MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ - ตอนที่ 217
“ทำไม หรือว่า ท่านผู้นำตระกูลคนอื่น ๆ เห็นด้วยกับการที่ หยาหนยุนหนาน คุกคามฝ่าบาทด้วยเส้นชีวิตของมณฑล?”จางซุนหวูจี๋ กล่าวถามอย่างไม่แยแส
คำถามนี้ทำให้พวกเขารีบก้มหน้ากันอย่างรวดเร็ว
ร่างที่ไร้ศีรษะของ หยานหยุนหนาน อยู่ตรงหน้าพวกเขา หากพวกเขากล้าไม่เห็นด้วยจุดจบของพวกเขาคงจะเหมือนกับ หยานหยุนหนาน
กระทั่งหลายคนยังแอบ ด่า หยานหยุนหนาน ในใจ กล้าที่จะคุกคามอีกฝ่ายด้วยเส้นชีวิตเช่นนี้ ทำให้พวกเขาพลอยเดือดร้อนไปด้วย
ถ้าพวกเขาจะตายก็คงต้องโทษหยานหยุนหนานกันทุกคน
“ภายในสามวัน ถ้าพวกท่านไม่ยอมจำนน ชะตากรรมแบบหยานหยุนหนาน กำลังรอพวกท่านอยู่!”
หลังจากที่ จางซุนหวูจี๋พูดจบ เขาก็จากไป
เขาได้ฝ่าฝืนคำสั่งของฝ่าบาทและเปลี่ยนวิธีจัดการเรื่องเหล่านี้เอง
ไม่ถึงหนึ่งในสี่ชั่วโมง หลังจากที่ จางซุนหวูจี๋ จัดการเรื่องเสร็จ ลู่เฟิง ก็ได้รับข่าว จากจินยี่เหว่ย
“ดูเหมือนว่า จางซุนหวูจี๋ จะดูถูกไม่ได้จริง ๆ สมกับเป็นยอดวีรบุรุษสี่ยิบสี่อันดับแรกของ อนุสรณ์หลิงหยาน ในประวัติศาสตร์”
แม้ว่า จางซุนหวูจี๋ จะขัดขืนคำสั่งของเขาและเปลี่ยนวิธีจัดการ แต่ลู่เฟิงก็ไม่คิดว่ามันเป็นปัญหาอะไร
สำหรับ หยานหยุนหนาน อีกฝ่ายสมควรตายอย่างแท้จริง
เพราะถ้าหากเก็บเอาไว้ จะยิ่งเป็นอันตรายต่ออาณาจักร ดังนั้นการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการฆ่าจึงง่ายที่สุด
“ฝ่าบาท จางซุนหวูจี๋ ต้องการเข้าเฝ้าพระองค์”ในขระนี้ จางฮั่น ได้เดินเข้ามารายงาน
“ให้เขาเข้ามา”
หลังจากนั้น จางซุนหวูจี๋ ก็เดินเข้ามาและคุกเข่าลงบนพื้น”ถวายบังคมฝ่าบาท!”
“ลุกขึ้น!”ลู่เฟิง ได้ตอบกลับ
“ข้าน้อยต้องขออภัยฝ่าที่ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่ง!”จางวุนหวูจี๋ ได้ตอบกลับ
“ฮ่าฮ่า,ข้าได้ยินเรื่องเกี่ยวกับการจัดการของเจ้าแล้ว ทำได้ดีมาก นับแต่วันนี้ไปที่นี่ก็คือดินแดนอาณาจักรหนานหยานของข้า ข้าไม่ต้องการให้มีหนอนบ่อนไส้อาศัยอยู่ในนี้”ลู่เฟิง มองไปที่ จางซุนหวูจี๋
เมื่อจางซุนหวูจี๋ ได้ยิน เขาก็ตกใจเล็กน้อย หลังจากที่เขาออกจากสถานที่ที่พบปะพูดคุยกับผู้นำตระกูลขุนนางเหล่านั้นเขาก็รีบมาที่พระราชวังทันที ไม่คิดเลยว่า ฝ่าบาทจะทรงทราบอยู่ก่อนแล้ว
ดูเหมือนว่า ชื่อเสียงของ จินยี่เหว่ย จะไม่ใช่เพียงแค่ข่าวลือ ความสามารถในการรับข่าวสารของพวกเขายอดเยี่ยมที่สุดในโลก
แต่ว่าคนที่สุดยอดที่สุดก็คือคนที่ทำให้ตัวตนมากมายเหล่านี้มาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาได้อย่างฝ่าบาท
มีความคิดมากมายปรากฏขึ้นในใจของ จางซุนหวูจี๋ ก่อนที่เขาจะตอบกลับ”ขอบพระทัยฝ่าบาท ข้าน้อยจะจัดการงานทุกอย่างตามหน้าที่ที่ได้รับให้ดีที่สุด และจะไม่ทำให้ฝ่าบาทไม่พอพระทัย”
“ดีมาก”ลู่เฟิง ยิ้มออกมา”เจ้าไปจัดการงานที่เหลือต่อเถอะ!”
