My Cold and Elegant CEO Wife - ตอนที่ 601
ตอนที่ 601 สุดขีดแห่งอันตราย !
แปล Tarhai
ฉิงเฟิงถูกลอบโจมตี โลหิตฉีดพุ่งออกมา ผ้าที่พันห้ามเลือดบนหน้าอกของเขาฉีกขาด ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน เขาหันหลังกลับไปมองและเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ราชันเหยี่ยวนั่นเอง เขาคือเพื่อนสนิทของราชันเสือ
“น่าประทับใจ สมกับที่เป็นรูฟคิง ยอดเยี่ยมมาก แกยังสามารถหนีรอดจากการโจมตีเล็งจุดตายของข้าได้ด้วยบาดแผลเช่นนี้” ราชันเหยี่ยวหัวเราะ ดวงตาของเขากระพริบเป็นประกายเย็นยะเยือกในขณะที่ความสงสัยก่อตัวขึ้นมาภายในใจ
เขาเคยได้ยินคําร่ําลือมากมายเกี่ยวกับวูฟคิง ผู้ถูกยกย่องว่าเป็นราชาเหนือราชา แต่เขาก็ไม่เคยเชื่อ เขาไม่เคยพอใจที่ตนเองไม่ใช่อันดับหนึ่งและกังขาในความแข็งแกร่งของวูฟคิง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาได้เห็นก็ทําให้เขาเชื่อ วูฟคิงแทงตัวเองอย่างรุนแรงถึง 3 ครั้ง เขาเสียเลือดมาก และแม้แต่ในสภาพเช่นนี้เขาก็ยังสามารถหลีกเลี่ยงการลอบโจมตีของราชันเหยี่ยวได้
หรือว่าราชันเหยี่ยวอ่อนแอ ? ไม่เป็นเช่นนั้นแน่นอน การที่จะขึ้นเป็นราชาได้อย่างน้อยต้องอยู่ในระดับ SSS ขั้นสูงสุด ดังนั้นในหมู่ผู้ที่ขึ้นชื่อว่า ราชาไม่มีผู้ใดอ่อนแอ
แต่หลังจากที่ลิ้งเพิ่งเปิดใช้งานพลังสายเลือดจากรอยสักราชันหมาป่า และกลายร่างเข้าสู่โหมดคลั่ง (Berserk Mode) เห็นได้ชัดว่าเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
ราชันส่วนมากครอบครองพลังอํานาจ ทักษะ และความสามารถที่ยิ่งใหญ่ เช่น การเปลี่ยนแปลงพันธุกรรม – ยาเพิ่มความแข็งแรง การโคลนนิ่ง ฯลฯ … นอกเหนือจากความสามารถเหล่านี้ ราชันบางคนครอบครองพลังแห่งสายเลือดและโหมดคลัง ซึ่งหลี่ฉิงเฟิงเปิดใช้งานโหมดคลังผ่าน พลังแห่งสายเลือดของเขา
“ราชันเหยี่ยว เรียกโคลนของท่านออกมาได้แล้ว มิฉะนั้นพวกเราจะไม่สามารถรับมือกับวูฟคิงได้” เฮลคิงกล่าวกับราชันเหยี่ยวอย่างรวดเร็ว
เฮลคิงรู้ว่าราชันเหยี่ยวมีสองคน คนหนึ่งคือโคลนอีกคนคือตัวจริง ด้วยความช่วยเหลือจากร่างโคลน ราชันเหยี่ยวจะแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า นับได้ว่าพวกเขามีราชันช่วยลงมือเพิ่มอีกคน
ความจริงเฮลคิงก็มีร่างโคลนเช่นกัน ซึ่งก็คือหวังเซาหยาง นายน้อยตระกูลหวังแห่งปักกิ่ง แต่ถูกฉิงเพิ่งฆ่าไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงเขาคนเดียว เขาไม่อาจล้มเหลวได้ ถ้าเขาตายครั้งนี้คือตายอย่างแท้จริง
ร่างโคลนของราชันเหยี่ยว !?
การแสดงออกบนใบหน้าของฉิงเพิ่งเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ดวงตาของเขามีร่องรอยของการไตร่ตรองสถานการณ์ ภายใต้โหมดคลั่งของเขาตอนนี้ เขาไม่กลัวที่จะต่อสู้กับเฮลคิง ถึงแม้จะมีการสอดมือเข้ามาร่วมวงของราชันเหยี่ยว อย่างดีที่สุดเขาคาดว่าคงสูสี แต่ตอนนี้ราชันเหยี่ยวดันมีร่างโคลนอีกหนึ่ง ทําให้เขากําลังตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง!
