MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ - ตอนที่ 166
“ทำไมถึงมีกองทหารมากมายอยู่ที่นี่?”
ลู่เฟิง และพวกของเขาได้ซ่อนร่างในภูเขาและขมวดคิ้วเล็กน้อยพวกเขาจ้องมองไปที่กองทัพที่เดินขบวนอยู่ข้างล่างด้วยความสงสัย
“ฝ่าบาท ข้าน้อยจะอาสาไปตรวจสอบให้เดี๋ยวนี้”เฉินกัง ได้กระซิบที่ข้างหูของ ลู่เฟิง
ลู่เฟิงพยักหน้าและตอบกลับ”รีบกลับมาล่ะ!”
“ขอรับ!”
ร่างของ เฉินกัง ได้หายไปทันที
พลังของเฉินกังได้มาถึงระดับ 3 ขั้นปรมาจารย์ หลังจากที่ ลู่เฟิง ประสบความสำเร็จในการยกระดับขั้นพลังย่อย 5 ระดับ เพียงการเคลื่อนไหวนิดเดียวเขาก็หายไปแล้ว
เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเขาก็กลับมา
“ฝ่าบาทคนเหล่านี้เป็นกองทัพขนส่งธัญพืชของอาณาจักรซีหยาง มีคนประมาณ 30,000 คน พวกเขากำลังลำเลียงอาหารเพียงพอที่จะเลี้ยงปากท้องกองทัพนับล้านได้เป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน! จากสิ่งที่เราเห็นตอนนี้ มีทหารขนส่งประมาณ 20,000 นาย และ ทหารราบคุ้มกันประมาณ 10,000 นาย”เฉินกัง ได้อธิบาย
ลู่เฟิง ได้ขมวดคิ้วแน่น”สถานที่แห่งนี้อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอาณาจักรซีหยาง พวกเขาลำเลียงอาหารไปให้กองทัพนับล้านเพื่อใช้อยู่กินร่วมเดือนนี่มันน่าสงสัย…”
ทันใดนั้นความคิดของลู่เฟิงก็กระพริบขึ้นเขาได้พูดออกมา”หรือว่า ชูหยี ได้ส่งกองกำลังไปโจมตีเมืองซีหยาง?”
เมื่อคิดดูดี ๆ แล้ว คำอธิบายนี้เท่านั้นที่สมเหตุสมผลที่ว่าทำไมกองทัพถึงขนเสบียงกันที่นี่
เสบียงเหล่านี้เพียงพอสำหรับกองทัพนับล้านและสามารถใช้ได้ร่วมเดือน!
นี่เป็นเพียงการคาดเดาของเขา เขายังไม่สามารถปักใจเชื่อได้
“นั่นใคร?”
ในขณะนี้ เฉินกัง ได้มองไปที่ด้านหลัง เเละกล่าวพูดออกมา
ต้วนชุย,หลวนเฉิน,หวางเหลียง ซุนฮวา และ เหม่ยหลาน ได้หายตัวไปทันทีพริบตาเดียวร่างของพวกเขาก็ปรากฏล้อมรอบชายคนนึงและวางดาบไว้บนลำคอของเขา
“คนพวกนี้ไม่ธรรมดา!”
ก่อนที่ ลู่เฟิง จะหันศีรษะกลับไป คนผู้นี้ ก็มองไปที่คนรอบข้าง ซึ่งก็คือทาสดาบทั้งหก เหงื่อของเขาได้ไหลลงเล็กน้อย
“ข้าน้อย จางฮั่น,ถวายบังคมฝ่าบาท ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน”ชายที่ตกอยู่ในกำมือของทาสดาบทั้งหก รีบกล่าวพูดทำความเคารพ
“จางฮั่น?”
ลู่เฟิง รีบหันหน้ากลับไปทันที เขาเห็นชายวัยกลางคนในวัยสามสิบยืนอยู่ข้างหลังของเขาลักษณะเหมือนกับจางฮั่น แม่ทัพเงาในโลกตำนานแห่งฉิน
“ทำไมจางฮั่นถึงมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่?”
แม้ว่า ลู่เฟิง จะสงสัย แต่เขาก็ยกนิ้วให้กับระบบในใจ เขาไม่คิดเลยว่าตัวละครที่เขาเรียกออกมาจะมาหาเร็วขนาดนี้
ในเวลาเดียวกัน ทาสดาบทั้งหก ก็ได้หายตัวไปปรากฏอยู่ด้านหลังของ ลู่เฟิง
“ข้าน้อย ได้รับข่าวว่าพระองค์เดินทางมาที่ภูเขาทางตอนเหนือ ข้าน้อยจึงรีบเดินทางมาที่นี่เพื่อสมทบกับพระองค์”จางฮั่น รีบตอบกลับ
ตามการตั้งค่าของระบบ กองทัพเงา และ แม่ทัพเงา เป็นองค์รักษ์ส่วนตัวของ ลู่เฟิง ดังนั้นไม่เเปลกที่พวกเขาจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่
ลู่เฟิงได้พยักหน้าและกล่าวถาม”กองทัพเงาอยู่ที่ไหน?”
