MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ - ตอนที่ 82
เมื่อทหารเหล่านี้จ้องมองไปที่ลู่เฟิงอย่างสงสัย,ลู่เฟิงก็ชี้ไปที่ ฮัวโต๋ และ กล่าวพูดเสียงดัง”ท่านสุภาพบุรุษทุกท่าน ชายชราคนนี้ชื่อ ฮัวโต๋ เป็นหมอวิเศษของขบวนแห่หยูโจว ตอนนี้ เขาเป็นคนสั่งการและทำหน้าที่บริการทางการแพทย์ของอาณาจักรหนาน เขาจะมารับหน้าที่รักษาทุกคน”
ทหารด้านล่างได้ยินดังนั้นก็จ้องมองไปที่ลู่เฟิงด้วยความไเชื่อ
แม้จะเป็นแพทย์หลวงของอาณาจักรแต่จะให้มารักษาอาการบาดเจ็บที่สาหัสของพวกเขา?
แน่นอนว่าก็ยังไม่สามารถทำได้
ขณะที่คนเหล่านี้ไม่เชื่อ ฮัวโต๋ ก็ก้าวเท้าออกไปและพูดขึ้น”ข้าชายชรา ฮัวโต๋ อยากจะรักษาพวกท่านทุกคน”
ฮัวโต๋ได้กล่าวพูดออกมาก่อนที่เขาจะขยับมือขึ้น”หัตถ์แห่งการฟื้นฟู!”
รอบตัวของ ฮัวโต๋ ได้ปรากฏพลังงานสีเขียวขึ้น
ภายใต้การควบคุมของเขามันได้ลอยไปยังทหารที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ก่อนที่จะปกคลุมร่างกายของผู้คนนับหมื่นและเริ่มฟื้นฟูรักษาอาการบาดเจ็บของพวกเขา
ลู่เฟิงได้ลอบพยักหน้าอย่างลับ ๆ เขาเองก็รู้สึกชื่นชมความสามารถในการรักษาเช่นนี้ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าอาการบาดเจ็บของทหารเหล่านี้มีหนทางเดียวก็คือการนอนรอความตาย แต่ตอนนี้ชีวิตของพวกเขากำลังถูกช่วยขึ้นมาจากประตูแห่งความตาย
ทหารบาดเจ็บที่ไม่ได้ร้ายแรงเมื่อเทียบกับทหารคนอื่น ๆ พวกเขานั้นเห็นผลลัพธ์ดีกว่ามาก
“ตามที่คาดไว้ หมอวิเศษฮัวโต๋ ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ !”
ลู่เฟิง รู้สึกตื่นเต้นมาก
ตราบใดที่คนเหล่านี้ไม่ตายและอาการบาดเจ็บของพวกเขาฟื้นฟูขึ้น เขาจะไม่เพียงแต่มีทหารชั้นยอดหนึ่งหมื่นคน ในอนาคต ฮัวโต๋ ยังสามารถรักษาอาการบาดเจ็บสาหัสของทหารในอนาคตได้
นี่คือผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด!
ไม่นานใบหน้าของ ฮัวโต๋ ก็ซีดเผือกร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนเเรง
เมื่อ ลู่เฟิง เห็นดังนั้นเขารีบไปพยุงฮัวโต๋และกล่าวถามทันที”หยวนฮัว เจ้าเป็นยังไงบ้าง?”
ฮัวโต๋ได้สั่นศีรษะ”ข้าน้อยไม่เป็นอะไร คราวนี้เพียงแค่ใช้เวลาในการแสดงพลังมากเกินไปทำให้ข้าน้อยเหนื่อยล้าเท่านั้นแค่พักผ่อนนิดหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว”
“งั้นเจ้าไปพักผ่อนเถอะ”
“ฝ่าบาท ข้าน้อยจะเขียนใบสั่งยาให้พระองค์ภายหลัง,พระองค์สามารถให้คนไปค้นหาวัตถุดิบยาตามใบสั่งเหล่านี้เพื่อทำซุปและมอบให้กับทหารทุกคน ยกเว้นผู้ที่ แขนขาหัก คนกลุ่มอื่น ๆ น่าจะฟื้นฟูกันเกือบหมดแล้ว”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
หลังจากที่ฮัวโต๋ลงไปเขาก็รีบเขียนใบสั่งยา ลู่เฟิงได้รับใบสั่งยามาและขอให้ทหารจินยี่เหว่ยรีบไปจัดการ
ไม่นานทหารจินยี่เหว่ยหลายคนก็ถือซุปยามาให้ทหารที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเหล่านี้
ผ่านไปสามชั่วโมงในที่สุด ลู่เฟิง ก็เห็นทหารที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสซึ่งนอนอยู่บนพื้นลุกขึ้นยืน
สองคนสามคนสี่คนห้าคน…
ในท้ายที่สุดทหารที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสส่วนใหญ่ได้ลุกขึ้นและมีเพียงทหารบางคนที่ได้รับบาดเจ็บเป็นพิเศษเท่านั้นที่ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้
พวกเขาจ้องมองไปที่ลู่เฟิงและคุกเข่าลงข้างหนึ่งก่อนที่จะพูดเสียงดัง”ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ช่วยให้พวกเราได้ชีวิตอีกครั้ง”
พวกเขารู้ดีว่าหากไม่ได้เพราะลู่เฟิงขอให้หมอคนนั้นมารักษาพวกเขาตามอาการบาดเจ็บพวกเขาก็คงได้แต่นอนรอความตายหรือถูกส่งไปยังสวรรค์โดยพี่น้องของพวกเขา
แต่ตอนนี้พวกเขาดีขึ้นแล้ว!
