MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ - ตอนที่ 183
ลู่เฟิง รู้ว่าเจี๋ยสวี่ หมายถึงอะไร เขาตอบกลับด้วยรอยยิ้ม”เจ้ากลัวว่า จางซุนห่าว จะต่อต้านข้าใช่หรือไม่?”
เจี๋ยสวี่ ได้พยักหน้าและตอบกลับ”ฝ่าบาทจะต้องจัดตั้งหน่วยองค์รักษ์พิทักษ์ข้างกาย!”
ลู่เฟิง สั่นศีรษะ”อย่ากังวลไปเลย จางซุนห่าว ไม่มีทางต่อต้านข้าอย่างแน่นอน”
“ทำไมพระองค์ถึงคิดแบบนั้น?”เจี๋ยสวี่ มองไปที่ลู่เฟิงด้วยความสงสัย”หรือว่าฝ่าบาทเชื่อใจเขา?”
ลู่เฟิงเพียงยิ้มอย่างลึกลับไม่ได้ตอบกลับ
เขาไม่สามารถบอก เจี๋ยสวี่ ได้ว่า เขาเพิ่งขอให้ระบบตรวจสอบความภักดีของ จางซุนห่าว และมันสูงมากกว่า 90 ซึ่งสูงมาก
มันสูงกว่า เมิ่งอี้ ที่เขาเรียกตัวมาอีก!
ด้วยความภักดีที่สูงขนาดนี้ จางซุนห่าว จะต่อต้านเขาได้อย่างไร
เมื่อ เจี๋ยสวี่ เห็นรูปลักษณ์ของ ลู่เฟิง เขาก็ไม่ได้ถามอะไรมาก พระองค์ทรงลึกลับเสมอ แม้ว่าเขาจะมีไหวพริบดี แต่ก็ไม่สามารถมองทะลุผ่านความสามารถทั้งหมดของพระองค์ได้
ลู่เฟิง ไม่ได้ขอให้ จางซุนห่าว พาเขาไปที่เมืองหนานกวงทันที แต่พาไปที่ค่ายทหาร
ในเต็นท์ทหารแห่งนึง สองสาว ซุนฮวา และ เหม่ยหลาน ได้นอนอยู่ในเต้นท์ด้วยกัน ส่วนทาสดาบทั้งหกคนอื่น ๆ ได้พักอยู่ที่เต็นท์อื่น
หลังจาก ที่ ลู่เฟิง เข้ามา เขาก็สังเกตุเห็น สองพี่น้อง ซุนฮวา และ เหม่ยหลาน ที่กำลังใช้ยาทาไหล่ของตนเองจนเปิดเผยเนื้อหนังมากมาย
“ฝ่าบาท?”
เมื่อเห็น ลู่เฟิง เข้ามา ซุนฮวา และ เหม่ยหลาน ก็รีบดึงเสื้อผ้าของพวกเธอขึ้นมาปกปิดร่างกาย
แก้มทั้งสองยังคงแดงเล็กน้อย
แม้ว่า พวกเธอจะเป็นนักฆ่า แต่ส่วนลึกในจิตใจของพวกเธอก็ยังคงเหมือนกับหญิงสาวส่วนใหญ่ในทวีปคิวชูแบบดั้งเดิมและแบบอนุรักษ์นิยม
“อะแฮ่ม!”
ลู่เฟิง รู้สึกอายเล็กน้อย ถ้าเขาเห็น ฮวามู่หลาน เขาจะไม่คิดว่ามันมีอะไร เพราะฮวามู่หลาน เป็นสตรีของเขา แต่ทว่า ซุนฮวา และ เหม่ยหลาน นั้นเป็นเพียงผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาทำให้เขารู้สึกเขินอาย
“อาการบาดเจ็บของพวกเจ้าสองคนดีขึ้นแล้วหรือยัง?”ลู่เฟิงกล่าวถาม
อาการบาดเจ็บที่เกิดจากลูกศรพลังปราณนั้นทำให้ผู้ที่โดนรู้สึกเหมือนคนธรรมดามันเลยไม่ง่ายเลยที่จะรักษา
“พวกเราทั้งสองคนสบายดี หากมีรับสั่งให้ไปลอบฆ่าใครขอให้พระองค์โปรดบัญชา”ซุนฮวา และ เหม่ยหลาน รีบกล่าวพร้อมกัน
“ข้ายังไม่มีใครที่อยากจะฆ่าตอนนี้!”