“ขอรับ!”
จางซุนหวูจี๋ ได้จากไปทันที
อีกด้านนึงมีรถม้าที่ได้รับการคุ้มครองโดยยอดฝีมือหลายคนเดินทางมา
“พวกเรามาถึงแล้วเจ้าค่ะ”ม่านรถม้าได้ถูกเปิดออกสาวใช้สาวสวยคนนึงได้หันมองออกไปดูจากนั้นก็ถอนศีรษะกลับเข้ามารายงาน
ภายในรถม้ายังมีหญิงสาวที่งดงามนั่งอยู่
เธอก็คือ จางซุนอู๋โกว
เธอเดินทางมาหาจักรพรรดิแห่งอาณาจักรหนานหยานภายใต้การจัดการของ จางซุนห่าว บิดาของเธอ
จางซุนอู๋โกวได้ตอบกลับเบา ๆ “รีบเข้าเมืองเถอะ!”
“เจ้าค่ะ!”
ในอีกไม่กี่วันถัดมา เมิ่งเถียน ได้นำกองทัพเข้ายึดสถานที่ทั้งหมดภายในอาณาจักรซีหยาง
เดิมชาวอาณาจักรซีหยาง ที่สูญเสียเมืองหลวงซีหยางไปพวกเขาก็ยังมีใจสู้อยู่ แต่เมื่อเสียเมืองหลวงรองอย่างเมืองหลิงหยางไปใครเล่าจะกล้าขัดขืน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ลู่เฟิง ไม่ได้ลงไปจัดการด้วยตัวเอง เขาได้ส่งมอบให้ จางซุนหวูจี๋ จัดการทั้งหมด
ผลลัพธ์ที่ได้ จางซุนหวูจี๋ ไม่ทำให้เขาผิดหวังจริง ๆ
อีกเจ็ดวันต่อจากนี้จะเป็นวันขึ้นปีใหม่ ลู่เฟิง ได้มอบการจัดการเรื่องทหารให้กับ เมิ่งเถียน และ ส่งมอบภารกิจทางการเมืองให้กับ จางซุนหวูจี๋ จางกนั้นเขาก็พา ทาสดาบทั้งหก,ชูฉี,ลิโป้ โจจู๋ และ ตู้หลี่ซู่ เดินทางไปที่ เมืองซีหยาง
สำหรับนางสนมเหล่านั้นที่ยังไม่ถูกสังหาร ลู่เฟิง ได้ส่งพวกนางไปที่เมืองหนานหยานซึ่งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรหนานหยาน
เหตุผลที่เขามาที่เมืองซีหยาง เป้าหมายแรกก็คือ หาสถานที่ลับที่ หนิงหยุนเอ๋อร์ บอกเขาก่อนหน้านี้
เพื่อดูว่ามันมีเส้นเลือดวิญญาณข้างในจริง ๆ หรือไม่
ส่วนเหตุผลที่สองที่เขามาก็คือ เขาได้รับข่าว จาก เจี๋ยสวี่ ว่ามีการจัดตั้งอาคมเคลื่อนย้ายขึ้นในเมืองซีหยาง กับ ตำหนักจงอี้ เขาสามารถกลับไปยังเมืองหลวงได้โดยผ่านการเคลื่อนย้าย
ไม่นาน ลู่เฟิง ก็มาถึง เมืองซีหยาง
หลังจากนั้นเขาก็พา ทาสดาบทั้งหก โจจู๋ ลิโป้ และ ตู้หลี่ซู๋ ไปถึงพระราชวังและพบห้องลับตามแผนที่ที่ หนิงหยุนเอ๋อร์ มอบให้
“เป็นยังไง เจ้ารู้วิธีเปิดห้องลับนี้หรือไม่?”ลู่เฟิง ได้กล่าวถาม ตู้หลี่ซู่
ตู้หลี่ซู่พบว่า สถานที่แห่งนี้ถูกซ่อนไว้ด้วยกลไกบางอย่างและมันยากที่จะผ่านเข้าไปได้
ดังนั้นตอนนี้เขากำลังมองหาวิธี
“ฝ่าบาท ข้าน้อยสามารถเปิดมันได้อย่างแน่นอน แต่ด้วยความสามารถในปัจจุบันเกรงว่าข้าน้อยต้องการเวลาสามวันในการเปิดมัน”ตู้หลี่ซู่ ได้ตอบกลับ
“เข้าใจแล้ว ข้าจะให้เวลาเจ้าสามวัน”
