MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ - ตอนที่ 224
หลังจากเหลียนป๋อกลับมาถึงเขาก็มุ่งหน้ากลับไปที่คฤหาสน์เจ้าเมืองทันที
เมื่อเขาได้รับข่าวเขาไม่แม้แต่จะถอดชุดเกราะและรีบไปที่ห้องศึกษา
หลังจากมาถึงเขาได้คุกเข่าลงและกล่าวพูดเสียงดัง”ถวายบังคมฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน”
“แม่ทัพเฒ่า ท่านลุกขึ้นเถอะ!”
ลู่เฟิง ได้เดินไปช่วยพยุง เหลียนป๋อ ให้ลุกขึ้น”สภาพร่างกายของท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย ข้าน้อยยังแข็งแรงและสามารถร่วมศึกฆ่าศัตรูนับพันได้!”เหลียนป๋อ ได้ตอบกลับทันที
แต่ทว่า ก็มีความคิดนึงผุดขึ้นในใจของ เหลียนป๋อ พระองค์มองเขาว่าแก่แล้ว และไม่ควรเข้าร่วมกองทัพต่อไปหรือไม่?
“ดีมาก!”
ลู่เฟิง ได้หัวเราะออกมา”มีแม่ทัพเฒ่าอยู่แนวหน้าของเมืองเฉียนซาน ข้าคงไม่ต้องกังวลแล้ว!”
เหลียนป๋อ รู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินดังนั้น โชคดีที่ฝ่าบาทไม่ปลดเกษียณเขา
ขณะที่เขากำลังจะกล่าวขอบคุณลู่เฟิงก็ได้พูดขึ้น”แม่ทัพเฒ่า,ที่ข้ามาที่นี่ในวันนี้ เพราะมีสิ่งหนึ่งอยากจะขอความช่วยเหลือจากท่าน”
“พระประสงค์ของฝ่าบาท ก็คือ พระประสงค์ของกระหม่อม ข้าน้อยยินดีใช้ร่างเก่า ๆ นี้ บุกน้ำลุยไฟเพื่อพระองค์!”เหลียนป๋อ ได้ตอบกลับทันที
“เกรงว่า เรื่องนี้ไม่ต้องเสียสละถึงขนาดนั้น!”
ลู่เฟิง ยิ้มออกมา”แม่ทัพเฒ่า ข้าต้องการแต่งตั้งมู่หลานเป็นไทเฮา แต่ทว่า มู่หลาน ไม่ได้มีสถานะหรือสังกัดต้นตระกูลขุนนางใด ๆ เกรงว่ามันจะไม่เหมาะ แน่นอนว่าข้าสามารถแต่งตั้งมู่หลานเป็นไทเฮา ได้เลย แต่ข้ากลัวว่าจะมีคำนินทามากมายภายหลังดังนั้นข้าจึงต้องการปรับปรุงสถานะตัวตนของมู่หลาน”
ลู่เฟิง มองไปที่ เหลียนป๋อ และพูดเข้าประเด็น”ข้าต้องการให้ท่าน ยอมรับ มู่หลานเป็นธิดาบุญธรรม ด้วยสถานะของแม่ทัพเฒ่า หาก มู่หลานเป็นธิดาบุญธรรมของท่าน ย่อมไม่มีใครกล้าวิพากษ์วิจารณ์อีกต่อไป”
“เรื่องนี้…”
เหลียนป๋อ รู้สึกอับอายที่จะตอบรับเรื่องนี้ แม้ว่าเขาจะเป็นถึงทหารผ่านศึก แต่เขาก็มีปัญหามากมาย
“เรื่องนี้ข้าคงต้องขอร้องท่านแล้ว!”
ลู่เฟิง มองไปที่ เหลียนป๋อ เพราะกลัวว่าเขาจะปฏิเสธ
แต่เหลียนป๋อเห็นเช่นนี้เขาจะปฏิเสธลงได้อย่างไร?
น้ำเสียงของจักรพรรดิเต็มไปด้วยคำขอร้องอย่างจริงใจ
หากเขากล้าปฏิเสธความจริงใจเช่นนี้ไม่ใช่ว่าเขากำลังมองหาความตายหรือไม่?
