MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ - ตอนที่ 182
กั๋วเจีย : เฟิงเชียว ที่ปรึกษาที่มีชื่อเสียงของโจโฉในช่วงปราชวงศ์ฮั่นตะวันออก มีชื่อเสียงในเรื่อง ‘ชนะสิบพ่ายแพ้สิบ’
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ระดับพลัง : ระดับ 8 ขั้นจักรพรรดิ (เนื่องจากข้อจำกัดของระบบทำให้ขอบเขตปัจจุบันคือ ระดับ 6 ขั้นเชื่อมจิตวิญญาณ โฮสต์สามารถยกระดับขั้นพลังใหญ่เพื่อปลดล็อคขั้นพลังย่อยของตัวละครทั้ง 5 ได้)
พลังพิเศษ : ภูติผีชุมนุม
ความภักดี : ไม่ทราบ(เนื่องเพราะ กั๋วเจีย ไม่ได้อยู่ภายใต้บัญชาของโฮสต์จึงไม่สามารถแสดงค่าความภักดีได้ ค่าความภักดีจะแสดงก็ต่อเมื่อโฮสต์ได้รับการยอมรับจาก กั๋วเจีย เท่านั้น)
การตั้งค่าตัวละคร : กั๋วเจีย เป็นสหายของ ซุนฮก!
“อีกแล้ว!”
เมื่อมองไปที่การแสดงค่าความภักดีนี้ ทำให้ ลู่เฟิง รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสุนัข ที่ต้องคอยวิ่งไล่ตาม จางซุนหวูจี๋ และ กั๋วเจีย ทำไมต้องให้ฉันไล่ตามคนเหล่านี้เอง ทำไมไม่มอบค่าความภักดี มา 8 หรือ 9 ในสิบส่วนก็ได้!
หรือว่าระบบต้องการให้ฉันปราบปรามตัวละครเหล่านี้ด้วยตัวเองทั้งหมด!
ลู่เฟิง ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เขามองไปที่การตั้งค่าตัวละครของ กั๋วเจีย ทำให้เขารู้สึกโล่งใจเล็กน้อย โชคดีที่อีกฝ่ายเป็น สหายของ ซุนฮก มันคงจะง่ายสำหรับการปราบปรามมากขึ้น
แต่…
เมื่อมองไปที่ความแข็งแกร่งของ กั๋วเจีย ลู่เฟิง ขมวดคิ้ว”ระบบ ทำไมความแข็งแกร่งของ กั๋วเจีย ถึงเป็นได้แค่ ระดับ 8 ขั้นจักรพรรดิ?”
“ติ๊ง เนื่องเพราะ กั๋วเจีย เสียชีวิต ตั้งแต่เยาว์วัย จึงไม่สามารถทิ้งการกระทำที่มีชีวิตอีกได้ดังนั้นระบบจึงตัดสินให้ความแข็งแกร่งของ กั๋วเจีย เป็นระดับ 8 ขั้นจักพรรดิ”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของระบบลู่เฟิงก็ถอนหายใจออกมา”กั๋วเจีย นี่เป็นตัวอย่างของคนเก่งที่มีพรสวรรค์มากจริง ๆ !”
ลู่เฟิง แอบสั่นศีรษะในใจ เขากลัวว่าระบบ จะปรับเปลี่ยนพลังของอีกฝ่ายให้ลดลง ยังไงก็เถอะ สำหรับการมีอยู่ของ กั๋วเจีย เขาจะไม่ยอมให้อีกฝ่ายตายก่อนวัยอันควรเหมือนโจโฉอีกต่อไป
“ระบบฉันต้องการใช้โอกาสอัญเชิญแบบกำหนด…”
“รายงานฝ่าบาท เจ้าเมืองหนานกวง จางซุนห่าว ต้องการเข้าเฝ้าพระองค์!”
เมื่อ ลู่เฟิง กำลังจะอัญเชิญ จู่ ๆ เสียงของทหารจากกองทัพเงาข้างนอกก็ได้ดังขึ้น
ไว้ใช้ทีหลังแล้วกัน!
ลู่เฟิง ได้ตะโกนออกมาจากค่ายทหาร”ให้เข้ามา!”
ในไม่ช้า เจี๋ยสวี่ ก็เดินมาพร้อมกับ จางซุนห่าว
“ข้าน้อย จางซุนห่าว ถวายบังคมฝ่าบาท!”
