MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ - ตอนที่ 172
ในไม่ช้าดวงตาของลู่เฟิงก็หดตัวลง เขาคิดว่าตนเองได้โจมตีเข้าตรงจุดร่างกายของชูหยีโดยตรงแต่อีกฝ่ายกลับยังไม่ตายทั้งยังลุกขึ้นได้และรีบวิ่งกลับไปยังกองทัพของตนเอง
“สมบัติป้องกัน?”
ลู่เฟิงเห็นเศษชิ้นส่วนที่ตกลงมาจากร่างกายของ ชูหยี
“ดูเหมือนว่าภูมิหลังของอาณาจกรซีหยางจะแข็งแกร่งกว่าอาณาจักรหนานหยานมาก!”
อาวุธป้องกันที่สามารถป้องกันการโจมตีของเขาได้อย่างน้อยต้องมีระดับปฐพีขั้นกลาง
อาวุธเช่นนี้…ถ้าให้พูดตามตรงแม้แต่อาณาจักรหนานหยานยังไม่มีมัน
เขาไม่รู้ว่ามันไม่มีตั้งแต่แรกหรือไม่มีใครแอบขโมยมันออกไปเมื่อคิดถึงสิ่งนี้ทำให้ ลู่เฟิง รู้สึกหดหู่ใจมาก
“โจมตี,ฆ่าพวกมันซะ!”
หลังจาก ชูหยี กลับไปที่กองทัพใบหน้าของเขาก็ซีดเผือกเขาได้เช็ดเลือดที่มุมปากและสั่งการกองทัพให้บุกโจมตีโดยตรง
เขารู้ดีว่าตอนนี้เขาได้พ่ายแพ้ต่ออีกฝ่ายมันทำให้ขวัญกำลังใจของทหารลดลงอย่างมากแต่เขาก็ไม่ลังเลที่จะสั่งให้กองทัพโจมตี
การปล่อยให้ทหารนิ่งนอนใจไปแบบนี้จะส่งผลกระทบต่อจิตวิญญาณต่อสู้ของพวกเขา
ด้วยคำสั่งจาก ชูหยี กองทัพนับล้าน เริ่มเคลื่อนตัวกระจายออกไปราวกับสึนามิขนาดใหญ่
ลู่เฟิง เองก็ไม่ลังเลที่จะกลับไปยังกองทัพของเขา
แม้ว่าเขาจะมั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเอง แต่การจะสู้กับกองทัพนับล้านด้วยตัวเพียงลำพังเป็นการกระทำที่โง่เขลา จุดจบของความคิดนั้นก็คือความตาย!
เมื่อ ลู่เฟิง กลับไปถึงกองทัพเขาก็สั่งให้กองทัพทั้งหมดรุกคืบโจมตีทันที
หลังจากนั้นไม่นานกองทัพของทั้งสองก็ได้เข้าปะทะกันอาวุธของพวกเขาได้ย้อมไปด้วยโลหิตสีแดงฉาน
การต่อสู้ของทั้งสองกองทัพนี้เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก!
ทหารบางคนถูกสับหัวร่างที่ไร้ศีรษะของพวกเขาได้ล้มลงกับพื้น บางคนกระทั่งถูกเหยียบทิ้งจนร่างแทบไม่เหลือเค้าโครงของมนุษย์
แขนของทหารคนหนึ่งถูกตัดออกก่อนที่เขาจะกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
นี่เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของการปะทะกันระหว่างกองทัพนับล้าน
ฉากต่อสู้ได้กินระยะทางหลายพันเมตรทำให้ผู้พบเห็นต่างก็ต้องรู้สึกหวาดกลัว
แต่ในการประเมินของลู่เฟิงนั้น กองทัพของอีกฝ่ายมีมากกว่าเขาถึง 200,000 นาย เนื่องเพราะทหารนับล้านคนเป็นทหารส่วนตัวของตระกูลขุนนางประสิทธิภาพของพวกเขาไม่ได้ดีเท่าทหารชั้นยอดของตนเองในไม่ช้าสัญญาณความพ่ายแพ้ก็เริ่มปรากฏ
แต่ทว่าเมื่อทหารชั้นยอดที่ถูกนำทัพโดยเมิ่งเถียนบุกเข้าโจมตี เหล่าผู้นำทัพของกองทัพเมิ่งเถียนบางคนก็ได้ตะโกนขึ้น”พี่น้องทั้งหลายวันนี้เราจะสู้ศึกเป็นตาย เราจะต้องล้างแค้นให้พี่น้องของเราที่ล่วงลับและสถิตอยู่ที่ตำหนักฉางจิ้ง!”