เมื่อได้ยินคําพูดของเฮลคิง ราชันเหยี่ยวเหลือบมองไปอย่างเย็นชาและขมวดคิ้ว แต่แรกแผนของราชันเหยี่ยวคือต้องการให้โคลนของเขาเป็นเครื่องช่วยชีวิต หากสถานการณ์ไม่เป็นไปตามที่คาด แต่ตอนนี้เฮลคิงขอให้เขาเรียกร่างโคลนออกมาร่วมมือ เห็นได้ชัดว่าเฮลคิงจะเทหมดหน้าตัก และไม่ยอมให้เขารอดชีวิตเช่นกันถ้าหากวันนี้ล้มเหลว
ถึงแม้ว่าราชันเหยี่ยวจะเริ่มไม่พอใจเฮลคิงมากขึ้น แต่เขาก็ต้องข่มความรู้สึกไว้เพราะเป้าหมายสําคัญที่สุดในการมาหัวเซียครั้งนี้คือการฆ่าวฟคิง จากนั้นเขาก็พยักหน้าไปที่มุมมืดและปรากฎราชันเหยี่ยวอีกคนเดินออกมา พวกเขาเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว รูปร่าง หน้าตา กลิ่นอาย และความแข็งแกร่ง
หัวใจของฉิงเฟิงตกวูบ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นการโคลนนิ่ง มันดูราวกับว่าพวกเขาเป็นภาพสะท้อนของกันและกัน
“ฆ่ามัน”
ไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่น้อย ทั้งราชันเหยี่ยวและร่างโคลนโจมตีฉิงเฟิงพร้อมกันขนาบข้างซ้ายขวา ถึงแม้ว่าร่างกายจะแยกกัน แต่พวกเขาก็โจมตีด้วยเทคนิคแบบเดียวกัน
ฉิงเพิ่งมีปฏิกิริยาในทันที เขาไม่สนใจบาดแผลบนหน้าอกและโต้กลับด้วยสองหมัดของเขาเข้าปะทะกับหมัดของราชันเหยี่ยว
ปัง ! ปัง !
ด้วยเสียงดังสนั่นสองครั้ง ฉิงเฟิงถอยหลังไปหลายก้าว ร่างกายของเขาส่ายไปมาเล็กน้อยและ มีเลือดไหลออกจากปาก การรวมกันของราชันเหยี่ยวสองคนนั้นทรงพลังเกินไป ถ้าหากเขาไม่ได้รับบาดเจ็บเขาก็อาจจะพอรับมือได้บ้าง แต่หลังจากการปะทะเมื่อสักครูบาดแผลของเขาเริ่มปริแตกอีกครั้ง
ศัตรูที่ชั่วร้ายที่สุดย่อมแน่นอนว่าคือเฮลคิง ถ้าหากเขาไม่ได้ลักพาตัวหลิวหรูหยานและใช้เธอ เป็นเครื่องต่อรองบีบบังคับให้เขาทําร้ายตัวเองจนบาดเจ็บแต่แรกฉิงเฟิงคงจะไม่บาดเจ็บหนักขนาดนี้
ขณะที่ฉิงเฟิงถูกทําให้โกรธเกรี้ยวโดยเฮลคิง เขาก็ได้ยินเสียงระเบิดของพลังบางอย่าง เสียงนั้นดังสนั่นอย่างรุนแรงเสียดทะลุผ่านอากาศเล็งไปที่คอของฉิงเฟิงราวกับพยายามจะสะบั้นศีรษะของเขา
ฉิงเพิ่งตื่นตัวในทันที เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นเฮลคิงกําลังรวบรวมพลังไปที่กระบี่ยาวสีดําหนึ่งเมตรเล่มหนึ่ง
เขามัวแต่เพ่งสมาธิไปกับการรับมือสองราชันเหยี่ยวจนลืมถึงการคงอยู่ของเฮลคิงไปสนิทใจ เห็นได้ชัดว่าเฮลคิงเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี เขารู้ถึงพลังที่แข็งแกร่งของฉิงเฟิงภายใต้โหมดคลั่ง
ฉิงเฟิงแข็งแกร่งทรงพลังแต่เขาก็ไม่ได้อยู่ยงคงกระพัน ถ้ากระบี่ยาวสีดําเล่มนี้ตัดผ่านลําคอของเขา เขาก็ต้องตาย
กระบี่ยาวสีดําเหวี่ยงเข้าหาฉิงเพิ่งอย่างรวดเร็ว มาถึงเบื้องหน้าของเขาในเสี้ยวพริบตา มัน สายเกินไปที่จะหลบเลี่ยง ฉิงเฟิงจึงชักกริชพรากชีวิตออกมาหักหาญเข้าปะทะรับกระบี่ยาวเล่มนั้นเอาไว้
กระบี่ยาวเล่มนี้เปล่งออร่าที่เยือกเย็นออกมาสายหนึ่ง อาวุธทั้งสองปะทะกันทําให้เกิดเสียงแหลมแสบแก้วหู ดังเคร้ง !
