My Cold and Elegant CEO Wife - ตอนที่ 1011 เฒ่าอสูรโลหิต
ตอนที่ 1011 เฒ่าอสูรโลหิต
ราชาอสูรมีดวายุสังเกตเห็นความสับสนของฉิงเฟิงจึงตะโกนออกมาว่า ราชาศพโลหิตไม่ใช่ตัวการใหญ่ที่นี่ ! เบื้องหลังของมันคือเฒ่าอสูรโลหิต เจ้าจงหนีไปซะ !
เฒ่าอสูรโลหิต
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ฉิงเฟิงและคนอื่นๆต่างก็ตกตะลึงเพราะเฒ่าอสูรโลหิตนั้นเป็นปีศาจนอกรีตที่โด่งดังเขาติดท็อบหนึ่งในสิบซาตานทั้ง 81 ตนของผู้ฝึกตนนอกรีตและมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวมาก
เหล่าผู้ที่มาจากนิกายอสูรโลหิตต่างรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินเฒ่าอสูรโลหิตคือผู้อาวุโสของนิกายพวกเขาเมื่อสิบห้าปีก่อน เขาเข้าไปที่แดนต้องห้ามคุนหลุนและติดอยู่ที่นั่นไม่ได้กลับนิกาย พวกเขาไม่คิดเลยว่าเฒ่าอสูรโลหิตจะกลายมาเป็นเจ้าถิ่นถ้ำอสูรโลหิต
จิ๊ๆไม่มีใครหนีไปจากที่นี่ได้ น้ำเสียงเย็นชาและแปลกประหลาดดังกระสบโสตทุกคนที่อยู่ในถ้ำ
หมอกเลือดในถ้ำรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนและก่อตัวขึ้นเป็นร่างของชายชราเสื้อคลุมสีแดงเขามีผมสีขาวโพลนดูแก่ชรามากแต่ใบหน้าของเขาเป็นสีแดงก่ำและเรียบเนียนเหมือนเด็กทารก นั่นเป็นเพราะเขามักจะดื่มเลือดของมนุษย์อยู่เสมอจนมากพอที่จะคงร่างกายวัยหนุ่มเอาไว้
คารวะท่านอาวุโส!
เซี่ยจงและสาวกคนอื่นๆของนิกายอสูรโลหิตต่างก็คุกเข่าลงและกล่าวทักทายด้วยความเคารพ
เฒ่าอสูรโลหิตขมวดคิ้วและกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า พวกเจ้าเป็นใคร ข้าไม่เห็นรู้จักพวกเจ้าสักคน
ท่านผู้เฒ่าข้าน้อยเซี่ยจง ศิษย์ชั้นยอดของนิกายอสูรโลหิตขอรับ ข้าน้อยเคยเห็นภาพของท่านในนิกายมาก่อน เซี่ยจงคุกเข่าและกล่าวด้วยความชื่นชม เฒ่าอสูรโลหิตเป็นดั่งตำนานและมีชื่อเสียงอย่างสูงในนิกายเขาฆ่าผู้คนจำนวนมากจากฝ่ายธรรมะและเป็นที่รู้จักกันดีในเหล่าผู้ฝึกตนชั้นสูง
เซี่ยจงลุกขึ้น เฒ่าอสูรโลหิตกล่าวกับเหล่าสาวก
เซี่ยจงลุกขึ้นยืนพร้อมกับคนอื่นๆและเดินไปที่ด้านข้างของเฒ่าอสูรโลหิตราวกับเป็นลูกน้องของเขา
ม่านพลังแสง
!
