MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ - ตอนที่ 229
ตามมารยาทในพิธีการ พวก นางสนม ที่แต่งเข้าวังนั้น จะไม่สามารถทำตัวเรียบง่ายหรือธรรมดาได้
ในตอนนี้ มู่หลาน ได้มีการแต่งหน้าเบา ๆ บนใบหน้าที่ประณีตสวยงามของเธอ
ชุดสีแดงยาวนั้นสลักปักลายฟีนิกซ์เอาไว้ควบคู่ไปกับชุดของลู่เฟิงดูแล้วเข้ากันอย่างมาก
“ได้เวลาแล้ว”
ในเวลานี้ ฮูหยิน ได้แจ้งเตือน ลู่เฟิง ให้ทั้งสองคำนับฟ้าดินตามธรรมเนียมประเพณี
ลู่เฟิง ไม่ได้สนใจคำพูดของอีกฝ่าย เขาก้าวไปข้างหน้า ฮวามู่หลาน และยื่นมือออกไปพูดเสียงดัง”ตัวข้านั้นหลงรักฮวามู่หลาน ธิดาบุญธรรมของแม่ทัพเฒ่าเหลียนป๋อ”
“วันนี้นางจะกลายเป็นไทเฮาของข้าเป็นจักรพรรดินีแห่งอาณาจักร”
“ข้าหวังว่าทุกคนจะให้การเคารพนางเหมือนกับที่เคารพข้า”
“ถวายบังคมจักรพรรดิ,ถวายบังคมไทเฮา”
“ขอพระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน”
“ขอพระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนานหมื่นปี ๆ”
“ลุกขึ้นได้!”
ลู่เฟิง ได้โบกมือขึ้น”นำมงกุฏฟีนิกซ์มา!”
“ขอรับ!”
เสี่ยวไห่ฉี ได้เดินไปหยิบมงกุฏฟีนิกซ์เข้ามาอย่างรวดเร็ว
การประดับมงกุฏฟินิกซ์นั้น ถูกเชื่อมด้วยลวดลายที่เด่นตระการตา มีไข่มุกอัญมณีน้ำหนักเบาบนมงกุฏตัวเลขนี้บ่งบอกถึงสถานะ อัญมณีนั้นน้อยที่สุด 95 ชิ้น และ สูงที่สุด128 ชิ้น จำนวนไข่มุกสูงสุดนั้นคือ 5,449 เม็ด และต่ำสุด คือ 3,426 เม็ด
จำนวนอัญมณีและไข่มุกแสดงถึงสถานะของราชินี
โดยทั่วไปแล้ว ราชินีที่ได้รับความเคารพมั่นเปี่ยมคุณธรรมจะได้รับการฝังอัญมณีชั้นยอดทั้งหมด 128 ชิ้น และ ไข่มุก 5,449 เม็ด
แน่นอนว่า ฮวามู่หลาน คือ ราชินี ในดวงใจของเขาเพียงหนึ่งเดียว มงกุฏฟีนิกซ์ของเธอจึงเต็มไปด้วยสิ่งล้ำค่ามากที่่สุด
เขาได้สั่งให้ ฝังอัญมณี 128 ชิ้น และ ไข่มุก 5,449 เม็ด บนมงกุฏฟีนิกซ์โดยตรง
ลู่เฟิง ได้รับมงกุฏฟีนิกซ์ มา และต้องการสวมให้กับ ฮวามู่หลานด้วยตัวเอง
“มู่หลาน ให้ข้าสวมมงกุฏฟีนิกซ์ให้เจ้าเถอะ!”ลู่เฟิง มองไปที่ ฮวามู่หลาน อย่างรักใคร่
“เพคะ”ฮวามู่หลาน รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ลู่เฟิง ขอให้เธอเป็นราชนีและอีกฝ่ายก็แสดงความรักออกมาอย่างชัดเจน
ลู่เฟิง ได้ถือมงกุฏและกำลังจะสวมใส่ลงบนศีรษะของฮวามู่หลาน
