My Cold and Elegant CEO Wife - ตอนที่ 643 พ่อตา คุณไหวรึเปล่า
?
“ฮ่าๆฉิงเฟิง มา มา ชนแก้วกัน ฉันชอบดื่ม ! เอ้า ชนๆ !” หลินจื่อชูแก้วขึ้น
“พี่เขยๆผมด้วยดิ ขอดื่มด้วยคน” หลินไห่เปิดปากร้องขอดื่มเหล้าร่วมวงกับพวกเขา
แต่ฉิงเฟิงโบกมือและกล่าวว่า“ไม่ได้ นายยังเรียนหนังสืออยู่ ไม่ควรดื่ม”
หลินไห่บุ้ยปากและไม่ค่อยพอใจเขาก็อยากดื่มด้วยแต่ในเมื่อพี่เขยไม่ยอม เขาก็ทำอะไรไม่ได้
หลังจากดื่มไปสองแก้วฉิงเฟิงและหลินจื่อต่างก็รู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหายไป การดื่มเหล้าให้สนุกควรจะต้องมีเกม ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มเล่นเกมกัน
งานอดิเรกที่สำคัญที่สุดของหลินจื่อก็คือการดื่มเหล้าดังนั้นเขาจึงเก่งเรื่องเกมดวลเหล้าเช่นกัน ในเกม “ทายนิ้ว” เขาไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน (ไม่รู้จักครับวิธีเล่นก็ตามคลิบ)
แต่ถึงแม้ว่าหลินจื่อจะเก่งในเกมนี้แต่เขาก็ไม่ชนะฉิงเฟิงแม้แต่ตาเดียว เขาเล่น 10 ครั้งก็แพ้ 10 ครั้ง
หลินจื่อมองฉิงเฟิงอย่างขมขื่นดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสน เขาคิดในใจว่า
“
นี่
ฉันเป็นพ่อตาของเธอเธอจะอ่อยให้ฉันสักตาก็ไม่ได้เชียวหรือ
รู้มั้ยแพ้ยับเยินขนาดนี้มันน่าอายแค่ไหน
”
เมื่อมู่เสี่ยวหยุนเห็นสีหน้าหลินจื่อมีดูเศร้าสร้อยเธอก็รู้ว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร เธอเตะขาฉิงเฟิงใต้โต๊ะเป็นการส่งซิกให้ฉิงเฟิงแกล้งยอมแพ้พ่อตาสักครั้งสองครั้ง
ฉิงเฟิงเข้าใจความหมายของแม่ยายจึงแกล้งยอมปล่อยให้พ่อตาชนะบ้าง และยอมดื่มเหล้าของผู้แพ้ ซึ่งทำให้พ่อตาของเขามีความสุขมาก
“ฮ่าๆฉิงเฟิง อยู่กันไปแล้วเธอต้องดีต่อเสวี่ยน้อยให้มากๆนะ เข้าใจเปล่า ”
หลินจื่อจิบเหล้าในแก้วเล็กน้อยเขาเริ่มรู้สึกเวียนหัวและพูดด้วยคำที่มีความหมาย
ฉิงเฟิงพยักหน้าตอบรับเขากล่าวว่า “พ่อตา คุณอย่ากังวลไปเลย ผมจะดูแลเธอให้ดีที่สุดและทำให้เธอเป็นภรรยาน่ารักที่อ้วนตุ้ยนุ้ย”
อ้วนตุ้ยนุ้ย
หลินเสวี่ยกลอกตาหลังจากได้ยินคำนี้เห็นได้ชัดว่าเธอไม่พอใจกับความคิดของเขา เธอสวยและหุ่นดีเสมอ เธอไม่อยากอ้วน !
