MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ - ตอนที่ 227
“ก็ได้,พูดมาเถอะ ข้าจะไม่ถือโทษโกรธเคืองในคำพูดของเจ้า!”ลู่เฟิงยิ้มออกมา
กั๋วเจีย ได้พยักหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย”ฝ่าบาท แม้ว่า จางซุนห่าว จะมักใหญ่ใฝ่สูง แต่ จางซุนหวูจี๋ นั้นฉลาด เขาย่อมรู้แน่ว่าสิ่งนี้มันเป็นไปไม่ได้! ดังนั้น กระหม่อมคิดว่า จางซุนหวูจี๋ น่าจะลอบบอกกล่าวกับ น้องสาวของเขา จางซุนอู๋โกว อย่างแน่นอน ว่าไม่ให้ช่วยเหลือบิดาของพวกเขาทำตามความปราถนา”
“ถึงแม้ว่า จางซุนอู๋โกว จะตบแต่งเป็นพระสนมของพระองค์ กระหม่อมก็ไม่คิดว่า จางซุนอู๋โกว จะช่วยเหลือจางซุนห่าว ในเรื่องต่าง ๆ ยิ่งถ้า ฝ่าบาทยอมรับ จางซุนอู๋โกว เป็นสนม นี่ก็อาจจะทำให้ จางซุนหวูจี๋ จริงใจกับฝ่าบาทมากขึ้น เขาเป็นคนฉลาดย่อมรู้ว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้น กระหม่อมคิดว่า หากฝ่าบาทแต่งตั้งนางเป็นสนมเรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
ลู่เฟิง พิจารณาคำพูดของ กั๋วเจีย
หลังจาก กั๋วเจีย พูดจบ เขาก็ได้กล่าวถามอย่างแผ่วเบา”ไม่ทราบว่ากระหม่อมพูดอะไรผิดหรือไม่?”
“ป่าวเลย,เจ้าพูดได้ถูกแล้ว!”
ลู่เฟิงยิ้มออกมา”กั๋วเจีย แท้จริงแล้วเจ้ายังใช่มนุษย์จริงแน่งั้นหรือ ? ข้าได้รับข่าวจากจินยี่เหว่ยเมื่อไม่นานมานี้ว่า จางซุนหวูจี๋ ได้ลอบส่งจดหมายไปให้ น้องสาวของเขาจริง ๆ”
“อ๋อ?”
กั๋วเจีย รู้สึกประหลาดใจและรีบตอบกลับ”กระหม่อมไม่คิดเลยว่า จะคาดเดาถูกต้อง แสดงว่าฝ่าบาทน่าจะรู้เนื้อหาภายในจดหมายใช่หรือไม่?”
“ก็ตามที่เจ้าคาดเดานั่นแหล่ะ!”ลู่เฟิงยิ้มออกมา
เมื่อเห็นรอยยิ้มของลู่เฟิง กั๋วเจีย ก็ถอนหายใจออกมา”กระหม่อมเพียงคาดเดา ไม่คิดเลยว่าจะโชคดีขนาดนี้”
“โชคก็เป็นส่วนหนึ่งของความสามารถ!”
ลู่เฟิงยิ้มและตอบกลับ”เอาล่ะ เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก แม้ว่าจางซุนห่าว จะลงมือทำอะไรตอนนี้ เขาก็หาได้สำคัญ…”
ใบหน้าของ ลู่เฟิงได้กลายเป็นเคร่งขรึม”ยังมีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องจัดการ”
“พระองค์หมายถึง…”
ลู่เฟิง ได้ยื่นจดหมายจากจินยี่เหว่ย ให้กั๋วเจีย”เจ้าลองอ่านดู”
กั๋วเจีย หยิบ จดหมายขึ้นมาสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก”ฝ่าบาท นิกายดาบวิญญาณกลับเคลื่อนไหวเร็วถึงเพียงนี้?”
“ไม่ใช่แค่เคลื่อนไหว…”
ลู่เฟิงสั่นศีรษะ”ข้าคิดว่า นิกายดาบวิญญาณน่าจะส่งยอดฝีมือมาแทรกซึมภายในอาณาจักรหนานหยานแล้ว พวกเราไม่รู้เลยว่าพวกเขาจะทำอะไรต่อไป…”
หลังจาก หยุดชั่วครู่ เขาก็มองไปที่ กั๋วเจีย”เฟิงเซียว เจ้ามีความคิด ๆ หรือไม่?”
