My Cold and Elegant CEO Wife - ตอนที่ 558
เวลาเที่ยง
ภายในวิลล่าแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ชานเมืองของเมืองทะเลตะวันออก
ชายหนุ่มสวมหน้ากากปีศาจคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนโซฟา ไม่มีใครเห็นใบหน้าหรือการแสดงออกของเขาได้
มีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งนั่งคุกเข่าต่อหน้าชายหนุ่มสวมหน้ากากคนนั้น ถ้าฉิงเฟิงอยู่ที่นี่ก็จะจำชายที่นั่งคุกเข่าได้แน่นอน เขาคือคู่ต่อสู้ในรอบแรกที่อารีน่าของฉิงเฟิงนั่นเอง ลั่วเปียว
“ท่านเฮลคิงขอรับ สกายวูฟผู้นั้นทรงพลังยิ่งนัก เขาสามารถเอาชนะผมได้ด้วยการออกหมัดเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น” ลั่วเปียวกล่าว เพียงนึกถึงสกายวูฟเขาก็สั่นไปทั่วทั้งกระดูกสันหลัง
เฮลคิงฉีกยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “แกคิดว่าพลังของมันอยู่ในระดับไหน ?”
“เรียนนายท่าน ผมคิดว่าเขาน่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในระดับ S ขอรับ”
“โง่เง่า ไม่แปลกเลยที่แกยังอยู่ในระดับ AA แค่ระดับพลังของมันแกยังดูไม่ออก วูฟคิง ไม่สิ สกายวูฟผู้นั้นเป็นนักสู้ระดับ SSS ขั้นสูงสุด !”
“อะไรนะขอรับ ? ระดับ SSS ?” ใบหน้าของลั่วเปียวเปลี่ยนไปและเต็มไปด้วยความกลัว
“ลั่วเปียว, หลังจากที่มันชนะ 10 ครั้งแล้วมันได้พูดอะไรอีกไหม ?”
“นายท่านเฮลคิง, เขาประกาศว่าจะขอท้าทายท่านในอาทิตย์หน้าขอรับ”
“ดี แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ข้าจะให้ทีมโกสคิงไปรับคำท้าทายของมันก่อน” เฮลคิงกล่าวอย่างไร้อารมณ์
เฮลคิงโบกและบอกให้ลั่วเปียวออกไปจากวิลล่า จากนั้นเขาก็พูดกับมุมมืดว่า
“ผีตัวที่ 5 ออกมา”
“ครับท่าน”
ชายคนหนึ่งที่ใบหน้ามืดครึ้มเดินออกมาจากเงามืด
ชายคนนี้อายุประมาณ 20 ปี ใบหน้าซีดเซียว เขาปลดปล่อยกลิ่นอายที่หนาวเย็นออกมารอบตัว
ในทีมโกสคิงมีสมาชิกทั้งหมด 5 คน และเฮลคิงก็คือหัวหน้าทีม เขาคือผีตัวที่ 1 ผี 5 ก็คือสมาชิกลำดับที่ 5
“เฮลคิง ท่านจะให้ผมทำอะไรหรือ ?” ผี 5 ยิ้มออกมา แต่มันเป็นรอยยิ้มน่าขนลุก
“ผี 5 อาทิตย์หน้านายไปท้าทายวูฟคิงและทดสอบดูว่ามันมีพลังแค่ไหน”
“ได้ครับ ผมจะปลอมตัวเป็นท่านและเข้าไปต่อสู้กับมันเอง” ผี 5 พยักหน้าและหายตัวไปในความมืด
ด้วยการจากไปของผี 5 จากนั้นไม่นาน จู่ๆเฮลคิงก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน ทั่วทั้งวิลล่าแห่งนี้ตกสู่ความเงียบสงบและความมืดอีกครั้ง
วันต่อมา วันนี้เป็นวันที่อากาศดี
ฉิงเฟิงตื่นแต่เช้าและออกไปทำงานพร้อมกับหลินเสวี่ย
เนื่องจากการเดิมพันกับหลิวหรูหยาน, หลินเสวี่ยต้องทำงานอย่างหนัก
“พี่ใหญ่หลี่ คุณมาแล้ว” จางเสี่ยวเยวี่ยยิ้มอย่างมีความสุขหลังจากเห็นฉิงเฟิงเดินเข้าออฟฟิศมา เธอคิดถึงเขามากเพราะเธอไม่ได้เห็นเขามาหลายวันแล้ว
“เสี่ยวเยวี่ยน้อย คุณสิวขึ้นแล้วนะ” ฉิงเฟิงกล่าวหลังจากที่เห็นเม็ดสิวแดงๆบนใบหน้าของเธอ
เนื่องจากใบหน้าของจางเสี่ยวเยวี่ยนั้นขาวมาก จึงทำให้แม้แต่จุดด่างดำหรือรอยสิวเล็กๆเห็นได้ชัดมากบนใบหน้าของเธอ
“ช่วงนี้ฉันนอนไม่ค่อยหลับน่ะ สิวก็เลยขึ้น” จางเสี่ยวเยวี่ยกล่าวตอบ