หลังจากปะทะกันกระบี่ยาวของเฮลคิงก็ยังไม่บุบสลายแม้แต่น้อย ยังคงดํามืดราวกับรัตติกาลเปล่งแสงออร่าที่หนาวเย็นออกมา กริชของฉิงเฟิงก็สมบูรณ์ครบถ้วนเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าอาวุธของทั้งคู่อยู่ในระดับเดียวกัน
บ้าน่า กริชของฉันทําลายกระบี่ของมันไม่ได้ ?
การแสดงออกของนิ่งเพิ่งเปลี่ยนไป นัยน์ตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขามีความเชื่อมั่นอย่างสุดใจต่อกริชพรากชีวิตของเขา มันเป็นอาวุธถูกสร้างขึ้นโดยปรมาจารย์ทําอาวุธผู้เชี่ยวชาญที่สุดในโลก
ฉิงเฟิงผ่านการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน ไม่ว่าจะศึกน้อยใหญ่ กริชของเขาจะทําลายอาวุธของศัตรูได้ทุกครั้ง ไม่มีครั้งใดที่อาวุธของศัตรูจะไม่บุบสลายเช่นครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม อาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดของฉิงเฟิงไม่สามารถทําลายกระบี่ของศัตรูได้ ฉิงเพิ่งสั่นสะท้านยิ่งกว่าตอนที่เห็นร่างโคลนของราชันเหยี่ยวเสียอีก
“หึ ! วูฟคิง แกคิดว่าแกเป็นคนเดียวที่ครอบครองอาวุธที่ทําจากหินสะเก็ดดาวหรือยังไง ?” เฮลคิงแสยะยิ้ม ดวงตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
“แกก็มีอาวุธจากหินสะเก็ดดาว ? เป็นไปไม่ได้ หินสะเก็ดดาวหาได้ยากยิ่งบนโลกนี้ อย่างแกไม่น่าจะมีมัน” ฉิงเฟิงส่ายหัวด้วยความไม่เชื่อ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยคําถาม
หินสะเก็ดดาวคือส่วนที่เหลือจากการเผาไหม้ของอุกกาบาตขนาดใหญ่ที่ตกลงมาจากอวกาศ อุกกาบาตขนาดใหญ่เดินทางผ่านชั้นบรรยากาศโลกจนทําให้เกิดการเผาไหม้เมื่อผ่านความร้อนที่ร้อนจัดซึ่งเกิดจากความเร็วสูงและเสียดสีชั้นบรรยากาศโลก โดยส่วนใหญ่จะถูกเผาไหม้จนกลายเป็นขี้เถ้าเหลือเพียงชิ้นเล็กๆเท่านั้น
แม้แต่เขาซึ่งเป็นราชาแห่งทวีปหมาป่า เขายังหาได้เพียงหินสะเก็ดดาวชิ้นเล็กๆและนำมาสร้างกริชพรากชีวิตเล่มนี้ หลังจากนั้นเขาก็ยังไม่เคยเจอหินสะเก็ดดาวอีกเลย
“วูฟคิง แกฉลาดดี ถูกต้องฉันไม่สามารถหาหินสะเก็ดดาวได้หรอก แต่ว่าอาจารย์ของฉันทําได้”
เมื่อเฮลคิงกล่าวถึงอาจารย์ของเขา ดวงตาก็เต็มไปด้วยความชื่นชมราวกับกําลังนึกถึงพระเจ้า
ถ้าไม่ได้โกสคิง เฮลคิงคงจะตายไปนานแล้ว ในหัวใจของเขาโกสคิงคือตัวตนที่สูงส่งหาใครเทียบ ท่านผู้นั้นไม่เพียงแค่ไร้เทียมทานแต่เขายังครอบครองเทคโนโลยีทางพันธุกรรมที่น่าตื่นตะลึง