“ข้าน้อยสั่งให้พวกเขาแยกย้ายกันตามหาพระองค์เดี๋ยวข้าน้อยจะรีบส่งคำสั่งให้พวกเขากลับมารวมพลทันที!”จางฮั่น ตอบกลับ
“ดี!”
หลังจาก หยุดชั่วครู่ ลู่เฟิง ก็ชี้ไปที่กองทัพของอาณาจักรซีหยางที่อยู่ด้านล่างเขาได้กล่าวถาม”จางฮั่น เจ้ารู้ข้อมูลกองทัพนี้ เกี่ยวกับลูกศรพลังปราณของพวกเขาไหม?”
จางฮั่นรีบตอบกลับทันที”ฝ่าบาท ข้าน้อยได้ตรวจสอบดูแล้ว ด้านล่างเป็นทัพ 30,000 นายของอาณาจักรซีหยาง จากการค้นพบของข้าพวกเขามีพลธนูไม่น้อยกว่า 5,000 คน และ มีลูกศรพลังปราณไม่น้อยกว่า 50,000 ดอก
ลู่เฟิง ขมวดคิ้วแน่น แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางปล่อยให้กองทัพขนส่งเสบียงพวกนี้หลุดลอยไป
แต่ด้วยลูกศรพลังปราณจำนวนมากมันอาจเป็นปัญหากับพวกเขาในตอนนี้
หลังจากคิดเขาก็กล่าวถาม”จางฮั่น เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้กองทัพของเมิ่งเถียนอยู่ที่ไหน?”
ถ้ากองทัพของ เมิ่งเถียน อยู่แถวนี้ บางทีเขาอาจส่งทหารม้าไปแก้ปัญหาคนเหล่านี้ได้
“ฝ่าบาทกองทัพของ เมิ่งเถียน กำลังต่อสู้กับ กองทัพที่นำโดย ชูหยี พวกเขาได้สู้กันมาแล้วสามครั้งผลคือต่างฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส”
หัวใจของ ลู่เฟิง ตึงเครียดทันทีเขารีบกล่าวถาม”ชูหยี ส่งกองทัพไปโจมตีเมืองซีหยางงั้นหรอ?”
“ขอรับ,ไม่กี่วันก่อนมีกองทัพประมาณ 1.5 ล้านนายถูกส่งไป”
จางฮั่น ได้เล่าข่าวการเคลื่อนไหวล่าสุดของอาณาจักรซีหยางและกองทัพของ เมิ่งเถียน
ในวันที่สามหลังจากที่ ลู่เฟิง เข้าสู่ภูเขาทางตอนเหนือ กองทัพของชูหยีก็ได้บุกโจมตีเมืองซีหยางที่ถูกป้องกันโดย เมิ่งเถียน และ เจี๋ยสวี่ พวกเขาได้ส่งกองกำลังออกไปป้องกันต่างฝ่ายต่างพบกันครึ่งทางจากนั้นก็เปิดศึกทันที
กองทัพนับแสนได้ถูกทิ้งไว้ในสนามรบทั้งสองฝ่ายต่างก็ถอยกลับไปตั้งแคมป์
จนถึงตอนนี้มีการสู้รบหลายครั้งระหว่างสองงฝ่าย แต่ทั้งหมดเป็นการต่อสู้ขนาดเล็กยังไม่มีการต่อสู้ที่เด็ดขาดเกิดขึ้น
เมื่อ ลู่เฟิง ได้ฟัง เขาก็หมดหนทางเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่า ชูหยี จะมีความคิดเดียวกับเขา
เขาต้องการใช้โอกาสนี้ในการยึดครองอาณาจักรซีหยาง และ เขาต้องการใช้โอกาสนี้ในการยึดคืนพื้นที่ที่ถูกอาณาจักรซีหยางยึดไป ดังนั้นกองทัพของทั้งสองจึงได้พบกัน
“ฝ่าบาท ตามข่าวของ จินยี่เหว่ย กองทัพของอาณาจักรซีหยาง ตั้งค่ายอยู่ที่หน้าเมืองโฮวฉิว กองทัพมีอาหารและน้ำไม่มากนักพวกเขาอยู่ได้เพียงสิบวัน ในตอนนี้ กองทัพขนส่งกำลังลำเลียงอาหารและน้ำไปให้พวกเขาเพื่อแก้ไขปัญหาดังนั้นข้าน้อยคิดว่า…”
“เราจะต้องจัดการกองทัพ 30,000 นายนี้ เพื่อขัดขวางไม่ให้พวกเขาลำเลียงอาหารได้!”ลู่เฟิง ดวงตาเป็นประกายและกล่าวพูดขึ้น ซึ่งจางฮั่น ก็พยักหน้ายอมรับ
จางฮั่น รีบตอบกลับทันที”กองทัพที่ไม่มีทั้งน้ำและอาหารพวกเขาย่อมหิวโซและแตกตื่นไม่นานกองทัพจะต้องแตกและพวกเราจะชนะศึกในครั้งนี้!”