ลู่เฟิง สั่นศีรษะ”พวกเจ้าทั้งสองพักรักษษตัวให้ดีเถอะ อย่าปล่อยให้รากฐานการบ่มเพาะพลังของพวกเจ้ามาพังเพียงเพราะลูกศรพลังปราณบ้า ๆ นี่”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท สำหรับความกรุณา”
หลังจากที่ ลู่เฟิง กล่าวพูดอีกสองสามคำเขาก็ออกจากเต็นท์ไปที่เต็นท์ข้าง ๆ
หลวนเฉิน สามารถฟื้นตัวได้ดี กระดูกและเส้นลมปราณของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บจากลูกศรพลังปราณทำให้การรักษาเป็นไปได้อย่างราบรื่น
หลังจากกล่าวคำสองคำลู่เฟิงก็ออกจากเต็นท์ไป
“ฝ่าบาท!”
ขณะที่ ลู่เฟิง เดินออกมา ข้างนอกเต้น เฉินกัง และ ต้วนชุย ก็รอเขาอยู่ที่ข้างนอก
“เจ้ามากับข้า!”
“ขอรับ!”
ลู่เฟิง พา เฉินกัง และ แม่ทัพจางฮั่น จากกองทัพเงา ติดตาม จางซุนห่าว คนทั้งสามคนได้มุ่งหน้าไปที่เมืองหนานกวง
ระหว่างทาง ลู่เฟิง ได้มองไปที่ เฉินกัง ที่ปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่งเขาได้กล่าวถามอีกฝ่าย”เฉินกัง เจ้าพอจะบอกได้หรือไม่ว่าเจ้ามาอยู่ภายใต้บัญชาของท่านพ่อของข้าได้อย่างไร?”
เฉินกัง ได้ครุ่นคิดและตอบกลับ”ฝ่าบาท ข้าลืมเรื่องนี้ไปแล้ว”
ลู่เฟิง ไม่ต้องการถามอะไรให้มากความ
แม้ว่าเขาจะเป็นจักรพรรดิ แต่เขาไม่สามารถบังคับผู้ใต้บังคับบัญชาได้เพราะหากเขาไม่กดดันอีกฝ่ายมากเกินไปสิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือความภักดี
หลังจากนั้นไม่นาน คณะของเขาก็เดินทางมาถึงเมืองหนานกวง
ประตูเมืองได้เปิดออก มีแม่ทัพหลายคนยืนอยู่ข้างนอกประตู เมื่อพวกเขาเห็น ลู่เฟิงเดินทางมาถึงพวกเขาก็คุกเข่าลงและพูดเสียงดัง”ถวายบังคมฝ่าบาท”
“ลุกขึ้นเถอะ!”
ลู่เฟิงมองไปที่พวกเขาและกล่าวพูดขึ้น”พวกเจ้าทุกคนล้วนเป็นคนมีความสามารถหากไม่มีปัญหาเรื่องลักษณะนิสัยตำแหน่งหน้าที่การงานเดิมของพวกเจ้าข้าจะไม่เปลี่ยนแปลงมัน”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
คนเหล่านี้ได้กล่าวพูดพร้อมกัน เดิมพวกเขากังวลว่า ลู่เฟิง จะดูถูกคนที่ยอมจำนนเหล่านี้
ลู่เฟิง ได้เดินเข้าไปในเมืองหนานกวง และพบว่ามีผู้คนจำนวนมากยืนขนานข้างทั้งสองของเขา พวกเขามองไปที่ ลู่เฟิง ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
แต่มีคนหนึ่งที่หน้าซีดเผือก
เขาเป็นบิดาของหยางจุน ที่ถูก ลู่เฟิง ฆ่าตายมาก่อน เขาเคยคิดหาทางแก้แค้น ลู่เฟิง
แต่ทว่าเขาไม่เคยคิดเลยว่า เด็กคนที่เขาต้องการล้างแค้น จะไม่เพียงแต่เป็นนักรบที่เก่งกาจทั้งยังเป็นจักรพรรดิแห่งอาณาจักรหนานหยานอีกด้วย
ไม่ว่าจะทำอะไรเขาจะต้องคิดให้ดี
เมื่อเขาได้พบตัวตนที่ทรงพลังเช่นนี้ ในใจของเขาก็รู้สึกสิ้นหวังและหมดหวัง
แต่เขาคงไม่รู้ว่า ลู่เฟิง ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
ในไม่ช้า ลู่เฟิงก็มาถึงบ้านพักของ จางซุนห่าว
คนข้างในได้รับข่าวอยู่ก่อนแล้ว
หลังจาก ลู่เฟิงมาถึงคนกลุ่มนี้ก็คุกเข่าโค้งคำนับ
ลู่เฟิงพบเห็นว่าคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดาไม่ใช่ผู้ฝึกฝนวรยุทธ์ใด ๆ
แม้ว่า ในใจอขเงขา จะแปลกใจเล็กน้อย ที่ไม่เห็น จางซุนหวูจี๋ แต่เขาก็ไม่ได้กล่าวถามออกไปโดยตรง และมุ่งหน้าเข้าสู่ห้องโถงใหญ่
ในสวนหลังคฤหาสน์ของ จางซุนห่าว หญิงสาวที่มีรูปโฉมงดงามคนนึงได้เดินตามหลังชายหนุ่มและกล่าวถาม”ท่านพี่ จักรพรรพิแห่งอาณาจักรหนานหยาน เสด็จมาถึงที่นี่แล้ว ทำไมท่านถึงไม่ออกไปหาเขาหน่อยล่ะ?”
