My Cold and Elegant CEO Wife - ตอนที่ 629 โดนข่มขืน (อีกครั้ง) ?
ราชันเหยี่ยว(หวังอิง) ตายแล้ว
การแสดงออกของกาโตร์คิง(หวังเอ้ออวี๋)เปลี่ยนไปจิตสังหารที่รุนแรงแผ่ซ่านออกมาปกคลุมทั่วร่างกายของเขาอย่างน่ากลัว ผู้ส่งสารหวาดกลัวจนผงะถอยหลังไปหลายก้าว
แม้กระทั่งจระเข้ที่ดุร้ายในบึงก็พยายามที่จะหนีไปให้ไกลจากกาโตร์คิง
กาโตร์คิงรู้ดีถึงความแข็งแกร่งของราชันเหยี่ยวเขาอยู่ที่จุดสุดยอดของระดับ SSS อีกทั้งด้วยตัวช่วยอย่างยาโคลนนิ่ง ทำให้เขาเหมือนมีพลังเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า แต่เป็นที่น่าประหลาดใจนักที่เขาก็ยังถูกวูฟคิงสังหารจนได้
หรือว่าวูฟคิงทะลวงผ่านระดับ
SSS
ไปแล้ว
หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพักกาโตร์คิงก็ดึงสติกลับมาและกล่าวว่า“วูฟคิงเอย เจ้านั้นช่างกล้าหาญกว่าที่ข้าคาดไว้มากนัก เจ้าสังหารศิษย์ข้าโดยไม่หวาดเกรงต่อข้า”
“ท่านกาโตร์คิงวูฟคิงพยายามที่จะยั่วยุและไม่ไว้หน้าท่านโดยการฆ่าราชันเหยี่ยว เราควรจะดำเนินการอย่างไรดีขอรับ ” ผู้ส่งสารกล่าว เสื้อผ้าของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อด้วยความกลัว
“ไปแจ้งต่อหวังชีเค่อที่ทวีปเสือบอกคนผู้นั้นว่าน้องชายของเขาถูกวูฟคิงสังหาร เขารู้ว่าต้องทำอย่างไร”
กาโตร์คิงกล่าวกับผู้ส่งสาร
“ขอรับนายท่าน!” ผู้ส่งสารโค้งคำนับและออกไปจากบึงในทันที
หวังชีเค่อ(ราชันมือสังหาร) คือนามที่ทำให้ผู้คนทั่วทั้งทวีปเสือต้องหวาดผวา เขาคือราชาแห่งมือสังหารที่เคยลอบสังหารผู้คนมาแล้วหลายร้อยคน ไม่ว่าจะเป็นเหล่าเศรษฐี, บุคลทรงอิทธิพลหรือแม้แต่นักสู้ชั้นยอด มันเป็นชื่อที่สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คน …
ฉิงเฟิงและจางเสี่ยวเยวี่ยเดินออกจากโรงแรมจางเมื่อเขาเห็นใบหน้าที่ยังคงซีดเซียวของเธอเขาจึงเอ่ยปากว่า “เสี่ยวเยวี่ยน้อย ไม่ต้องห่วงแล้ว ฉันจัดการคนเหล่านั้นไปเรียบร้อย พวกมันคงไม่กล้ามารังควานเธออีก”
“พี่ใหญ่หลี่ขอบคุณมากนะคะพี่ช่วยเหลือฉันไว้ตั้งหลายครั้งแต่ฉันกลับช่วยอะไรพี่ไม่ได้เลย” จางเสี่ยวเยวี่ยกล่าวด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อย
เมื่อตอนที่โจวอี้ชกกำแพงจนเป็นหลุมใหญ่เธอได้แต่หวาดกลัวและช่วยอะไรฉิงเฟิงไม่ได้เลยเธอรู้สึกว่าเธออ่อนแอและไร้อำนาจ
“เลิกพูดอะไรบ้าๆได้แล้วเธอนั้นใสซื่อบริสุทธิ์ ฉันไม่มีทางทนเห็นเธอโดนทำร้ายหรอก ฉันจะปกป้องเธอเอง” ฉิงเฟิงลูบศีรษะของเธอและพยายามปลอบ