“ฆ่าพวกมันแก้แค้นให้เหล่าพี่น้อง!”
ทหารชั้นยอดจำนวนมากได้พุ่งตัวออกไปอย่างไม่หวั่นเกรงทหารส่วนตัวของตระกูลขุนนางเองก็พุ่งติดตามไป
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
เสียงการต่อสู้นับไม่ถ้วนได้ดังขึ้น ภายใต้ความวุ่นวายของสนามรบ ลู่เฟิง ก็ควบม้าศึกพุ่งเข้าไปตัดศีรษะของศัตรู
แม่ทัพภายใต้ชูหยีเองก็ทำเช่นเดียวกัน
เมิ่งเถียน ได้ถอยกลับมาอยู่ในกองทัพกลางและสังเกตุการเคลื่อนไหวของสนามรบอย่างระวัง เมื่อไม่มีศัตรูเขาก็สั่งให้กองทัพโดยรอบเข้าไปสนับสนุนทันที
ลู่เฟิง เฝ้าดูสนามรบที่เกิดขึ้นพร้อมกับบอกกล่าวกับเมิ่งเถียน”เมิ่งเถียน เจ้าคอยสั่งการกองทัพอยู่ตรงนี้ข้าจะนำทัพม้าเหล็กเข้าชาร์จ เมื่อกองทัพของพวกมันสูญเสียรูปแบบทหารไปให้เจ้าฉวยโอกาสนั้นสั่งการกองทัพเข้าชาร์จทันที!”
“ฝ่าบาท เรื่องเช่นนี้ปล่อยให้ เมิ่งอี้ จัดการดีกว่า ข้าน้อยกลัวว่าฝ่าบาทจะ…”
“ไม่จำเป็น!”
ลู่เฟิงโบกมือขัดคำพูดของเมิ่งเถียนและตอบกลับ”มีเพียงข้าเท่านั้นที่ทำได้!”
เขามีเกราะพยัคห์ดำอยู่บนตัวและทาสดาบทั้งหกที่คอยฟังคำสั่งของเขา แม้ว่า ลู่เฟิง จะมอบการสั่งการทาสดาบทั้งหกให้เมิ่งอี้ แต่อีกฝ่ายก็ย่อมไม่สนใจคำสั่งการของเมิ่งอี้อย่างแน่นอน
ดังนั้น ลู่เฟิง จึงต้องนำทัพด้วยตนเอง ด้านหลังของเขามีทหารม้าเกือบ 50,000 นาย เขามองไปที่ อีกฝ่ายและตะโกนขึ้น”ทหารม้าทุกคนจงฟัง ตัดศีรษะศัตรูของอาณาจักรหนานหยานทุกคนซะ!”
“บุก!”
“บุก!”
ลู่เฟิง นำทหารม้า 50,000 นายเข้าชาร์จจากสนามรบทางด้านซ้ายของกองทัพอาณาจักรซีหยาง
“ฆ่า!”
ลู่เฟิง ได้พุ่งเข้าใส่กองทัพของศัตรูคนแรกและวาดดาบฟันออกไป
ด้านหลังของเขากองทหารม้า 50,000 นายก็เปล่งเสียงตะโกนขึ้น
กองทัพทางด้านซ้ายของอาณาจักรซีหยางที่กำลังทำศึกกับทหารราบอยู่ เมื่อเห็นทหารม้าเข้าชาร์จพวกเขาก็แตกตื่นและพยายามจะวิ่งหลบหนี
“ฆ่า!”
ลู่เฟิง สั่งให้ทหารด้านหลังของเขาไล่ตามคนเหล่านี้เข้าไป
ด้านหลังของเขาคือกองทัพทหารม้า 50,000 นาย
ภายใต้การนำของลู่เฟิง ทหารม้า 50,000 นาย ได้ไล่ฆ่าสังหารโหดกองทัพเหล่านี้อย่างเลือดเย็น
รูปแบบกองทัพทางด้านซ้ายได้พังทันที
“ทาสดาบทั้งหก จัดการ!”
