My Cold and Elegant CEO Wife - ตอนที่ 612
ตอนที่ 612 โลกของเหล่ายอดยุทธ์โบราณ
“ฉิงเฟิง, กระบี่ยาวนี้ไม่อาจปล่อยทิ้งไว้เช่นนั้นได้ พลังงานมืดจากหินสะเก็ดดาวจะ ทําให้เกิดอันตรายต่อร่างกายของเจ้าอย่างมาก ข้าจะดึงมันออกมาให้เจ้า” สู่เตาซางกล่าวพร้อมขมวดคิ้ว
” ผมพยายามเอามันออกแล้ว แต่ก็ทําไม่ได้ ท่านทราบวิธีเอามันออกด้วยหรือ ?”
ฉิงเฟิงส่ายหัวด้วยใบหน้าซีดเซียว
“พลังในหินสะเก็ดดาวนั้นมันไม่ธรรมดา ต้องใช้วิธีการพิเศษบางอย่างถึงจะดึงมันออกได้ใช้เพียงแรงกายไม่มีประโยชน์อันใด” ลู่เซางอธิบาย เขาเคยเห็นอาวุธที่ทํามาจากหินสะเก็ดดาวมาก่อนและรู้วิธีจัดการกับมัน
“ท่านเจ้าอาวาส ผมอยากทราบเกี่ยวกับระดับความแข็งแกร่งของกุ้ยหวี่ชางและพลังที่ท่านครอบครอง” ฉิงเฟิงขมวดคิ้วและถามด้วยความอยากรู้ เขาให้ความสําคัญกับเรื่องนี้มากกว่าอาการบาดเจ็บของตัวเองซ้ําด้วย
ฉิงเฟิงคิดว่าพลังทําลายของวิชาฝามือของกุ้ยหวี่ชางที่สามารถทําให้เจ้าโล้นและอลิซหมดสภาพได้ในฝ่ามือเดียวนั้นไม่ธรรมดาอย่างมาก พลังทําลายของมันแกร่งยิ่งกว่าหมัดราชันหมาปาหรือหมัดผู้พิชิตของเขาด้วยซ้ํา
“ฉิงเฟิง เจ้าคือวูฟคิง ราชาของทั้งทวีปหมาป่า เจ้าคือตัวตนที่อยู่ในจุดสูงสุดของราชันในยุคนี้ข้าขอถามหน่อย หมัดสุดแรงเกิดของเจ้านั้นเป็นเช่นไร ?”
แทนที่จะตอบคําถาม แต่ลูเต๋ซางกลับตั้งคําถามขึ้นมาแทน
แม้ว่าจะไม่แน่ใจถึงจุดประสงค์จากคําถามของเขา แต่ฉิงเฟิงก็ตอบว่า ”ประมาณ 500 กิโลกรัม ถ้าใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดที่มี”
พลังหมัด 500 กิโลนั้นเป็นอย่างไร ? ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆก็คือ ถ้าฉิงเฟิงเจอสิงโตหรือเสือ เขาสามารถใช้หมัดเดียวฆ่าได้ทันที
สู่เตาซางยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “ฉิงเฟิง พลังหมัดของกุ้ยหบูชางมากกว่าเจ้า 5 เท่า ซึ่งก็คือ2500 กิโล” คําพูดของลู่เตซางทําให้ฉิงเฟิงและทุกคนโดยรอบตกใจอย่างมาก
“เป็นไปไม่ได้ ! แม้แต่ผมซึ่งมีพลังในระดับ SSS ขั้นสูงสุด ก็ทําได้เพียงแค่ 500 กิโลในการออกหมัดหนึ่งครั้ง แล้วกุ้ยหวี่ชางนั่นทําได้อย่างไร ? หรือว่ามันก็เป็นราชันเหมือนกัน ? ไม่สิ แม้แต่ราชันทั่วทั้งโลกที่ผมรู้จักก็ไม่มีใครออกหมัดที่มีพลังถึง 2500 กิโลได้” ฉิงเฟิงกล่าวด้วยความสง