“เเป๊ะ ๆ “
ในขณะนั้นเองก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นจากนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังออกมา”ฮ่าฮ่า,ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาทันเวลางานมงคลสินะ”
ลู่เฟิง มองไปที่ ฮวามู่หลาน และกล่าวกระซิบ”มู่หลาน ไว้ข้าจะสวมมงกุฏฟีนิกซ์ให้เจ้าอีกครั้งภายหลัง”
ฮวามู่หลาน จ้องมองไปที่ ลู่เฟิง ด้วยความกังวล เธอได้พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง”หม่อมฉัน เข้าใจแล้วเพคะ”
ลู่เฟิง ได้ส่งมอบมงกุฏฟีนิกซ์คืน เสี่ยวไห่ฉี
จากนั้นเขาก็หันหน้าไปมองยังทิศทางของเสียงมีคนห้าคนเดินเข้ามา
ด้านหน้าของกลุ่มคนนี้นำมาด้วยชายชราผมขาวโพลนเขาแข็งแกร่งมากจนผู้คนไม่กล้าสบตาเขา
บรรดารัฐมนตรีของอาณาจักรที่ไม่แข็งแกร่งต่างก็ก้มหน้าลงในเวลานี้
แรงกดดันนี้ยับยั้งไม่ให้พวกเขาเงยหน้าขึ้น
ลู่เฟิง มองไปที่คนเหล่านี้และพึมพัออกมา”คนจากนิกายดาบวิญญาณ ในที่สุดก็มาถึง ข้ารอพวกเจ้าอยู่พอดีเลย!”
คนเหล่านี้ตรงหน้าทั้งหมดสวมใส่ชุดคลุมของนิกายดาบวิญญาณ
ลู่เฟิง ได้ใช้เทคนิคสำรวจพลังความแข็งแกร่งของพวกเขา คนที่นำคนเหล่านี้มามีนักรบขั้นราชาศักดิ์สิทธิ์ระดับ 1 นี่ทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย
ไม่คิดเลยว่านิกายดาบวิญญาณจะส่งยอดฝีมือขั้นราชาศักดิ์สิทธิ์มา
แต่ในไม่ช้า ความรู้สึกประหลาดใจก็เปลี่ยนเป็นความตื่นเต้น ด้วยศัตรูที่มีระดับพลังขั้นราชาศักดิ์สิทธิ์น่าจะเพียงพอทำให้ภารกิจของเขาสำเร็จได้
สำหรับคนอื่น ๆ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดรองมาคือยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์ระดับ 7 ส่วนที่เหลือก็ไม่ต้องกังวล
“ให้ข้าแนะนำตัว ข้าคืออาวุโสลำดับที่สองของนิกายดาบวิญญาณ ข้ามาที่นี่ เพื่อช่วยประมุขน้อยนิกายดาบวิญญาณ และ สังหารรัฐมนตรีทั้งหมดของอาณาจักรหนานหยาน โทษฐานที่กล้าหยามเกียรตินิกายดาบวิญญาณของข้า!”
สิ่งที่เขาพูดนั้นมันเป็นธรรมชาติของการแสดงความโกรธ
ออร่าพลังที่แข็งแกร่งทำให้รัฐมนตรีหลายคนกลัวจนหน้าซีด
“ฆ่ารัฐมนตรีทั้งหมดของอาณาจักรหนานหยานของข้า?”
ลู่เฟิง มองไปที่ หวู่บ๋อเหวิน และกล่าวพูดเบา ๆ “เจ้าอายุเท่าไหร่กัน?”