“นี่…”
กั๋วเจีย ได้ยิ้มอย่างบิดเบี้ยวและสั่นศีรษะ”ฝ่าบาท กระหม่อมไม่มีวิธีเลย สาเหตุก็เพราะ กระหม่อมไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของคนที่มาจากนิกายดาบวิญญาณ”
ลู่เฟิง ได้พยักหน้าและไม่ตำหนิ จินยี่เหว่ย ได้รับข่าวมาก็จริง แต่เพราะคนจากนิกายดาบวิญญาณไม่ได้ปกปิดตัวตนที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรไป๋หลัน ดังนั้นจึงหาได้ง่าย
แม้ว่าจะรู้ว่า นิกายดาบวิญญาณ หนุนหลัง อาณาจักรไป๋หลันอยู่ แต่ก็ไม่รู้ความแข็งแกร่งของพวกเขา ถึง ภูมิปัญญาของ กั๋วเจีย จะแตกต่างจากคนทั่วไป แต่ก็ยังยากที่จะคาดเดาเรื่องนี้ได้
“ในความเป็นจริงพวกเราไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไปนักในตอนนี้”กั๋วเจีย ได้ครุ่นคิดและพูดขึ้น
“เจ้าหมายความว่ายังไง?”ลู่เฟิงกล่าวถาม
กั๋วเจีย ได้ยิ้มออกมา”ฝ่าบาท เท่าที่รู้มา เมืองหลิงหยาง ได้มีข่าวว่ายอดฝีมือของนิกายดาบวิญญาณถูกสังหาร และ ประมุขน้อยนิกายดาบวิญญาณหวู่ฮงถูกจับตัว เรายังมีเชลยเป็นประมุขน้อยนิกายดาบวิญญาณอยู่ แม้ว่านิกายดาบวิญญาณต้องการจะทำอะไรบางอย่าง พวกเขาก็ยังต้องกังวลว่าเราจะทำอะไรกับ หวู่ฮง หรือไม่”
“ตามที่กระหม่อมได้ยินมา ในตอนที่เดินทางไปยังอาณาจักรไป๋หลันเมื่อไม่กี่ปีก่อน ประมุขน้อยหวู่ฮง เป็นบุคคลที่มีความสามารถมากในรอบร้อยปีของนิกายดาบวิญญาณ เขาได้รับความเคารพรักจากผู้คนในนิกายดาบวิญญาณอย่างมาก ดังนั้น ยอดฝีมือจากนิกายดาบวิญญาณไม่น่าจะกล้าทำอะไรผลีผลาม”
ลู่เฟิง รู้สึกตระหนักได้เล็กน้อย เป็นอย่างที่ กั๋วเจีย พูด หวู่ฮง ยังอยู่ในมือของเขา และคนของนิกายดาบวิญญาณไม่น่าจะกล้าทำอะไรผลีผลาม
จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา”เฟิงเซียว เจ้าทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ!”
กั๋วเจีย ได้ยิ้มออกมา”เรื่องนี้เป็นสิ่งที่กระหม่อมควรทำ”
“ข้าจะให้ เสี่ยวไห่ฉี ส่งเงินรางวัลบางส่วนไปที่บ้านของเจ้าภายหลัง เจ้าจะได้พบกับสหายคนรู้ใจคนนั้นของเจ้าอีกครั้ง”ลู่เฟิง กล่าวพูดออกมา
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
หลังจา กั๋วเจีย จากไป ลู่เฟิง ก็ให้ เสี่ยวไห่ฉี ส่งเงินรางวัลไปที่บ้านของอีกฝ่าย
เขามองไปที่ จดหมายในมือและพึมพัมออกมา”แม้ว่าคำพูดของ เฟิงเซียว จะถูกต้อง แต่นิกายดาบวิญญาณก็ไม่อาจคาดเดาอะไรได้”
“หวังว่าพวกเขาจะไม่ส่งยอดฝีมือไปลอบสังหารรัฐมนตรีของข้า”
ลู่เฟิง อาศัยอยู่ในพระราชวัง รอบนอกมีทหารรักษาพระองคืมากกว่า 200,000 นาย ทั้งยังมี ทาสดาบทั้งหก และ โจจู๋ เมื่อรูปแบบกองทัพควบแน่นกับยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์เหล่านี้ก็อาจพอทำให้คนของนิกายดาบวิญญาณหวาดกลัวได้มากขึ้น!