ลู่เฟิงก้าวไปข้างหน้าและพูดเสียงดัง”พวกเจ้าทุกคนล้วนเป็นประชากรที่ดีของอาณาจักรหนานหยานของข้า ตอนนี้ข้าสามารถบอกพวกเจ้าได้อย่างชัดเจนว่าในหมู่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาจะไม่ตาย”
ถ้าลู่เฟิงกล้าพูดแบบนี้ก่อนหน้านี้เหล่าทหารคงจะไม่มีใครเชื่อแต่ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
เนื่องเพราะทหารที่กำลังจะตายซึ่งนอนอยู่บนพื้นได้ส่งเสียงครวญครางในตอนเช้าก่อนหน้านี้ทุกคนได้ลุกขึ้นยืนสภาพของพวกเขาได้กลับคืนมาอีกครั้ง
“ขอฝ่าบาททรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน!”
“ขอฝ่าบาททรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน!”
“ขอฝ่าบาททรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน!”
ทุกคนที่อยู่ที่นี่ ต่างก็ส่งเสียงร้องโหยหวนของความภักดีออกมา
“ติ๊ง ระบบตรวจพบความภักดีของ ฮัวโต๋ ที่มีต่อโฮสต์เพิ่มขึ้น 10 แต้ม สถานะความภักดีปัจจุบัน 85 แต้ม”
ลู่เฟิง ได้ยินดังนั้นก็จ้องมองไปที่ ฮัวโต๋ ที่ยืนอยู่ใต้อัฒจันทร์พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ที่เขาทำให้อีกฝ่ายมาอยู่ใต้บังคับบัญชาล้วนดีกว่ามาก
ลู่เฟิง ได้จัดให้ ทหารจินยี่เหว่ยเหล่านี้ช่วยเหลือทุกคนให้ได้มากที่สุด สำหรับผู้ที่แขนขาหัก ลู่เฟิง ได้สั่งให้ทหารจินยี่เหว่ยส่งพวกเขากลับไปยังเมืองหลวงและมอบหน้าที่ให้ ซุนฮก จัดการต่อแทน
สำหรับเรื่องที่ ซุนฮก จะจัดการอย่างไร ลู่เฟิง เองก็ไม่รู้
แต่เขาเชื่อว่า ซุนฮก คงจะไม่ปล่อยให้ทหารที่ช่วยเหลืออาณาจักรเหล่านี้ต้องเดือดร้อนอย่างแน่นอน อีกฝ่ายเป็นคนฉลาดเขาย่อมรู้วิธีจัดการ
หลังจากนั้นไม่นานกลุ่มทหารก็ออกจากที่นี่ไป ลู่เฟิง ได้กลับไปยังคฤหาสน์เมืองว่านเหอ
“ขอแสดงความยินดีฝ่าบาท ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน!”
ทันทีที่เขาเดินเข้าไปในคฤหาสน์เขาก็ได้ยินเสียงคำทักทายของแม่ทัพคนอื่น ๆ เช่น เกาชุน ลิโป้ เจี๋ยสวี่ หานเซิ่น
ลู่เฟิง ได้จ้องมองไปที่พวกเขาด้วยรอยยิ้ม”มีอะไรน่ายินดีงั้นหรือ?”