ในขณะเดียวกัน เขาก็ปล่อยอำนาจพลังบารมีของจักรพรรดิออกมา
บารมีจักรพรรดิของเขาไม่น้อยไปกว่าแรงกดดันที่น่าประทับใจของ หวู่บ๋อเหวิน ที่อยู่ในขั้นราชาศักดิ์สิทธิ์
ดูเหมือนว่า พลังอำนาจบารมีจักรพรรดิของลู่เฟิงจะเหนือกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ
มันเป็นเรื่องปกติ ลู่เฟิง ได้ครอบครองพลังอำนาจของจักรพรรดิ พลังอำนาจที่จักรพรรดิได้ควบแน่นผ่านทุกยุคสมัย มันเป็นไปไม่ได้ที่ยอดฝีมือขั้นราชาศักดิ์สิทธิ์คนนึงจะเทียบได้
ถ้าไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของ ลู่เฟิง ต่ำเกินไป เขาคงจะปราบปราม หวู่บ๋อเหวิน ได้ด้วยพลังอำนาจจักรพรรดิของเขา
ด้วยอำนาจบารมีจักรพรรดิของลู่เฟิง แรงกดดันที่มีอยู่ในห้องได้หายไปทันที
พวกเขามองไปที่ ลู่เฟิง ด้วยสายตาที่ตกใจ แม้แต่ หวู่บ๋อเหวิน ก็เช่นเดียวกัน
อำนาจพลังของ ลู่เฟิงแข็งแกร่งมาก
พวกเขารู้สึกชื่นชมลู่เฟิงอย่างมาก
ไม่เเปลกใจที่ ฝ่าบาท ไม่เกรงกลัวคนเหล่านี้ สามารถประสบความสำเร็จเช่นนี้ได้ ในอนาคตของฝ่าบาทย่อมต้องราบรื่นอย่างแน่นอน
เพราะงี้ในใจของรัฐมนตรีหลายคนจึงเต็มไปด้วยความชื่นชม
แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ยังหวาดกลัวศัตรูเบื้องหน้าของพวกเขาอยู่ดี
หวู่บ๋อเหวิน มองไปที่ ลู่เฟิง ด้วยสายตาซับซ้อน
เขาเป็นนักรบขั้นราชาศักดิ์สิทธิ์ระดับ 1 ออร่าพลังของเขาสามารถฆ่ายอดฝีมือภายในอาณาจักรหนานหยานได้ด้วยพลังออร่าเพียงอย่างเดียว
แต่ เด็กคนนี้ ที่มีพลังเพียงระดับ 8 ขั้นเชื่อมจิตวิญญาณ แม้จะนับว่ามีพรสวรรค์ แต่ก็ไม่น่าจะต้านทานแรงกดดันของตนเองได้
การที่แรงกดดันของเขาถูกล้มล้างหายไปมันเป็นเรื่องที่ผิดปกติ
ใบหน้าของ หวู่บ๋อเหวิน ได้เปลี่ยนไป ดูเหมือนว่าเขาจะดูถูกอีกฝ่ายมากเกินไป
แต่เมื่อ เขาสำรวจภายในห้องก็พบว่าที่นี่มีเพียงยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์เท่านั้น ไม่มียอดฝีมือขั้นราชาศักดิ์สิทธิ์
ด้วยสิ่งนี้จะมีใครสู้เขาได้ เขายังต้องกังวลอะไรอีก?
เขามองไปที่ ลู่เฟิง และยิ้มเบา ๆ “ลู่เฟิง ในฐานะอาวุโสลำดับสองของนิกายดาบวิญญาณ ข้าขอประกาศว่าเจ้าได้ตายไปแล้ว!”
“ในฐานะจักรพรรดิแห่งอาณาจักรหนานหยาน ข้าเองก็ขอประกาศว่าเจ้าได้ตายไปแล้ว!”ลู่เฟิง ได้พูดในสิ่งเดียวกัน
“ฮ่าฮ่า!”
เมื่อ หวู่บ๋อเหวิน ได้ยินดังนั้นเขาราวกับได้ยินเรื่องตลกที่สุดในชีวิต”อาศัยเพียงยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์ของเจ้าที่มีอยู่ คิดจะสังหารข้าหรือไม่? หรือจะบอกว่าแท้จริงแล้วเจ้ายังมียอดฝีมืออื่นหลบซ่อนตัวอยู่อีก?”
“จะใช่หรือไม่นะ”
ลู่เฟิง ยิ้มเยาะออกมา”แม่ทัพเหลียนป๋อรับคำสั่ง!”
ในเวลาเดียวกันเขาก็กล่าวในใจ”ระบบเปิดใช้การ์ดปลดล็อคขั้นพลังกับเหลียนป๋อ!”