จางเสี่ยวเยวี่ยถือเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของฉิงเฟิงในบริษัทIce Snow เธอจารึกความทรงจำที่สวยงามไว้ในหัวใจของเขา หลังจากที่เลี้ยงอาหารเขาตั้งแต่วันแรกที่ได้พบกัน
จากนั้นฉิงเฟิงก็ไปส่งสองพ่อลูกและออกจากบ้านของเธอเตรียมที่จะกลับวิลล่าทันใดนั้นเซียะเฟยเฟยก็โทรมาหาเขาพอดี และกล่าวตัดพ้อว่าทำไมไม่ติดต่อมาเลยตั้งหลายวันแล้ว
เกี่ยวกับเซียะเฟยเฟยจนบัดนี้ฉิงเฟิงก็ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรกับเธอดี นี่เป็นเพราะเขากินเธอไปแล้วและมันทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนทุกครั้งที่พบหน้า
นอกจากนี้ฉิงเฟิงก็เกือบตายจากการต่อสู้กับเฮลคิงเมื่อหลายวันก่อนจนเขาลืมเซียะเฟยเฟยไปเสียสนิท
เมื่อพูดถึงเซียะเฟยเฟยเธอนับได้ว่าเป็นอีกคนที่น่าสงสารเช่นกัน เธอรู้จักกับฉิงเฟิงตั้งแต่ครึ่งปีก่อนและกำลังจะคบกัน แต่จู่ๆฉิงเฟิงก็หายตัวไป พอเธอหาตัวเขาจนเจอก็พบว่าเขาได้แต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นที่เมืองตงไห่เสียแล้ว นอกจากนี้ หลังจากได้ความบริสุทธ์ของเธอไป เขาก็หายเงียบไปอีก เรื่องนี้ทำให้เซียะเฟยเฟยไม่ค่อยแฮปปี้นัก
ฉิงเฟิงบอกกับเซียะเฟยเฟยทางโทรศัพท์ว่าจะเข้าไปหาอีกสักพักจากนั้นเขาก็วางสายและโบกแท๊กซี่ไปที่โรงแรมที่เธอพักอยู่ เมื่อเขามาถึงผู้จัดการโรงแรมก็จำเขาได้ในทันทีและกล่าวทักทาย ฉิงเฟิงเพียงพยักหน้าตอบเล็กน้อย และเดินไปที่ห้องของเซียะเฟยเฟย
เซียะเฟยเฟยอยู่ในชุดนอนสีดำที่รัดรูปจนเห็นรอยชุดชั้นใน
เหตุผลหนึ่งที่เซียะเฟยเฟยสามารถเป็นไอดอลที่ยิ่งใหญ่ได้ก็เพราะเธอมีความงามผิวของเธอเนียนนุ่มเหมือนเต้าหู้ที่ไร้ตำหนิ ริมฝีปากของเธอแดงสดใสและปล่อยกลิ่นอายที่เย้ายวนออกมา
เซียะเฟยเฟยตื่นเต้นดีใจมากเธอโผเข้าไปในอ้อมแขนของฉิงเฟิงทันทีที่เขาเดินเข้ามา
“เฟยเฟยเธอเป็นคนดังระดับประเทศสงวนท่าทีหน่อยสิ” ฉิงเฟงลูบผมและกล่าวกับเซียะเฟยเฟยที่อยู่ในอ้อมอกของเขา เธอดูร้อนรุ่มนักจนเขาแทบไม่อาจอดทนได้
“พี่ใหญ่หลี่พี่ไม่มาหาฉันเลยตั้งแต่ได้ความบริสุทธ์ฉันไป พี่ลืมฉันแล้วใช่ไหมคะ ”
เซียะเฟยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจแน่นอน, แค่เธอหยอกเล่น
“เฟยเฟย,เป็นเธอต่างหากที่ใช้กำลังกดฉันลงเตียงและช่วงชิงร่างกายของฉันไป ฉันเป็นเหยื่อจากการข่มขืนของเธอมากกว่า” ฉิงเฟิงกล่าวด้วยความเศร้าสร้อย
เมื่อเห็นว่าเซียะเฟยเฟยเริ่มโกรธเล็กน้อยฉิงเฟิงจึงหยอกเย้าว่า“เฟยเฟย เธอไม่รู้หรอกว่าคืนนั้นเธอป่าเถื่อนแค่ไหน เธอทำให้ฉันกลัว”