หญิงสาวคนนี้คือน้องสาวของ จางซุนหวูจี๋ ,จางซุนอู๋โกว
“แล้วทำไมน้องข้าถึงไม่ไปล่ะ?”
จางซุนหวูจี๋ หันไปกล่าวถาม น้องสาวด้วยรอยยิ้ม
จางซุนอู๋โกวหัวเราะเบา ๆ “ข้าจะไปพบองค์จักรพรรดิได้อย่างไร ข้าเป็นเพียงสตรีนางหนึ่ง แต่ท่านพี่ ท่านเป็นบันทิตและนักรบที่เก่งกาจ ไม่ใช่ว่าท่านต้องการรู้จักจักรพรรดิแห่งอาณาจักรหนานหยานที่ยังเยาว์วัยคนนี้หรอกหรอ?”
“ข้ามีความคิดของข้าอยู่!”
จางซุนหวูจี๋ ได้ยิ้มออกมา”ถ้าเขาเป็นคนที่ข้าคิดจริง ๆ ล่ะก็ เขาจะต้องมาหาข้าแน่ ๆ อย่างน้อยก็น่าจะให้ ท่านพ่อตามพวกเราไป ถ้าเขาไม่ให้ความเคารพข้า ข้ายังจะยินดีทำงานให้เขางั้นหรือ?”
“ท่านพี่คิดอย่างนั้นจริง ๆ ?”จางซุนอู๋โกว ได้กล่าวถาม
“แน่นอน”
จางซุนหวูจี๋ ได้ตอบกลับ”ข้าเฝ้าถามตัวเองว่า ข้านั้นมีความสามารถ ถ้าข้าไม่แสดงด้านที่แข็งแกร่งให้อีกฝ่ายเห็น ข้าจะได้รับความเคารพจากอีกฝ่ายได้อย่างไร?”
จางซุนอู๋โกว ได้สั่นศีรษะและตอบกลับ”ท่านพี่ข้ากลัวว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น”
จางซุนหวูจี๋ ไม่ได้ตอบ
ลู่เฟิง มองไปที่ ห้องโถงใหญ่และมองไปที่ จางซุนห่าว ด้วยรอยยิ้ม”แม่ทัพจางซุนห่าว ไม่ใช่ว่าท่านมีบุตรชายอยู่หรอกหรอ?”
“นี่มัน…”
ใบหน้าของ จางซุนห่าว ได้ปรากฏเหงื่อเย็นใหล เขาแอบดุลูกชายอย่างลับ ๆ เขาได้แจ้งแล้วว่าให้ทุกคนออกมาต้อนรับฝ่าบาท
แต่ทว่า บุตรชายของเขา และ บุตรสาวเองก็ไม่ออกมานี่มันหมายความว่ายังไง
เขารีบตอบกลับทันที”ฝ่าบาท โปรดประทานอภัยให้ข้าด้วย ข้าจะไปตามเขาออกมา!”
ลู่เฟิง ได้พยักหน้าทันที
จางซุนห่าว ได้จากไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ ลู่เฟิง ได้ถอนหายใจออกมาเขาได้พึมพัมในใจ”ดูเหมือนว่า จางซุนหวูจี๋ จะทำให้ข้าขุ่นเคืองตั้งแต่แรกพบในกรณีนี้ข้าคิดว่าวิธีการเดิมที่ข้าคิดเอาไว้ล้วนใช้กับเขาไม่ได้!”
ไม่นานจางซุนห่าว ก็เดินมาพร้อมกับชายหนุ่มที่หล่อเหลา
“ฝ่าบาท นี่คือบุตรชายของข้า หวูจี๋”จางซุนห่าว ได้คำนับให้กับลู่เฟิงและแนะนำบุตรชาย”อืม…”
จางซุนหวูจี๋ ได้มองไปที่ ลู่เฟิง และ กล่าวพูดอย่างไม่ทางการ”ข้าน้อย หวูจี๋ ยินดีที่ได้พบฝ่าบาท!”
ด้วยเหตุนี้มารยาทที่คำว่า “เจอกัน” ควรจะมีได้หายไป
ลู่เฟิงมองไปที่ อีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม”จางฮั่น ข้อหาหมิ่นจักรพรรดิมีโทษทันฑ์อย่างไร?”