จางซุนห่าว ได้คุกเข่าลงกับพื้น
ลู่เฟิง มองไปที่ จางซุนห่าว ชายผู้นี้มีอายุประมาณ 40-50 ปี และยังดูเด็กมาก ดูเหมือนว่า จางซุนหวูจี๋ ในปัจจุบัน จะยังคงเป็นแค่ชายหนุ่มเท่านั้น
ด้วยวิธีนี้มันคงง่ายสำหรับเขาที่จะปราบปราม เพราะมีคำพูดมาว่ายิ่งแก่ยิ่งมากประสบการณ์!
หากเขาถูกขอให้ปราบปรามชายแก่วัย 50 กว่า ลู่เฟิง เองก็คงไม่มีความมั่นใจมากนัก
“แม่ทัพจางซุนห่าว ลุกขึ้นเถอะ!”ลู่เฟิง ได้ยิ้มออกมา
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
จางซุนห่าว ได้ลุกขึ้นพร้อมกับกล่าวพูดออกมา”เรียนฝ่าบาท ข้าน้อยยินดีนำทัพ 200,000 นายของเมืองหนานกวง มายอมจำนนต่อฝ่าบาท และ หวังว่าพระองค์จะยอมรับมัน!”
“ฮ่าฮ่า แน่นอน!”
ลู่เฟิง หัวเราะออกมา”แม่ทัพจางซุนห่าว เป็นคนฉลาดความคิดกว้างไกล ในอนาคต ข้าจะให้เจ้าติดตาม เมิ่งเถียน เป็นผู้ช่วยของเขา”
แน่นอนว่า ลู่เฟิง จำเป็นจะต้องซื้อใจอีกฝ่ายไว้ก่อน
“ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน”จางซุนห่าว ได้คุกเข่าลงอีกครั้ง
จางซุนห่าว ไม่คิดเลยว่า ตนเองจะได้ตำแหน่งเช่นนี้อย่างรวดเร็ว
ลู่เฟิงได้ยิ้มและตอบกลับ”แม่ทัพจางซุนห่าว ลุกขึ้นเถอะ!”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
เขามองไปที่ จางซุนห่าว พร้อมกับกล่าวถาม”แม่ทัพจางซุนห่าว ข้าต้องการถาม เจ้ามีกองกำลัง 200,000 นาย อยู่ในการครอบครอง และ ที่เมืองหนานกวง เป้นสถานที่อันตรายแห่งนึงที่ง่ายต่อการป้องกันและยากต่อการโจมตี ทำไม เจ้าถึงนำกองกำลังกว่า 200,000 นายมายอมจำนนงั้นหรือ ข้าอยากรู้?”
จางซุนห่าว กล่าวพูดด้วยความเคารพ”เรียนกฝ่าบาทโดยตรง ข้าน้อยไม่ต้องการให้เกิดการสูญเสียมากเกินไป ดังนั้น ข้าน้อยจึงเต็มใจนำทหารเหล่านั้นมาถวายการยอมจำนนเพื่อที่จะรับใช้ฝ่าบาทและเติมเต็มความฝันที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์”
“มันง่ายขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?”ลู่เฟิงมองไปที่ จางซุนห่าว พร้อมกับแสดงรอยยิ้มจาง ๆ “โทษฐานหลอกลวงจักรพรรดิ มีความผิดร้ายแรงคือตัดศีรษะ ข้าให้ แม่ทัพจางซุนห่าว พูดอีกที”
จางซุนห่าว หน้าซีดและคุกเข่าลงกับพื้น”ฝ่าบาทโปรดให้อภัยด้วย!”