เมื่อได้ยินที่ฉิงเฟิงกล่าวใบหน้าของเซียะเฟยเฟยก็แดงขึ้น เธอรู้สึกอย่างเลือนลางว่าตัวเองดุเดือดและบ้าคลั่งแค่ไหนจากฤทธิ์ยา เธอข่มขืนเขาไปหลายครั้งทีเดียว “มันเป็นความผิดของพี่นั่นแหละที่หายตัวไปเฉยๆปล่อยให้ฉันตามหาตั้งครึ่งปีแม้กระทั่งตอนนี้พี่ก็ยังหายหน้าไปอีกตั้งหลายวัน คืนนี้ฉันจะข่มขืนพี่อีกครั้งเป็นการทำโทษ” เมื่อพูดจบใบหน้าของเซียะเฟยเฟยก็กลายเป็นสีแดงก่ำราวกับพระอาทิตย์
หลังจากที่พูดจบเธอก็ผลักฉิงเฟิงลงบนเตียงและเริ่มข่มขืนเขาอีกครั้ง
“
เฮ้อโดนแล้วโดนอีก
…ทำไมฉันต้องเป็นคนโดนข่มขืนเสียทุกครั้ง
“
ถึงแม้ว่าฉิงเฟิงจะบ่นแต่ร่างกายของเขาก็มีความสุขและสนุกกับมัน
โดยปกติฉิงเฟิงจะเป็นฝ่ายรุกเมื่อมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆแต่กับเซียะเฟยเฟยเขากลับเป็นฝ่ายถูกทำเสียเอง ซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกแปลกๆดีไม่น้อย การต่อสู้ครั้งนี้กินเวลายาวนานกว่าหนึ่งชั่วโมงและหมดยกที่เวลาประมาณ 5 ทุ่ม
เซียะเฟยเฟยไม่ต้องการให้ฉิงเฟิงกลับและพยายามรั้งตัวเขาไว้นอนค้างที่นี่แต่ฉิงเฟิงปฏิเสธเพราะยังไงเขาก็ต้องกลับบ้าน
ไม่ว่าเขาจะมีผู้หญิงสักกี่คนแต่เขาก็จะมีภรรยาเพียงคนเดียวเท่านั้นหลินเสวี่ยเป็นผู้หญิงที่สำคัญที่สุดในหัวใจของเขา ไม่มีใครสามารถแทนที่เธอในจุดนี้ได้
ในขณะที่ฉิงเฟิงเดินออกจากโรงแรมเขาก็หยุดชะงักหลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เนื่องจากเขาสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังลอบติดตามเขาและเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
ฉิงเฟิงหันกลับไปมองและเห็นว่าคนที่ตามมาเป็นชายในชุดดำเขาสวมหน้ากากปีศาจ
หน้ากากปีศาจ
ฉิงเฟิงนึกถึงตำหนักโกสคิงในทันทีหลังจากได้เห็นหน้ากากนี่เป็นเพราะมีเพียงคนจากตำหนักโกสคิงเท่านั้นที่ชอบสวมหน้ากากปีศาจ มันเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของพวกมัน
ลู่เต๋าซางกล่าวเตือนเขาไว้ว่ามือสังหารจากตำหนักโกสคิงจะต้องมาพยายามฆ่าเขาอย่างแน่นอนแต่ฉิงเฟิงก็ไม่คิดว่าพวกมันจะลงมือเร็วขนาดนี้
แต่ทว่าสิ่งที่พวกมันคาดไม่ถึงก็คือในตอนนี้ฉิงเฟิงทะลวงเข้าสู่ระดับแรกของขั้นใต้สวรรค์ไปแล้วเขามีพลังหมัดถึง 2000 กิโลกรัม เขาไม่หวั่นเกรงคนผู้นี้
“เห็นข้าแล้วแกไม่กลัวงั้นหรือวูฟคิง” เมื่อเห็นว่าฉิงเฟิงยืนมองเฉยๆ ชายสวมหน้ากากก็รู้สึกมึนงง
การแต่งตัวของเขาน่าหวาดกลัวมากโดยเฉพาะในเวลากลางคืนคนที่เห็นเขาสวมหน้ากากปีศาจเช่นนี้คงจะหวาดกลัวจนตาย แต่ฉิงเฟิงกลับไม่แสดงอาการอะไรแม้แต่น้อย