“ฝ่าบาท ท่านฮัวโต๋ มีความสามารถในการฟื้นฟูที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ เขาสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของทหารที่ได้รับบาดเจ็บภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน เท่านี้เราก็ไม่ต้องกังวลแล้ว”เจี๋ยสวี่ ได้ยิ้มตอบกลับ
เกาชุนได้พยักหน้า”ด้วยวิธีนี้ทหารของพวกเราจะมีความหวังในสนามรบเพิ่มมากขึ้น ยังไงก็ตามพวกเราจะตอบแทนครอบครัวผู้สูญเสียอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการที่มีท่านฮัวโต๋อยู่ จะทำให้ประสิทธิภาพการรบของทหารเพิ่มขึ้นมากกว่า 200%”
“ทั้งเรายังสามารถรับประกันความเสียหายจากสนามรบได้ดีกว่าเดิมด้วย!”
ลู่เฟิงได้ยิ้มในใจ”เช่นนั้นพวกเจ้ารู้ถึงความสำคัญของ หยวนฮัว ต่ออาณาจักรหนานหยานของข้าแล้วใช่หรือไม่ ? ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะให้ความเคารพเแก่เขา”
สิ่งที่เกาชุนพูดคือสิ่งที่ลู่เฟิงคิดก่อนหน้านี้ ไม่งั้นเขาคงไม่ยอมเสียโอกาสอัญเชิญจำนวนมากเพื่อแลกเปลี่ยนโอกาสในการเรียกฮัวโต๋
เมื่อเกาชุนและคนอื่น ๆ ได้ยินคำพูดของ ลู่เฟิง พวกเขาก็รีบตอบ แม้ว่า ลู่เฟิงจะไม่ได้พูด แต่พวกเขาย่อมไม่ทำให้ฮัวโต๋ ขุ่นเคืองอย่างแน่นอน เพราะอีกฝ่ายมีความสามารถในการรับประกันชีวิตของพวกเขาได้ พวกเขาจะกล้าไปทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองได้อย่างไร
ลู่เฟิง ได้มองไปรอบๆ และกล่าวถาม”งานที่ข้าให้พวกเจ้าไปทำเป็นอย่างไรบ้าง?”
เกาชุน ได้กล่าวพูดขึ้น”ฝ่าบาท ตามข่าวของจินยี่เหว่ย ตระกูลใหญ่ในมณฑลจงซานที่มีชื่อเสียงไม่ดีและปฏิเสธความช่วยเหลือของแม่ทัพหานเซิ่น ต่างก็ถูกสังหารทั้งหมด มีตระกูลมากกว่าร้อยตระกูลถูกทำลาย”
“มีตระกูลที่เหลืออยู่บางตระกูลที่ไม่ฟังคำสั่งของ หานเซิ่น แต่เนื่องจากชื่อเสียงที่ดี ทางเราจึงได้จับตัวผู้นำตระกูลของพวกเขากลับมาเพียงเท่านั้นสมาชิกคนอื่น ๆ ของพวกเขาได้รับการละเว้น”
ลู่เฟิงพยักหน้า นี่เป็นคำสั่งที่เขามอบให้คนเหล่านี้
มีหลายตระกูลจำนวนมากในมณฑลจงซาน มันเป็นไปไม่ได้ที่ ลู่เฟิง จะฆ่าพวกเขาทั้งหมด ดังนั้น เจี๋ยสวี่ จึงให้คำแนะนำแก่เขา : ให้ฆ่าหนึ่งตระกูลเว้นหนึ่งตระกูล
พูดง่าย ๆ ก็คือการกวาดล้างตระกูลที่ไม่ให้ความร่วมมือและมีชื่อเสียงไม่ดี กับ จับผู้นำตระกูลที่ปฏิเสธความช่วยเหลือแต่มีชื่อเสียงตระกูลที่ดี ให้เป็นตัวอย่างแก่คนอื่น ๆ นี่จะทำให้ คนอื่น ๆ เคารพและยำเกรงเขามากขึ้น
หากเป็นไปได้ ลู่เฟิง ก็ต้องการตระกูลที่ยอมตายเพื่ออาณาจักรและมีชื่อเสียงที่ดี แต่น่าเสียดาย มณฑลจงซานไม่มีตระกูลเหล่านี้
“พวกเขาอยู่ที่ไหน?”ลู่เฟิงกล่าวถาม
“ข้าน้อยได้เก็บพวกเขาไว้ในค่ายทหารเมืองว่านเหอและให้คนจากค่ายกลยุทธ์เฝ้าจับตาพวกเขาเอาไว้”
“ให้ค่ายกลยุทธ์จับตาดู?”