ถ้าหากเป็นคนอื่นที่บอกกับเขาเช่นนี้ว่ากุ้ยหญ่ชางมีพลังหมัดถึง 2500 กิโล ฉิงเฟิงคงจะด่าว่าคนๆนั้นไร้สาระ แต่ตอนนี้คนพูดก็คือนักพรตเฒ่า อาจารย์ของเจ้านักพรต ฉิงเฟิงจึงเต็มไปด้วยความสงสัยและตกใจ
“ฉิงเฟิง ข้ารู้ว่าเจ้านั้นข้องใจ แต่จงมองโลกให้กว้างขึ้นหน่อย เจ้านั้นเป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญและราชันในหมู่ “ปุถุชนธรรมดา” เท่านั้น มีโลกของเหล่านักสู้ที่เหนือกว่าพวกเจ้าขึ้นไปอีกพวกนั้นเรียกว่า“ยอดยุทธ์โบราณ” [Ancient Martialists)” เมื่อเห็นความสงสัยในดวงตาของฉิงเฟิงลู่เดซางจึงกล่าว
ยอดยุทธ์โบราณ ?
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วนี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้ยินชื่อนี้ ครั้งแรกจากอาจารย์ของเขาราชาอสูรมีดวายุซึ่งบอกกับฉิงเฟิงว่าราชันผู้พิชิต, พ่อของฉิงเฟิงคือหนึ่งในเหล่ายอดยุทธ์โบราณ เมื่อฉิงเฟิงถามเกี่ยวกับคนเหล่านั้น อาจารย์ของเขาตอบเพียงว่า คนเหล่านั้นคือตัวตนที่อยู่เหนือคนธรรมดาทั่วไป
“ฉิงเฟิง, ยอดยุทธ์โบราณอยู่เหนือคนทั่วไป ศิลปะการต่อสู้ต่างๆนั้นได้เจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลของหัวเซี่ย ยอดยุทธ์โบราณก็คือกลุ่มคนที่ฝึกฝนอยู่ในนิกายหรือสํานักที่แตกต่างกัน เช่น วัดเส้าหลิน เขาบู๊ตึง ง้อไบ๊ ตําหนักโกสคิง และอื่นๆ”
“พวกเขามาจากสํานักและตระกูลที่แตกต่างกัน คนเหล่านี้มีวิธีฝึกฝนที่ต่างจากกังฟูสมัยใหม่เช่นพวก มวย เทควันโด เหล่ายอดยุทธ์โบราณมีวิธีฝึกเฉพาะของพวกเขา เช่นการฝึกวิชาคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นหรือฝึกหมัดไท่เก๊กของผู้ตั้ง”
“ยอดยุทธ์โบราณที่ระดับพลังอยู่ในขั้นใต้สวรรค์แทบจะอยู่ยงคงกระพัน ดาบหรือปืนไม่สามารถทําอันตรายใดๆแก่คนผู้นั้นได้ ถ้าเป็นขั้นเหนือสวรรค์ คนผู้นั้นจะสามารถเดินบนผิวน้ําส่วนถ้าสามารถฝึกฝนจนทะลวงไปถึงขั้นแกรนมาสเตอร์ได้ คนๆนั้นจะสามารถบินบนท้องฟ้าได้ สร้างบาดแผลให้ศัตรูด้วยใบไม้ได้ สังหารศัตรูอย่างไร้ร่องรอยได้อีกด้วย”