เหลียนป๋อ ได้ตอบกลับทันที”กระหม่อมยินดี รับแม่นางมู่หลานเป็นธิดาบุญธรรม เพื่อที่พระองค์จะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสถานะของเธอ”
ในเวลาเดียวกัน เหลียนป๋อ ก็ถอนหายใจออกมา ดูเหมือนว่า ฝ่าบาทจะมีความรักลึกซึ้งต่อ ฮวามู่หลาน พระองค์ถึงขั้นขนาดลดตัวลงมาขอร้องเป็นการส่วนตัว
“ฮ่าฮ่า,แม่ทัพเฒ่า ข้าขอบคุณท่านมาก!”ลู่เฟิง รู้สึกมีความสุขมาก ด้วยคำพูดของ เหลียนป๋อ ย่อมไม่มีปัญหาตามมาอีก
“นับเป็นความสุขของกระหม่อมที่สามารถช่วยบรรเทาความกังวลของฝ่าบาทได้!”เหลียนป๋อ ได้หัวเราะออกมา
ลู่เฟิง ได้พยักหน้าและไม่พูดอะไร
เขาได้ถาม เหลียนป๋อ อีกสองสามคำ จากนั้นเขาก็พา ซุนฮก กั๋วเจีย และ ทาสดาบทั้งหก ไปจากที่นี่ เคลื่อนย้ายผ่านอาคมกลับไปที่เมืองหลวง
ก่อนหน้านั้นเขาได้นัด จินยี่เหว่ย ไว้รอแล้ว ตราบใดที่ ได้รับคำยินยอมจาก เหลียนป๋อ เขาจะดำเนินการแจ้งเรื่องนี้ให้ทุกคนทราบภายในสามวัน
เพื่อสร้างแรงผลักดันให้กับมู่หลาน
ในคฤหาสน์แห่งหนึ่งในเมืองหลวง จางซุนอู๋โกว ได้นั่งอยู่ข้างหน้าต่างและมองไปที่ท้องฟ้าเป็นเวลานาน
“คุณหนู!”ในขณะนี้เองสาวใช้ของเธอได้วิ่งเข้ามาจากข้างนอกอย่างมีความสุข
“มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”
จางซุนอู๋โกว ได้กล่าวถาม
“บ่าวได้ยินมาว่า เมื่อไม่นานมานี้ มีการเสนอให้ฝ่าบาทมีการแต่งตั้งพระชาและพระสนมขึ้นมา ด้วยความงดงามของคุณหนู ย่อมเป็นหนึ่งในตัวเลือกอย่างไม่ต้องสงสัย”สาวใช้กล่าวพูดด้วยความตื่นเต้น
ดูเหมือนเธอจะได้ยินข่าวลือในวังมาจึงรีบมารายงานทันที
“ข้าเข้าใจแล้ว”
จางซุนอู๋โกว ไม่ได้ตื่นเต้นเกินไป
เธอมาที่เมืองหลวง ตามข้อตกลงของพ่อของเธอ เพื่อที่จะแต่งงานกับจักรพรรดิและกลายเป็นนางสนมหรือไทเฮา
เธอไม่รู้จะทำตัวอย่างไรแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้
นี่คือชะตากรรมของหญิงสาวตระกูลขุนนาง ผลประโยชน์ของครอบครัวมาก่อนผลประโยชน์ส่วนตัวเสมอ
“คุณหนูทำไมท่านดูเหมือนจะไม่ค่อยดีใจเลยเจ้าคะ?”สาวใช้มองไปที่ จางซุนอู๋โกว ด้วยท่าทีสงสัย
จางซุนอู๋โกวได้สั่นศีรษะและตอบกลับ”เกี่ยวกับพิธีหารือจะเริ่มเมื่อไหร่?”
“เท่าที่บ่าวได้รับข่าวมาดูเหมือนเหล่าข้าราชบริพารกำลังหารือกันอยู่และน่าจะเริ่มในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้”
จางซุนอู๋โกว ได้พยักหน้า และตอบกลับ”เสี่ยวหยู บอกข้าด้วยเมื่อถึงเวลา”
“เจ้าค่ะ!”
“บ่าวขอตัวก่อน”
เสี่ยวหยู ได้จากไปทันที
จางซุนอู๋โกว ได้ลุกขึ้น และมองไปยังทิศทางของพระราชวัง”ตำแหน่ง ไทเฮา งั้นเหรอ ?”