เฒ่าอสูรโลหิตร่ายม่านพลังแสงอันเข้มแข็งออกมาและล้อมรอบทุกคนที่เหลือทั้งหมด
ชายชราผู้นี้มีพลังมากกว่าราชาศพโลหิตฉิงเฟิงและทุกคนไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่เล็กน้อยภายในม่านพลัง
นี่มัน… ขอบเขตจิตโลกาขั้นปลาย ?! ฉิงเฟิงกล่าวด้วยความตกใจ
เขาแทบจะไม่สามารถรับมือกับผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตโลกาขั้นต้นได้ด้วยซ้ำดังนั้นการจะรับมือกับเฒ่าอสูรโลหิตย่อมเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
ใบหน้าของฉิงเฟิงมืดมนลงแววตาส่องประกายด้วยแสงเย็น เขารู้ดีว่าวิธีเดียวที่จะล้มเฒ่าอสูรโลหิตได้ก็คือต้องใช้เพลงหมัดมังกรเท่านั้น แต่ผลที่ตามมาคือการสูญเสียพลังทั้งหมดหลังจากใช้มัน หากไร้ซึ่งการป้องกันใดๆเขาก็จะเป็นคนตายต่อให้สังหารเฒ่าอสูรโลหิตได้ แต่ศิษย์สาวกนิกายที่เหลือย่อมสับสังหารเขาเป็นชิ้นแน่
ทันใดนั้นเองพวกเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นว่า
ฮ่าๆๆ! เจ้าเฒ่าอสูรโลหิต ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเจ้าที่นี่
ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาพร้อมกับเสียงนี้เขาดูแข็งแรงด้วยดวงตาที่แหลมคมสดใส บนหลังของเขาสะพายกระบี่ยาวที่เปล่งพลังงานอันทรงพลัง
ชายคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากประมุขนิกายกระบี่สวรรค์จ้าวเทียนเจียน สุดยอดฝีมือระดับจิตโลกาขั้นปลาย
จ้าวเทียนเจียนเป็นยอดฝีมือฝ่ายธรรมะในขณะที่เฒ่าอสูรโลหิตเป็นฝ่ายอธรรมทั้งสองต่างอยู่คนละขั้วเป็นศัตรูกัน แน่นอนว่าพวกเขาย่อมต้องปะทะกันเมื่อพบหน้า
ปัง
!
จ้าวเทียนเจียนสะบัดมือขวาแล้วคว้ากระบี่ยาวที่กลางหลังจากนั้นก็เหวี่ยงออกไปข้างหน้าสร้างลำแสงกระบี่ที่ยาวกว่าร้อยเมตรพุ่งทะลุอากาศไปยังเฒ่าอสูรโลหิต
เทียบกับฉิงเฟิงที่มีพลังในระดับจิตวิญญาณแท้จริงขั้นสูงสุดก็ยังสร้างลำแสงกระบี่ได้เพียงแค่สี่สิบเมตรเท่านั้นเห็นได้ว่าจ้าวเทียนเจียนผู้นี้แข็งแกร่งกว่าเขามากกว่าเท่าตัวเลยทีเดียว เฒ่าอสูรโลหิตไม่นิ่งเฉยและไม่หลบเลี่ยงเขาเอื้อมมือขวาหยิบธงอสูรโลหิตออกมา มันเป็นธงสีแดงเล็กๆที่ยาวเพียงหนึ่งฟุตและมีสัญลักษณ์ลวดลายที่แปลกประหลาดซับซ้อนสลักไว้อยู่
ชู่ว!
เฒ่าอสูรโลหิตโบกธงสร้างหมอกเลือดที่พุ่งเข้าชนกับพลังงานกระบี่ของจ้าวเทียนเจียนจนเกิดเสียงดังสนั่น
คลื่นพลังงานคงเหลือกระจายออกไปกระแทกก้อนหินภายในถ้ำแหลกเป็นชิ้นๆและทำให้เกิดรอยแยกขนาดใหญ่บนเพดานถ้ำดูเหมือนว่าถ้ำจะพังทลายลงมาในไม่ช้า
ทั้งสองคนนี้ต่างก็อยู่ในขั้นปลายของขอบเขตจิตโลกาด้วยระดับการฝึกฝนที่เท่าเทียมกันไม่มีใครสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายในเวลาอันสั้น
จ้าวเทียนเจียนถ้ำแห่งนี้เล็กและคับแคบเกินไป มาสู้กันข้างนอก เฒ่าอสูรโลหิตแสยะยิ้มและกล่าวขึ้น
ถ้ำอสูรโลหิตเป็นที่พำนักของเฒ่าอสูรโลหิตมันมีต้นไม้ปีศาจและผลไม้เลือดปีศาจอยู่ข้างใน เขากลัวการต่อสู้จะทำลายถ้ำพร้อมกับสมบัติทั้งหมดในนี้
เขารอมาสิบห้าปีเพื่อให้ผลเลือดปีศาจสุกงอมเขาจะไม่ยอมเสี่ยงเป็นแน่
จ้าวเทียนเจียนตอบตกลงนอกจากนี้เขายังต้องการผลเลือดปีศาจด้วยเช่นกัน แต่เขาก็รู้ดีว่าต้องเอาชนะตาเฒ่าผู้นี้ให้ได้เสียก่อน
ฟุ่บฟุ่บ !!