” ข้าก็เคยนับเป็นหนึ่งในผู้ฝึกยุทธ์โบราณ แต่ระดับพลังของข้าลดลงอย่างมากจากอาการบาดเจ็บที่เส้นลมปราณ ดังนั้นทั้งหมดที่ข้ากล่าวว่าก็เพื่อจะบอกเจ้าว่า เหล่ายอดยุทธ์โบราณนั้นอยู่เหนือจินตนาการของเจ้า”
ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ลู่เตซางอธิบายให้ฉิงเฟิงฟังสั้นๆเกี่ยวกับเหล่ายอดยุทธ์โบราณ
เหล่ายอดยุทธ์โบราณคงอยู่มาตั้งแต่สมัยยุควัดเส้าหลิน แต่มันไม่ได้เป็นที่เตะตาคนทั่วไปเพราะในแวดวงผู้ฝึกยุทธ์ได้กําหนดไว้ให้เหล่าลูกศิษย์หรือสมาชิกในนิกายว่า ไม่ควรไปแทรกแซงวิถีชีวิตของคนธรรมดา เป็นเหตุให้เหล่านักสู้ทั่วไปจนถึงนักสู้ระดับ SSS อย่างพวกฉิงเฟิงไม่เคยพบคนเหล่านี้มาก่อน
แต่แน่นอนว่า กฏย่อมถูกแหกอยู่เสมอ เรื่องที่โกสคิงส่งลูกศิษย์มาฆ่าฉิงเฟิงถือเป็นตัวอย่างหนึ่ง
” ท่านเจ้าอาวาส, ยอดยุทธ์โบราณเหล่านั้นแกร่งกว่าผมไหม ?” ฉิงเฟิงขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย
เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญและนักสู้คนหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นราชันในทวีปหมาป่าและโลกใต้ดิน มันเป็นเรื่องยากสําหรับเขาที่จะให้ยอมรับในทันทีว่าที่จริงแล้วเขาถูกครอบงําโดยคนกลุ่มหนึ่ง
“ฉิงเฟิง ถ้าข้าพูดออกไปเจ้าอย่าใจแคบและคิดมากเกินไปละ จริงอยู่ที่เจ้าเป็นที่สุดในหมู่คนธรรมดา แต่ในสายตาของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์โบราณ เจ้าอ่อนแอที่สุด อ่อนแอราวกับมดปลวก”
คําพูดของลู่เซางคือหมัดหนักอีกหมัดหนึ่งที่ฉีกกระชากความภาคภูมิใจของเขาจนไม่เหลือนดี
ฉิงเฟิงตกใจและพูดไม่ออก เขากล่าวว่า ” ท่านเจ้าอาวาส หยุดกดผมให้ต้อยต่ําขนาดนั้นได้แล้ว ผมคือวูฟคิงผู้ไร้เทียมทานในโลกใต้ดิน ผมจะถูกลดขั้นไปเป็นผู้อ่อนแอที่สุดในหมู่คนเหล่านั้นเลยหรือ ?”
ลู่เซางส่ายหัวถอนหายใจและกล่าวว่า ” หมัดสุดแรงเกิดของเจ้ามีพลัง 500 กิโล ในขณะที่ผู้ฝึกยุทธ์โบราณระดับใต้สวรรค์ขั้นต่ําสุดมีพลังหมัดที่ 1000 กิโล เพียงเท่านี้เจ้ายังมองความต่างไม่ออกอีกหรือ ? มันแปลกตรงไหนที่ข้ากล่าวเจ้าอ่อนแอที่สุด ?”
เรื่องบ้าอะไรกัน ? แม้แต่นักสู้ระดับต่ําสุดยังมีกําลังหมัดถึง 1000 กิโลกรัม ?