เมื่อเห็นว่ารูปแบบกองทัพตรงนี้ถูกทำลาย ลู่เฟิง จึงสั่งให้ ทาสดาบทั้งหกลงมือ
ดาบยาวในมือของทาสดาบทั้งหกนั้น พริ้วไหวอย่างรวดเร็วและฆ่าทหารหลายสิบชีวิตบางกลุ่มกระทั่งถูกสังหารนับร้อยในเวลาเดียวกัน
จำนวนผู้เสียชีวิตนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากที่ทหารม้าเริ่มเข้าชาร์จ
เมิ่งเถียน ที่คอยสั่งการกองทัพ เขาก็สั่งให้กองทัพบุกโจมตีจากทางด้านซ้าย แน่นอนว่าที่นั่นไม่มีรูปแบบกองทัพแล้ว ตอนนี้มันนับเป็นการสังหารหมู่อยู่ฝ่ายเดียว
เป็นการสังหารหมู่ที่สมบูรณ์
กองทัพจำนวนมากได้เริ่มรุกไล่กดดันกองทัพของอาณาจักรซีหยางจนพวกเขาเริ่มสูญเสียรูปแบบกองทัพทั้งหมด
“ฝ่าบาท กองทัพทางด้านซ้ายถูกทหารม้าที่นำโดยลู่เฟิงบุกโจมตีตอนนี้พวกเขากำลังรุกไล่กดดันเราเข้ามาเรื่อย ๆ “
ชูหยี ได้รับข่าวแต่ไม่มีความตื่นตระหนกบนใบหน้าของเขา เขาได้หัวเราะออกมา”ข้าคิดอยู่แล้วว่า สารเลวลู่เฟิง มันจะต้องใช้ทหารม้า 50,000 นายนั่น แต่ทว่าข้าก็ได้เตรียมของขวัญสุดพิเศษรอต้อนรับมันไว้แล้ว!”
“สั่งให้พลธนู 100,000 นายเตรียมเกาทันฑ์ให้พร้อม สั่งยิงไปที่กองทัพทางด้านซ้ายและดับชีวิต ลู่เฟิงพร้อมกับกองทหารม้าของมันให้ได้!”
พลธนู 100,000 นาย แน่นอนว่าย่อมมีลูกศรมากกว่า หนึ่งล้านลูก!
ทั้งยังเป็นลูกศรพลังปราณ ลูกศรพลังปราณเหล่านี้ เป็น ชูหยี ที่เตรียมไว้ให้กับ เมิ่งเถียน เพราะ เมิ่งเถียน เป็นนักรบขั้นปรมาจารย์ อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดเลยว่าจะต้องประเคนมันให้กับ ลู่เฟิงแทน
โชคดีที่ อีกฝ่าย นำทหารม้า 50,000 นายบุกโจมตี ถ้าเกิดทหารม้า 50,000 นายนี้ถูกทำลาย ขวัญกำลังใจของทหารภายใต้ ลู่เฟิง จะต้องได้รับผลกระทบ
ฟุ่บ!
ลู่เฟิง ที่นำทหารม้าเหล็กเข้าชาร์จเขาก็ได้ยินเสียงวืดหวือบนอากาศ
ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้ามองและเห็นม่านฝนลูกศรที่ลอยตัวอยู่บนฟ้า!
มันเป็นลูกศรพลังปราณ!
“เวรเอ้ย ชูหยี เจ้าบ้านี่มันไม่ห่วงชีวิตทหารของตนเองเลยหรือยังไง!”
ลู่เฟิง ได้สาปแช่งอย่างลับ ๆ แต่เขาไม่สามารถอยหนีได้
เขามองไปที่ทิศทางของฝนลูกศรมันพุ่งเป้าไปที่กองทัพทหารม้าของเขาไม่ผิดอย่างแน่นอน
“ถอย!”
ลู่เฟิง ได้ออกคำสั่งให้ทหารม้าล่าถอย พร้อมกับสั่งให้ทหารโล่คอยปิดกั้นลูกศรพลังปราณเหล่านั้น
ลูกศรพลังปราณทรงพลังมากเมื่อใช้กับนักรบ แต่มันก็ยังถูกปัดป้องได้ด้วยโล่เสริมพลัง
ลู่เฟิง ได้นำทหารม้าถอยออกไปแต่เขาพบว่าทาสดาบทั้งหกยังไม่ออกมา
เขามองไปเห็นลูกศรปักอยู่ที่หัวไหล่ของ ซุนฮวา และ เหม่ยหลาน
พวกเธอพยายามปัดป้องลูกศรพลังปราณเหล่านั้นด้วยทักษะดาบที่เรียนรู้มา
ในเวลานี้ ทหารราบได้อยู่ห่างจากพวกเขาอย่างน้อยห้าร้อยเมตร เมื่อมองไปที่ตำแหน่งของทาสดาบทั้งหก พวกเขาย่อมไม่สามารถต้านทานลูกศรพลังปราณเหล่านี้ได้แน่ และมันคงจะสายเกินไปถ้ามัวแต่รอทหารราบไปถึงที่นั่น
ลู่เฟิง ได้ควบม้าและลุยเดียวเข้าไปอย่างไม่ลังเล
เขาจะไม่มีทางเพิกเฉยชีวิตและความตายของทาสดาบทั้งหก!