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีแม่ทัพชั้นนำอย่าง เตียวอุ๋น อม้ว่า อีกฝ่ายจะไม่โด่งดังเท่า เหลียนป๋อ หรือ เมิ่งเถียน แต่เขาก็เป็นหนึ่งในห้าแม่ทัพที่ดีที่สุดและมีความเชี่ยวชาญในการฝึกทหาร
นอกจากนี้ ยังมี จางฮั่น ที่คอยเตรียมพร้อมรออยู่ แม้แต่ยอดฝีมือขั้นราชาศักดิ์สิทธิ์ ก็ยังไม่กล้าผลีผลามเข้ามา ไม่ต้องพูดถึงลูกศรปราณที่เขามีอีกจำนวนมาก
ความกังวลเพียงอย่างเดียวของ ลู่เฟิง คือ นิกายดาบวิญญาณจะส่งยอดฝีมือขั้นราชาศักดิ์สิทธิ์มามากเกินไป
ขั้นราชาศักดิ์สิทธิ์นั้นแตกต่างจากขั้นปรมาจารย์โดยสิ้นเชิง ความสามารถด้านการต่อสู้ของพวกเขานั้นสูงมาก
หากมียอดฝีมือขั้นราชาศักดิ์สิทธิ์มากเกินไปในอาณาจักรแม้จะมีกองทัพคอยอารักษ์ขานับ 200,000 นายก็ไม่อาจเพียงพอที่จะหยุดยั้งคนเหล่านี้ได้
ลู่เฟิง ได้ครุ่นคิดสักพักและตะโกนเรียกออกไปนอกประตู”จางฮั่น!”
จางฮั่น เป็น ผู้พิทักษ์ลับของ ลู่เฟิง อีกฝ่ายได้อยู่ด้วยกันกับทาสดาบทั้งหกเพื่อปกป้องความปลอดภัยของลู่เฟิง
ความแตกต่างคือ จางฮั่น เป็นผู้พิทักษ์ด้านสว่าง ส่วน ทาสดาบทั้งหก คอยพิทักษ์อยู่ในเงามืด
“กระหม่อมอยู่นี่แล้วพะยะค่ะ!”
จางฮั่น ได้เดินเข้ามาและทำความเคารพ
“สั่งให้ จินยี่เหว่ย กระจายข่าวว่า ประมุขน้อยนิกายดาบวิญญาณถูกคุมขังไว้ในราชวัง แน่นอนว่าไม่ควรแพร่กระจายข่าวอย่างโจ่งแจ้งเกินไป แต่ค่อย ๆ ทำไป”
“ขอรับ!”
จางฮั่น ได้ตอบตกลงและรีบไปจัดการทันที
หลังจาก จางฮั่น จากไป ลู่เฟิงได้กล่าวถาม ระบบในใจของเขา”ระบบ ถ้าฉันฆ่าคนทั้งหมดจากนิกายดาบวิญญาณในคราวนี้ได้จะถือว่าภารกิจหนีการตามล่าของนิกายดาบวิญญาณเสร็จสิ้นหรือไม่?”
“ติ๊ง ระบบจะตัดสินว่าโฮสต์จะบรรลุภารกิจหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าคนที่นิกายดาบวิญญาณส่งมาเป็นใครมีความแข็งแกร่งเท่าใด”
ลู่เฟิง รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย”คุณไม่สามารถบอกฉันได้งั้นเหรอว่าใครมาที่นี่?”
ระบบ ไม่ได้ตอบกลับ
ลู่เฟิง ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก
เขาหวังว่า จะแก้ไขปัญหาเรื่องนิกายดาบวิญญาณและทำภารกิจให้สำเร็จ เท่านี้เขาจะได้รับโอกาสอัญเชิญและสามารถเพิ่มพลังได้อย่างมาก
เขาได้สูดลมหายใจเข้าลึกและตอบกลับ”ระบบ ฉันต้องการใช้โอกาสเดียวที่เหลืออยู่ในการเรียกอาวุธวิเศษเพื่อเปิดหีบสมบัติพิเศษ”
ลู่เฟิง ไม่ลืมว่าหลังจากเขาทำลายกองทัพขนส่งเสบียงของชูหยีครั้งล่าสุดเขาได้ทำภารกิจลับที่ซ่อนอยู่ผ่านและได้รับหีบสมบัติพิเศษ
เขายังไม่ได้เปิดหีบสมบัตินี้
ตอนนี้เขามีโอกาสอัญเชิญอาวุธวิเศษเหลือหนึ่งครั้งและเขาใช้มันเพื่อเปิดหีบสมบัติ
น่าเสียดายเดิมเขาต้องการเก็บไว้เรียกอาวุธที่ดีให้เกาชุนแต่สงสัยคงต้องรอโอกาสหน้าแล้ว
เพราะเขาไม่มีทางเลือกอื่น