สามวันต่อมา เหลือเวลาอีกสองวันก่อนจะขึ้นปีใหม่
ภายใต้การกระจายข่าวเต็มรูปแบบของ จินยี่เหว่ย ได้มีข่าวน่าตกใจออกมา
ปรากฏว่า ฮวามู่หลาน สตรีในวังลึกลับ ได้ถูก แม่ทัพใหญ่แห่งเมืองเฉียนซาน เหลียนป๋อ รับเป็นธิดาบุญธรรม
แม่ทัพเฒ่าเหลียนป๋อ ได้รับ ฮวามู่หลานเป็นธิดาบุญธรรมโยธรรมชาติ เรื่องนี้ไม่ใช่เพียงแค่ข่าวลือ เหลียนป๋อ ได้ออกมาประกาศว่าเขาได้ยอมรับ ฮวามู่หลาน เป็นธิดาบุญธรรมจริง ๆ
ไม่เพียงแต่ จินยี่เหว่ย ได้เผยเเพร่สิ่งเหล่านี้
สิ่งที่สำคัญในอาณาจักรหนานหยานที่สุดก็คืออะไร ?
แน่นอนว่าคือชื่อเสียง
ลู่เฟิง ได้ขอให้ จินยี่เหว่ย เล่าประวัติความดีของ ฮวามู่หลาน ออกมา
ด้วยเหตุนี้ก็เพียงพอแล้วว่าถึง สถานะตัวตนของ มู่หลาน ที่จะกลายเป็นธิดาบุญธรรมของเหลียนป๋อ
มีข่าวลือหนาหูว่า ฝ่าบาท เตรียมที่จะจัดงานอภิเษกขึ้นกับฮวามู่หลาน
พวกเขารู้ดีว่าโอกาสมันเป็นไปได้สูงมาก
ดังนั้นความคิดที่จะยกบุตรสาวในตระกูลให้แต่งออกไปจึงพังทลายลงอย่างไม่เป็นท่า
หนึ่งวันก่อนปีใหม่ ลู่เฟิง ได้นัดเหล่าขุนนางมาประชุมในห้องโถงเจิ้งหลง
“เหล่าขุนนางของข้า วันนี้ข้ามีเรื่องประกาศด้วยกันสองเรื่อง!”
“เรื่องแรกคือ ปีใหม่นี้จะเป็นวันเฉลิมฉลองแห่งชาติในเวลานั้นข้าจะจัดมอบความบันเทิงให้แก่ทุกคนหวังว่าพวกเจ้าทุกคนจะเข้าร่วม”
“พวกเรารับบัญชา”
ลู่เฟิง ได้ยิ้มออกมา”เรื่องที่สอง ข้าต้องการเลือกวันมงคลแต่งงานกับ ฮวามู่หลาน ข้าต้องการแต่งตั้งนางเป็นไทเฮา!”
“อาจารย์ฮู!”
“กระหม่อมอยู่นี่พะยะค่ะ!”ฮูหยิน ได้ก้าวออกไปข้างหน้า
“เรื่องนี้ข้าให้กรมพิธีการของท่านจัดการเรื่องวันมงคลที่ดีที่สุดโดยเร็วเข้าใจหรือไม่?”ลู่เฟิงจ้องมองไปที่ ฮูหยิน และกล่าวพูดขึ้น
ฮูหยิน ได้หัวเราะอย่างขมขื่น
เดิมแผนของเขาและเหวินอาน คือการเลือก สตรีจากจวนขุนนางของพวกเขาให้ตบแต่งกับฝ่าบาท
ตั้งแต่แรก ฮวามู่หลาน ไม่ได้อยู่ในการพิจารณาของพวกเขา เพราะพวกเขารู้ว่า ฮวามู่หลาน มีภูมิหลังที่ต่ำต้อยและไม่น่าจะเพียงพอให้คิดถึงเรื่องนี้
แต่เขาจะกล้ากราบทูลเรื่องเหล่านี้ต่อจักรพรรดิได้อย่างไร!
ใครจะไปคิดว่า ลู่เฟิง จะเดินทางไปหา แม่ทัพเฒ่าเหลียนป๋อ ให้อีกฝ่ายประกาศยอมรับ ฮวามู่หลาน เป็นธิดาบุญธรรมของตน ดังนั้นสถานะตัวตนของฮวามู่หลานจากต่ำต้อยจึงกลายเป็นสูงศักดิ์ทันที
ฮูหยิน เองก็เป็นขุนนางในราชสำนัก เขาเชี่ยวชาญในการวงกลยุทธ์ โดยธรรมชาติเขาย่อมไม่เชื่อคำพูดที่แพร่งพรายออกไป แต่ใครจะไปคิดว่า ฝ่าบาทจะเดินหมากเร็วกว่าเขาเสียอีก