ลู่เฟิงเองก็พยักหน้าเห็นด้วยจากนั้นเขาก็คิดอีกสิ่งในใจ
สาเหตุที่ จางฮั่น พ่ายแพ้ในประวัติศาสตร์ก็เพราะถูกทำลาย น้ำและอาหาร ที่เป็นปัจจัยสำคัญของกองทัพ การเผชิญหน้ากับ กองทัพอาณาจักรซีหยางในคราวนี้ เหมือนกับ จางฮั่น ในประวัติศาสตร์ ชูหยี ตอนนี้ก็คือ จางฮั่น
แต่ทว่ากองทัพ 30,000 นายที่ถูกส่งมานั้นไม่ง่ายที่จะจัดการแก้ไขปัญหา
“ฝ่าบาท จักรพรรดิชูหยี แห่งอาณาจักรซีหยาง ได้จัดตั้งกองทัพ 200,000 นาย เพื่อรอรับเสบียงอยู่ในเมืองหนานกวง จากเมือง หนานกวง ไปยังเมืองโฮวฉิว ระยะทางไม่ถึง 50 ไมล์ หากเสบียงเหล่านี้ถูกลำเลียงเข้าสู่เมืองหนานกวง ถ้าพวกเราต้องการทำลายมันอีกครั้งคงเป็นไปไม่ได้”
“และจากนี่ไปยังเมืองหนานกวงยังมีเวลาเหลืออีกสองวัน ในช่วงเวลานี้แม้แม่ทัพเมิ่งเถียนจะส่งกองกำลังไปโจมตีเมืองหนานกวงก็คงไม่มีทางเอาชนะพวกเขาได้ ตอนนี้ กองทัพที่เราใช้ได้มีเพียงกองทัพเงา 3,000 นายเพียงเท่านั้น!”
ในขณะที่เขากล่าว จางฮั่น ก็คุกเข่าลง”ฝ่าบาท ข้าน้อยขออาสานำกองทัพเงาสามพันนายเข้าต่อสู้เป็นตายแม้ว่าจะไม่สามารถทำลายกองทัพลำเลียงเสบียงเหล่านี้ได้ แต่ข้าน้อยก็มั่นใจว่ามีโอกาสทำลายพวกเขาไปมากกว่าครึ่งเพื่อให้อาณาจักรได้รับชัยชนะ!”
ลู่เฟิง ไม่ได้ตอบทันที
เขารู้ดีว่าหากกองทัพเงาสามพันนายสู้เป็นตายพวกเขาอาจทำให้กองทัพและเสบียงของอีกฝ่ายเสียหายไปมากกว่าครึ่ง
แต่ทว่า พลธนู 5,000 นาย และ ลูกศรปราณ 50,000 กว่าดอก ไม่ใช่สิ่งที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นปรมาจารย์จะสามารถทนได้
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ แค่ทหารราบมากกว่า 25,000 นายก็เพียงพอที่จะเป็นภัยคุกคามขนาดใหญ่เช่นเดียวกัน
แต่ถ้า เสบียงเหล่านี้ถูกส่งไปยังเมืองโฮวฉิว แผนการของพวกเขาก็จะล้มเหลว
กองทัพนับล้านที่มีอาหารที่เพียงพอพวกเขาจะสามารถต้านศึกได้ร่วมเดือนและภายหลังพวกเขาก็จะสามารถรุกล้ำเขตแดนและกดดันมาเรื่อย ๆ กระทั่ง หนึ่ง หรือ สองปี ศึกนี้ก็อาจจะไม่จบลง
เขาไม่สามารถปล่อยให้เป็นเช่นนั้นได้!
ถ้าเป็นเช่นนั้น….
ดวงตาของ ลู่เฟิง เป็นประกาย ไม่ว่าอย่างไร้ การทำลายเสบียงก็เป็นตัวกำหนดความสำเร็จหรือความล้มเหลว
หากมีทหารราบ 30,000 นายอย่างเดียว กองทัพเงา 3,000 นายก็เพียงพอที่จะจัดการพวกเขาและบรรลุผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมได้
แต่ทว่าในกองทัพของพวกเขามีพลธนูมากกว่า 5,000 นาย และมีลูกศรพลังปราณนี่สิปัญหา
เห็นได้ชัดว่า ชูหยี ได้คาดการณ์ปัญหาไว้หมดแล้วเขาจึงให้มีพลธนูและลูกศรพลังปราณติดตัวมาด้วย
นี่คือภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อกองทัพเงา
อย่างไรก็ตามกองทัพขนเสบียงเหล่านี้ยังไงก็ต้องถูกทำลาย!