ฉิงเฟิงตกใจอย่างมาก
” ท่านเจ้าอาวาส กรุณาบอกผมเกี่ยวกับระดับขั้นของยอดยุทธ์โบราณและความแข็งแกร่งของกุ้ยหวี่ชางด้วย” ฉิงเฟิงถาม
เป็นเรื่องปกติที่ฉิงเฟิงจะต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหล่าผู้ฝึกยุทธ์โบราณที่แข็งแกร่งกว่าเขา มิฉะนั้นเขาอาจจะตายเมื่อเจอคนเหล่านั้น
” เหล่าผู้ฝึกยุทธ์โบราณแบ่งออกเป็น 3 ระดับหรือ 3 สถานภาพ มีใต้สวรรค์,เหนือสวรรค์และสุดท้ายแกรนมาสเตอร์ แต่ละระดับแบ่งออกเป็น ขั้นต่ํา ขั้นกลาง ขั้นสูงและขั้นสุดยอด ระดับแรกสุดและต่ําสุดคือระดับใต้สวรรค์ขั้นต่ําซึ่งมีพลังหมัด 1000 กิโล ส่วนกุ้ยหญ่ชางผู้นั้นอยู่ระดับใต้สวรรค์ขั้นสุดยอด เขาสามารถปล่อยหมัดที่มีพลังถึง 2500 กิโลได้
ฉิงเฟิงตื่นตะลึงอย่างแท้จริง เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญและเป็นราชาในหมู่คนทั่วไป แต่อ่อนแอที่สุดในสายตาของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์
“สักวันหนึ่ง ฉันจะเอาชนะยอดยุทธ์โบราณเหล่านั้นให้ได้ !” ฉิงเฟิงกําหมัดแน่น และสาบานออกมา
เขามีความเชื่อมั่นในตัวเอง เขาเคยเป็นเด็กชายวัย 8 ขวบธรรมดาๆคนหนึ่ง จากนั้นก็ได้ไปอยู่ที่ทวีปหมาปาพร้อมกับอาจารย์ของเขา หลังจากนั้นหลายปีต่อมาเขาก็ฝึกฝนความแข็งแกร่งอย่างหนักหนาสาหัส จนสามารถคว่ํานักสู้ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนและกลายเป็นราชันหมาป่าแห่งทวีปได้ในที่สุด
“ฉิงเฟิง ตอนนี้เจ้าก็ได้รู้ถึงความลึกลับบางส่วนของโลกใบนี้แล้ว เอาละข้าจะดึงกระ บออกให้”(ผู้แปล eng แซวว่า ให้ตายก่อนค่อยดึงออกก็ได้มั้ง.)
ลู่เตซางเดินมาใกล้ๆฉิงเฟิง เขาแตะตัวกระบี่และท่องบทสวดบางอย่างออกมาเบาๆ
ในฝ่ามือของเขาปรากฏรังสีความร้อนสีเหลืองขึ้นจากนั้นเขาก็คว้าด้ามกระบี่และดึงออกมาอย่างรวดเร็ว
พรวด !
สู่เต๋ซางกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าการใช้พลังดึงกระบี่ออกมามีค่าตอบแทนที่ทําให้อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงขึ้น
ฉิงเฟิงรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากที่ทรวงอกของเขา เขากัดฟันข่มความเจ็บปวดและหยิบเอาเข็มเงินทั้งเก้าออกมาและแทงเข้าไปที่จุดฝังเข็มรอบบาดแผลเพื่อห้ามเลือดก่อนที่จะพันแผล
หลังจากนั้นเขาก็เดินไปหาหลิวหรูหยาน คลายเชือกที่มัดเธอออกพร้อมกับปลุกเธออยู่หลายครั้ง แต่แปลกที่หลิวหรูหยานยังคงไม่รู้สึกตัว
ปรากฏรอยเลือดซึมออกมาจากหว่างขาของหลิวหรูหยาน ฉิงเฟิงสังเกตดูและรู้ สึกตกใจจนหน้าซีดทารกในครรภ์ของเธอได้รับการกระทบกระเทือน
*ช่วงนี้แปลได้น้อยตอน เพราะลูกกําลังโตต้องคอยดู เดี๋ยวขึ้นภาคใหม่แล้วจะเร่งแปลให้ได้ 46 ตอนต่อวันเหมือนเดิมนะ*