“เสี่ยวเยวี่ยน้อย ให้ฉันนวดให้นะ สิวจะได้หาย” ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ในทางการแพท์ของจีน สิวเกิดจากกระบวนการรบกวนบางอย่างภายในร่างกาย มันโฟกัสไปรวมกันที่ใบหน้าจึงทำให้เกิดสิวขึ้น
“พี่ใหญ่หลี่ คุณสามารถรักษาสิวของฉันได้จริงเหรอ ?” จางเสี่ยวเยวี่ยมองฉิงเฟิงด้วยความสงสัย เพราะหมอบอกว่าเธอต้องทายารักษามันอาทิตย์หนึ่งถึงจะหาย
“ไปกันเถอะ ฉันจะรักษาให้ดู” ฉิงเฟิงจับมือเธอและพาเธอไปที่ห้องว่างข้างแผนก
เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะต้องหาที่ไหนสักแห่งที่เงียบสงบและลับตาคน เพื่อจะได้นวดอย่างสะดวก
จางเสี่ยวเยวี่ยเป็นหัวหน้าแผนก ดังนั้นเธอจึงมีห้องส่วนตัวของเธอเอง
จากนั้นฉิงเฟิงก็บอกให้เธอนั่งลงบนเก้าอี้ เขาเริ่มนวดให้เธอ
“พี่ใหญ่หลี่ ฉันรู้สึกว่าเม็ดสิวที่ปวดๆนั่นเริ่มดีขึ้นแล้ว” จางเสี่ยวเยวี่ยกล่าวอย่างเอียงอาย นอกจากนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องปกติเพราะพวกเขาทั้งคู่หายไปอยู่ด้วยกันสองต่อสองนานเกินไปแล้ว
“เสี่ยวเยวี่ยน้อย ให้ฉันนวดต่ออีกสักพัก การนวดของฉันสามารถทำให้การไหลเวียนโลหิตของคุณดีขึ้นด้วยนะ” ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม เนื่องจากผิวที่เนียนนุ่มของจางเสี่ยวเยวี่ยทำให้เขาไม่อยากหยุดมือ
พี่ใหญ่หลี่เกเรแบบนี้ได้อย่างไรกัน ?
จางเสี่ยวเยวี่ยเริ่มเขินอายมากขึ้นจากการนวดของฉิงเฟิง
ในขณะนี้เอง เซี่ยหวั่นฉิวก็เดินเข้ามาพอดี ใบหน้าของเธอแดงขึ้นหลังจากที่เธอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในห้อง
“หลี่ฉิงเฟิง, จางเสี่ยวเยวี่ย นี่พวกคุณกำลังทำอะไรกันอยู่ ? นี่มันเวลาทำงาน”
เซี่ยหวั่นฉิวกล่าวด้วยความอิจฉา
เธอรู้สึกอิจฉาจางเสี่ยวเยวี่ยที่มีฉิงเฟิงนวดให้อย่างสนิทสนม
“ผู้อำนวยการเซี่ย มีเรื่องอะไรเหรอคะ ?” จางเสี่ยวเยวี่ยยืนขึ้นและพูดด้วยใบหน้าซีดเซียว
แย่แล้ว ฉันต้องแย่แน่ๆเลย ! ฉันควรทำยังไงดี ? อธิบายให้เธอฟังแล้วเธอจะเข้าใจไหมนะ ?
เซี่ยหวั่นฉิวมองจางเสี่ยวเยวี่ยอย่างไม่ค่อยพอใจ เธอกล่าวว่า “จางเสี่ยวเยวี่ย คุณเป็นผู้นำและหัวหน้าแผนก คุณเป็นแบบอย่างต่อทุกคนในแผนกนะ คุณไม่ควรจะมาทำตัวจู๋จี๋กันอย่างสนิทสนมในเวลางานกับหลี่ฉิงเฟิงเช่นนี้ เดือนนี้ฉันจะหักเงินเดือนคุณ”
จางเสี่ยวเยวี่ยรีบกล่าวตอบด้วยใบหน้าซีดเซียวว่า “ผู้อำนวยการเซี่ย โปรดอย่าหักเงินเดือนของฉันเลย ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว”
เซี่ยหวั่นฉิวส่ายหัว เธอปฏิเสธคำขอร้องของจางเสี่ยวเยวี่ย
ถึงแม้ว่าเซี่ยหวั่นฉิวจะชอบและสนิทกับจางเสี่ยวเยวี่ยมาก แต่เธอก็ชอบฉิงเฟิงมากเช่นกัน ดังนั้นเธอจึงต้องหักเงินเดือนจางเสี่ยวเยวี่ย นี่เป็นตรรกะของผู้หญิงที่มีความหึงหวง
“พี่สาวเซี่ย โปรดอย่าหักเงินเดือนของเสี่ยวเยวี่ยน้อยเลย มันไม่ใช่ความผิดของเธอ”
ฉิงเฟิงกล่าวหลังจากเห็นใบหน้าราวกับจะร้องไห้ของจางเสี่ยวเยวี่ย
เซี่ยหวั่นฉิวจ้องไปที่เขาและกล่าวว่า “หลี่ฉิงเฟิง ฉันจะหักเงินเดือนคุณเช่นกัน คุณไม่ควรทำตัวแบบนี้ในเวลาทำงาน”
อะไรนะ ? คุณจะหักเงินเดือนผม ?
ฉิงเฟิงพูดไม่ออก เกิดอะไรขึ้นกับเซี่ยหวั่นฉิว ? เขาเคยเป็นแฟนปลอมๆของเธอมาก่อน นี่เธอกล้าหักเงินเดือนแฟนตัวเองได้อย่างไร ?