อย่างไรก็ตามยังมีเวลาอีกเจ็ดวันก่อนจะขึ้นปีใหม่และด้วยอาคมเคลื่อนย้าย ลู่เฟิง สามารถไปถึงเมืองหลวงได้ในระยะเวลาอันสั้นเขาจึงไม่รีบร้อน
สามวันต่อมา ตู้หลี่ซู่ ได้เปิดห้องลับและเข้าไปได้สำเร็จ
มีทางเดินอยู่ภายในนั้น ลู่เฟิง ได้พากลุ่มคนเข้าไปและพบกับหินวิญญาณ
“ไม่คาดคิดเลยว่าที่นี่จะมีเส้นเลือดวิญญาณจริง ๆ !”โจจู๋ ได้ถอนหายใจออกมา
ลู่เฟิง มองไปที่ พลังงานโดยรอบและถอนหายใจเบา ๆ “น่าเสียดายที่มันเป็นเส้นเลือดวิญญาณขนาดเล็ก”
โจจู๋ มองไปที่มันและตอบกลับ”ถึงแบบนั้นเราต้องหาหัวใจเส้นเลือดวิญญาณใพบ อย่างน้อยถ้าพบเราก็สามารถเคลื่อนย้ายมันได้”
“ฮ่าฮ่า,โจจู๋ ท่านคิดว่าจะหามันเจอหรือไม่?”ลู่เฟิงยิ้มและกล่าวถาม
“นี่…”โจจู๋ รู้สึกอายเล็กน้อย
ความเป็นไปได้ที่เขาจะหาพบนั้นน้อยอย่างมาก
ลู่เฟิง ไม่ได้กังวลแม้แต่น้อย ไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องพบมันอย่างแน่นอน
ต่อมาเขาให้จินยี่เหว่ยจัดการเรื่องเหล่านี้ แต่ ตู้หลี่ซู่ ได้บอกว่าสถานที่แห่งนี้มีการจัดการรูปแบบลึกลับบางอย่าง มันคงจะดีกว่าหากให้ผู้ใช้อาคมวิญญาณอย่างเขาเป็นคนจัดการ
หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว ลู่เฟิง ก็พากลุ่มคนไปยังสถานที่ตั้งของอาคมเคลื่อนย้ายในเมืองซีหยาง
เขาได้เคลื่อนที่ไปยังเมืองหลวงโดยตรง
ความรู้สึกในการก้าวผ่านอาคมเคลื่อนย้ายนั้นเเปลกมากเพียงพริบตาเดียวเวลาก็ดูเหมือนจะผ่านพ้นไปไวมากแต่ความจริงแล้วมันเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้นก่อนที่พวกเขาจะมาถึงห้องใต้หลังคาขนาดเล็กถัดจากตำหนักจงอี้
เมื่อออกจากตำหนักจงอี้ ลู่เฟิง ก็ไปที่พระราชวังทันที
หลังจากออกจากอาณาจักรหนานหยานมานานสิ่งแรกที่เขาคิดถึงก็คือพระราชวัง
ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ เขาคิดถึง มู่หลาน
ลู่เฟิง ได้ซ่อนสถานจนไม่มีใครรู้ว่าเขากลับมาแล้ว
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเขาก็ตรงไปที่ห้องนอนของ มู่หลานทันที
ไม่นาน ลู่เฟิง ก็มาถึง ห้องของ มู่หลาน เขาได้ซ่อนลมหายใจและสั่งให้สาวใช้ที่เห็นเขาปิดปากเงียบก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในห้องอย่างเงียบ ๆ
ภายในห้องเขาเห็น มู่หลาน กำนั่งอยู่ตรงโต๊ะหนังสือ
รูปลักษณ์ของเธอยังคงงดงามและน่าทึ่งเหมือนเดิม
ในมือของเธอกำลังทำงานปักอย่างปราณีต
มันยากที่จะจินตนาการว่าหญิงสาวคนนึงที่ถือดาบรบฆ่าฟันจะสามารถทำงานเย็บปักถักร้อยได้
ลู่เฟิง ได้เดินไปยืนข้างหลังของฮวามู่หลานและกล่าวกระซิบ”มู่หลาน ข้ากลับมาแล้ว!”