดังนั้นบรรดานักรบจำนวนมากจึงแตกตื่นและรีบไปที่เมืองหลวงกันทีละคน!
แม้แต่ตระกูลขุนนางบางตระกูลยังแอบส่งลูกหลานของพวกเขาไปยังเมืองหลวงเพื่อตรวจสอบว่าข่าวนั้นเป็นความจริงหรือไม่ หากมันเป็นความจริง ความสำคัญของตระกูลขุนนางของพวกเขาคงหมดสิ้นไม่เหลืออย่างแน่นอน
พวกเขาที่กล้าเผชิญหน้ากับ ลู่เฟิง ยิ่งมีจุดจบไม่ดี
โดยเฉพาะตระกูลขุนนางห้าอันดับแรก ตามที่ ลู่เฟิงกล่าว เขาจะมาจัดการกับพวกเขาในระยะเวลาอันสั้นนี้
ตระกูลขุนนางใหญ่เหล่านี้ พวกเขาอย่างมากก็ครอบครองทักษะระดับปฐพีเพียงแค่ ชิ้นเดียว แต่ ลู่เฟิง กลับมีมันมากกว่าพวกเขาหลายเท่าตัว นี้จะเป็นไปได้อย่างไร
ในเมืองหลวง ลู่เฟิง เจี๋ยสวี่ และ ซุนฮก ได้เดินเล่นอยู่ในลานขนาดใหญ่และมองไปที่ห้องใต้หลังคาตรงหน้าของพวกเขา”เหวินเหอ,เหวินยื่อ พวกเจ้าคิดเห็นอย่างไรกับสถานการณ์ของตระกูลขุนนางจำนวนมากเหล่านี้?”
ห้องใต้หลังคาตรงหน้าคือ ตำหนักฉางจิ้ง สถานที่ที่เก็บ แบบคัดลอกหนังสือทิเบตเอาไว้ มันมีทั้งหมดเก้าชั้น
ในชั้นที่เก้าได้เก็บแบบคัดลอกทักษะฝึกฝนระดับปฐพีขึ้นไปซึ่งมันมีค่าอย่างมาก
ซุนฮก ได้ยิ้มออกมาและตอบกลับ”ฝ่าบาท ข้าน้อยคิดว่าเหล่าตระกูลขุนนางพวกนี้คงไม่นิ่งแน่นอนใจ!”
“ถูกต้อง!”
เจี๋ยสวี่ ได้ยิ้มออกมา”ฝ่าบาทได้ป่าวประกาศออกไปถึงตำหนักฉางจิ้ง นี้ เกี่ยวกับผลการตอบรับมันค่อนข้างดีเยี่ยม”
ในเวลาเดียวกัน เจี๋ยสวี่ ก็ถอนหายใจออกมา หนังสือทิเบต ที่บันทึกเทคนิคการฝึกฝนจำนวนมาก ฝ่าบาทของเขาได้รับมันมาจากไหน?
หนังสือที่บันทึกเทคนิคการฝึกฝนจำนวนมากเช่นนี้ แม้แต่ในหยูโจว ก็ยังยากที่จะมองหา!
แต่ฝ่าบาทของพวกเขาได้ค้นพบมัน ใครบ้างจะไม่ดีใจ
ลู่เฟิง ยิ้มออกมาและกล่าวตอบ”เอาล่ะข้ายกหน้าที่นี้ให้เจ้าเป็นคนตั้งกฏ”
ทักษะเหล่านี้มีค่าอย่างมาก ลู่เฟิง ไม่อาจปล่อยให้ คนนอกเข้ามาล่วงล้ำมันไปได้ฟรี ๆ ดังนั้น เขาจึงให้ ซุนฮก กำหนดกฏที่เหมาะสม
ซุนฮก ได้พยักหน้าและตอบกลับ”ฝ่าบาท ข้าน้อยมีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ อันที่จริงข้าน้อยได้กำหนดกฏเกณฑ์เอาไว้แล้ว!”
“ไหนลองพูดมา”
“ข้าน้อยจะออกแบบคำขอเพื่อผลประโยชน์ทางการทหาร หากนักรบเหล่านี้ต้องการได้รับทักษะพวกเขาจะต้องออกไปทำตามคำขอเพื่อรับแต้มมาแลกกับทักษะเหล่านี้ เท่านี้ เราก็จะได้ผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย ข้าเชื่อว่าพวกเขาคงไม่ต่อต้านอย่างแน่นอน!”ซุนฮก ได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
ลู่เฟิง ได้พยักหน้าและกล่าวถาม”ความคิดนี้ไม่เลวเลย แต่เจ้าจะทำยังไงให้คนเชื่้อว่าเรามีของสิ่งนี้อยู่ในมือจริง ๆ “
“ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย ข้าน้อยได้คิดวิธีแล้ว!”