“เจ้าบ้านี่ กล้าพูดเท็จต่อหน้าฝ่าบาทงั้นหรือ เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วใช่หรือไม่?”เจี๋ยสวี่ ได้ตะคอกใส่ทันที
คำพูดเหล่านี้ทำให้ใบหน้าของ จางซุนห่าว ซีดเผือก
ลู่เฟิง ได้ยกย่อง เจี๋ยสวี่ ในใจ ที่ให้ความร่วมมือ แต่เขาก็ยื่นมือออกไปหยุด เจี๋ยสวี่ และ กล่าวถามด้วยรอยยิ้ม”ครั้งนี้ข้าจะยกโทษให้ หวังว่าเจ้าจะให้คำอธิบายที่มีเหตุผลแก่ข้า”
จางซุนห่าว ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขาคิดว่าตนเองจะถูกฆ่าซะแล้ว
หลังจากหยุดพักเล็กน้อย จางซุนห่าว ก็พูดขึ้น”ฝ่าบาท ความคิดของข้าเดิมนั้นต้องการสู้ศึกเป็นตายที่เมืองหนานกวง แต่ทว่า บุตรชายคนโตของข้า จางซุนหวูจี๋ ได้เกลี้ยกล่อมให้ข้ายอมแพ้ และบอกว่า แม้จะอยู่ปกป้องเมืองหนานกวงไปก็ไม่ได้อะไร ดังนั้น เขาจึงเกลี่ยกล่อมให้ข้ามายอมจำนนต่อฝ่าบาท”
“แน่นอนว่าข้าได้ครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้ว แม้ว่า ข้าจะสู้ศึกปกป้องเมืองหนานกวง เป็นตายอย่างไร ก็คงไม่มีกองทัพใดในอาณาจักรซีหยาง ที่หยุดยั้งความสง่างามของฝ่าบาทได้ ดังนั้นข้าจึงเลือกที่จะยอมแพ้”
แน่นอนว่ามันเป็น จางซุนหวูจี๋
ลู่เฟิง สงสัยอยู่ก่อนแล้วว่า ทำไม จางซุนห่าว ที่มีทหารในมือมากกว่า 200,000 นายในเมืองหนานกวง ถึงเลือกที่จะยอมจำนน ที่แท้ก็เพราะ จางซุนหวูจี๋
ตอนนี้ ดูเหมือนว่าความคิดของเขาจะถูกต้อง
จางซุนหวูจี๋ มีความสามารถที่ค่อนข้างน่าประทับใจและเขามีโอกาสที่จะปราบปรามอีกฝ่ายได้
ลู่เฟิง มองไปที่ จางซุนห่าว และยิ้มออกมา”ดูเหมือนว่า บุตรชายของเจ้า จะเป็นคนที่มีความสามารถไม่ธรรมดา ข้าต้องการพบบุตรชายของเจ้า หากเขามีความสามารถอย่างแท้จริง ข้าจะให้เขามาทำงานกับข้าเจ้าคิดว่าอย่างไร?”
“ฝ่าบาททรงเมตตายิ่งนัก ข้าจะไปบอกให้ บุตรชายของข้ามาเข้าเฝ้าพระองค์!”จางซุนห่าว ได้ตอบกลับทันที
“เอาล่ะ เจ้าออกไปก่อนข้าจะ…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ลู่เฟิง ก็ครุ่นคิดเล็กน้อย จางซุนหวูจี๋ เป็นคนที่มีชื่อเสียงและความสามารถเขาจะปล่อยให้มันเป็นไปอย่างเรียบง่ายเช่นนี้ได้อย่างไร
อย่าลืมว่าคนที่มีความสามารถที่เก่งกาจแบบนี้เขาควรจะไปเยี่ยมเยือนด้วยตัวเอง
ดังนั้นเขาจึงได้พูดต่อ”ข้าจะเดินทางไปกับเจ้าเพื่อดูบุตรชายของเจ้าด้วยตัวเอง”
จางซุนห่าว ได้ผงะทันทีและตอบกลับ”ข้าน้อยจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร ฝ่าบาท เป็นถึงจักรพรรดิ ข้าน้อยจะปล่อยให้พระองค์ไปหาเขาได้อย่างไร”
“ฮ่าฮ่า”
ลู่เฟิงหัวเราะออกมา”เมืองหนานกวง กำลังจะกลายเป็นดินแดนของข้า ทำไมข้าถึงจะไปเยือนดินแดนของตนเองไม่ได้?”
จางซุนห่าว ไม่กล้าพูดอะไรอีก เขาได้ตอบรับอย่างรวดเร็วและถอยออกไป
หลังจาก จางซุนห่าว ออกไป ลู่เฟิง ก็มองไปที่ เจี๋ยสวี่ ด้วยรอยยิ้ม”เหวินเหอ ดูเหมือนว่าเจ้ามีอะไรในใจอยากจะพูดงั้นสินะ?”
เจี๋ยสวี่กล่าวตอบทันที”ฝ่าบาท พระองค์เป็นถึงจักรพรรพิแห่งอาณาจักรหนานหยาน พระองค์จะเสด็จไปยังเมืองหนานกวงได้อย่างไร ข้ากลัวว่า…”