จ้าวเทียนเจียนและเฒ่าอสูรโลหิตเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วราวกับลำแสงและออกไปเริ่มการต่อสู้ที่นอกถ้ำม่านพลังงานหายไปทันทีและทำให้ฉิงเฟิงกับคนอื่นๆเคลื่อนไหวได้ในที่สุด
ท่านอาจารย์ผมจะช่วยท่านได้อย่างไร เมื่อหลุดจากพันธนาการ ฉิงเฟิงก็ตรงไปหาราชาอสูรมีดวายุด้วยความร้อนใจ ราชาอสูรมีดวายุอธิบายว่า เพียงแค่ตัดโซ่เหล็กทั้งสี่นี้ออกไป ข้าก็สามารถเดินเหินได้ด้วยตัวเอง
ฉิงเฟิงพยักหน้าและเหวี่ยงกระบี่เพลิงคะนองเข้าตัดโซ่เหล็กที่ล่ามราชาอสูรมีดวายุเอาไว้
วูบ!
เงาปรากฏขึ้นตรงหน้าฉิงเฟิงขัดขวางการกระทำของเขาคนๆนั้นก็คือเซี่ยจงจากนิกายอสูรโลหิตนั่นเอง แน่นอนว่าเขาไม่ยอมให้ฉิงเฟิงช่วยราชาอสูรมีดวายุออกไปได้แน่นอน
เซี่ยจงดึงธงสีแดงเล็กๆออกมาและวาดสัญญาณบางอย่างไปยังสระอสูรโลหิตศพโลหิตสองร่างถูกปลุกขึ้นมาทันที ซึ่งทั้งสองศพนี้ต่างก็มีพลังในระดับจิตวิญญาณแท้จริงขั้นสูงสุด มันเพียงพอที่จะทำลายแผนการของฉิงเฟิง
ศพโลหิตเหล่านี้ต่างคลานไปหาฉิงเฟิงเขาจึงต้องเปลี่ยนเป้าหมายเหวี่ยงกระบี่ตัดศีรษะพวกมันก่อนในทันที
เมื่อเห็นศพโลหิตพ่ายแพ้อย่างรวดเร็วเซี่ยจงก็ตกตะลึง ชายคนนี้แข็งแกร่งกว่าที่เขาคิด ทั้งๆที่ศพโลหิตเหล่านี้ต่างก็มีระดับพลังเทียบเท่าฉิงเฟิง แต่พวกมันกลับไม่สามารถรับการโจมตีเขาได้แม้แต่เพียงครั้งเดียว
หมัดอสูรโลหิต
!
เซี่ยจงเก็บธงกลับไปและชกหมัดขวาเข้าใส่ฉิงเฟิงทันที
หมัดทลายนรกานต์
!
ฉิงเฟิงเก็บกระบี่และเหวี่ยงหมัดขวาเข้าปะทะกับเซี่ยจงเช่นกัน
เปรี้ยง
!!
เซี่ยจงลอยละลิ่วถอยหลังและกระแทกเข้ากับโขดหินด้านหลังอย่างรุนแรงเขาร่วงลงกับพื้นและกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
ช่างเป็นพลังที่แข็งแกร่งอะไรเช่นนี้
!
เซี่ยจงรู้สึกหวาดกลัวด้วยความแข็งแกร่งของฉิงเฟิงเขาไม่คิดว่าตนเองจะพ่ายด้วยหมัดเดียวอย่างง่ายดาย
หลังจากที่เอาชนะเซี่ยจงไปแล้วฉิงเฟิงก็เตรียมจะตัดโซ่เหล็กช่วยอาจารย์ของเขาอีกครั้งแต่เฮยชวงจากนิกายดาบทมิฬและพานอิงจากนิกายศิลารวมไปถึงเซี่ยเฟิงจากนิกายนภาโฉดต่างก็พร้อมใจกันล้อมกรอบฉิงเฟิงทุกด้าน ทั้งสามคนนี้ต่างรู้ดีแก่ใจว่าพวกเขาไม่สามารถปล่อยให้ฉิงเฟิงช่วยอาจารย์ของเขาออกมาได้เนื่องจากราชาอสูรมีดวายุมีพลังในระดับจิตโลกา เมื่อใดที่เขาหลุดจากการจองจำ เขาย่อมจัดการกับทุกคนที่เหลืออย่างแน่นอนซึ่งจะทำให้ฉิงเฟิงเป็นผู้เดียวในที่นี้ที่ได้รับผลไม้เลือดปีศาจ พวกเขาไม่ต้องการให้สิ่งนี้เกิดขึ้น
การได้เห็นฉิงเฟิงถูกล้อมรอบด้วยสามยอดฝีมือรุ่นเยาว์จากทั้งสามนิกายฮวาเซียนจื่อ, ฉินเซียนจื่อและลู่ซวนจี๋ก็พุ่งออกมา แต่พวกเขาก็ถูกศิษย์สาวกของนิกายต่างๆขัดขวางไว้มิให้ยื่นมือช่วยเหลือฉิงเฟิงได้