“และข้าจะรอดู!”
…
บนห้องใต้หลังคาของโรงแรมในเมืองหลวงหญิงสาวในชุดคลุมสีม่วงได้มองออกไปนอกหน้าต่าง
“เจ้า ลู่เฟิง คนนี้ ช่างเจ้าเล่ห์จริง ๆ เขาบอกว่าสามารถสร้างเทคนิคระดับปฐพีจำนวนมากได้งั้นเหรอ ! เขาคิดว่าตนเองเป็นราชวงศ์สิบอันดับแรกหรืออย่างไร คำโกหกหลอกลวงเช่นนี้ ก็ไม่ต่างอะไรไปจากราชวงศ์ที่เจ้าเล่ห์ของอาณาจักรอื่น ๆ !”สาวใช้ของหญิงสาวคนนั้นได้กล่าวพูดอย่างดูถูก
หญิงสาวชุดม่วงได้สั่นศีรษะออกมา”จะจริงหรือไม่ เราจะได้รู้หลังจากได้ลองอ่านมัน ข้าจะไปที่นั่นคืนนี้”
“คุณหนู…”
“ไปเตรียมตัว เจ้าจะต้องไปกับข้าด้วย”
“เพคะ!”
เมื่อตกกลางคืนเงาร่างสีดำก็วูบไหวไปตามบ้านเรือนต่าง ๆ จำนวนมากปลายทางของพวกเขาก็คือตำหนักฉางจิ้ง
พวกเขาต้องการไปดูว่าทักษะนี้เป็นของจริงหรือไม่
หรือก็คือพวกเขาแค่ขโมยทักษะมา!
ในไม่ช้านักรบกว่ายี่สิบคนในชุดราตรีก็ปรากฏตัวที่ลานกว้างหน้าตำหนักฉางจิ้ง
พวกเขามองหน้ากันและแยกย้ายไปตามทางของตัวเอง
แต่ในขณะนี้เสียงหัวเราะได้ดังขึ้น”ดูเหมือนว่า ข่าวเรื่องตำหนังฉางจิ้ง จะดึงดูดผู้คนมาไม่น้อย มีนักรบขั้นสร้างรากฐานพลังหยวน ระดับ 6 กระทั่งมี นักรบขั้นเชื่อมจิตวิญญาณมากด้วย
ในตอนท้าย ลู่เฟิง ก็พา เจี๋ยสวี่ ซุนฮก ตามด้วย ทาสดาบทั้งหก ออกมาจากตำหนักฉางจิ้ง
ลู่เฟิงรู้อยู่ก่อนแล้วว่ามี ผู้เชี่ยวชาญมากมายหลบซ่อนตัวอยุ่ในอาณาจักรดังนั้นเขาจึงมาดักรอที่นี่ตั้งแต่เนิ่น ๆ
ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้มองหน้ากันและพริ้วไหวพุ่งเข้าไปในตำหนักฉางจิ้ง หลายสิบทิศทาง
ทาสดาบทั้งหมด ได้ปลดปล่อยพลังปราณที่แข็งแกร่งดันคนเหล่านี้กระเด็นกลับไป
ลู่เฟิง ไม่ได้จะฆ่าคนเหล่านี้
เพราะท้ายที่สุดคนเหล่านี้จะกลายเป็นกองกำลังที่สำคัญของอาณาจักร
แต่ในขณะนั้นเอง กลับมีกลิ่นอายพลังที่รุนแรงปลดปล่อยออกมา มันเป็นกลิ่นอายพลังของ นักรบระดับ 3 ขั้นปรมาจารย์
ลู่เฟิงขมวดคิ้วแน่น”ในอาณาจักรผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ซ่อนตัวอยู่ด้วยงั้นหรอ?”
นักรบระดับ 3 ขั้นปรมาจารย์ นั้น คือสิ่งที่ ลู่เฟิง ไม่คิด
แต่เขาไม่ได้มีความหวาดกลัวใด ๆ ทาสดาบทั้งหก ที่ร่วมมือกันย่อมสามารถอาจหาญต่อกรกับนักรบระดับ 3 ขั้นปรมาจารย์ได้