“ดีดี มีพุงบ้างก็ดี เวลาคลอดลูกเด็กจะได้แข็งแรง” มู่เสี่ยวหยุนกล่าวพร้อมกับหัวเราะ
ในมุมมองของเธอคู่สมรสต้องมีลูกด้วยกันเพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีไว้ตลอดไป ลูกเป็นเหมือนห่วงทางใจ เมื่อพวกเขามีลูกด้วยกันแล้วทั้งสองคนจะอยู่ด้วยกันตลอดไปและผูกพันกันมากยิ่งขึ้น
เมื่อพูดถึงเด็กใบหน้าของหลินเสวี่ยก็แดงก่ำไปทั่วเธอจ้องมองไปที่ฉิงเฟิงด้วยหัวใจที่เต้นรัว เธอยังไม่เคยมีเซ็กส์กับเขาเลยสักครั้งแล้วจะมีลูกได้อย่างไร
แต่หลินเสวี่ยก็เตรียมตัวเตรียมใจที่จะมอบร่างกายของเธอให้ฉิงเฟิงนานแล้วหลังจากจัดงานแต่งกันเสร็จเขาและเธอจะได้เป็นสามีภรรยากันอย่างแท้จริง เธอจะมีลูกกับฉิงเฟิงและเมื่อถึงวันนั้นเธอมั่นใจว่านังจิ้งจอกหลิวหรูหยานจะต้องยอมถอยไปอย่างแน่นอน
แต่หลินเสวี่ยผู้น่าสงสารเธอไม่รู้เลยว่าฉิงเฟิงกับหลิวหรูหยานนั้นมีสัมพันธ์ด้วยกันมานานมากแล้ว อีกทั้งตอนนี้พวกเขาก็กำลังจะมีลูกด้วยกันอีกด้วย ถ้าหลินเสวี่ยรู้เข้าเธออาจจะบ้าคลั่งจนฆ่าฉิงเฟิงก็เป็นได้……
“เสวี่ยน้อยทำไมลูกถึงหน้าแดง มีไข้หรือเปล่า?” มู่เสี่ยวหยุนถามด้วยความสับสน “ปะ…เปล่าค่ะแม่ ! หนูแค่หน้าแดงเพราะกลิ่นแอลกอฮอล์” หลินเสวี่ยกระพริบตาถี่และโกหกหน้าตาย ความจริงก็คือเธอแค่รู้สึกเขินเมื่อคิดถึงเรื่องการมีลูกกับฉิงเฟิง
“พ่อตาหมดขวดแล้วครับ ที่เหลือไว้ต่อกันวันหลังเถอะ” ฉิงเฟิงกล่าว
เหล้าอู่เหลียงเย่หมดไปขวดหนึ่งแล้วซึ่งฉิงเฟิงกับหลินจื่อดื่มกันคนละครึ่ง ซึ่งความจริงแล้วฉิงเฟิงดื่มต่อได้สบายและไม่ได้มีปัญหาแม้แต่น้อย แต่ไม่ใช่สำหรับหลินจื่อ เขาเริ่มมึนๆแล้ว
ดังนั้นฉิงเฟิงจึงบอกให้เขาเก็บไว้ค่อยดื่มกันวันหลังแต่หลินจื่อยังไม่ยอมเลิก
“ฉิงเฟิงฉันยังไม่เมา ยังชิลๆอยู่ สติยังอยู่ครบถ้วน ! มาๆ มาต่อกัน !” หลินจื่อลากแขนของฉิงเฟิงและชวนฉิงเฟิงดื่มต่อ
ฉิงเฟิงซึ่งเป็นผู้น้อยไม่อาจขัดใจหลินจื่อได้เขาทำได้เพียงต้องดื่มต่ออีกขวดเป็นเพื่อนหลินจื่อ ผ่านไปสองขวดฉิงเฟิงก็ยังคงมีสติแจ่มใสส่วนพ่อตาของเขาน็อคจนหลับคาโต๊ะพร้อมกับเสียงกรนเป็นครั้งคราว
“พ่อตาไม่ไหวแล้วเหรอครับ ” ฉิงเฟิงมองไปที่หลินจื่อและกล่าวอย่างขมขื่น ไอลีนโนเวล
“ฉิงเฟิงเสวี่ยน้อย วันนี้อากาศหนาวและมันก็ดึกมากแล้ว พวกเราจะขอค้างที่นี่ได้ไหม”
มู่เสี่ยวหยุนกล่าวเธอรู้ว่าเธอไม่สามารถพาหลินจื่อกลับบ้านในสภาพนี้ได้ เขาเมาจนน็อค
ฉิงเฟิงไม่ได้คาดคิดว่าแม่ยายจะขอค้างคืนกับพวกเขาซึ่งตัวเขานั้นไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับหลินเสวี่ยเพราะที่นี่ของบ้านของเธอ
จากนั้นฉิงเฟิงก็ขมวดคิ้วและหันหน้าไปทางหลินเสวี่ยเพื่อรอคำตอบของเธอ
“ได้สิคะแม่เดี๋ยวพ่อกับแม่นอนในห้องชั้นแรก หลินไห่ก็นอนบนโซฟา ส่วนหนูกับฉิงเฟิงนอนข้างบนชั้นสอง” หลินเสวี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม เธอรู้ว่าอากาศข้างนอกหนาวมากและตอนนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว เธอจะไม่ยอมให้พ่อกับแม่ของเธอต้องกลับบ้านในสภาพนี้แน่นอน
“ไม่เอานะ! ทำไมผมต้องนอนโซฟาด้วย ผมไม่อยากนอนบนโซฟา” หลินไห่ร่ำร้องและประท้วงออกมา
“ห้องมีไม่พอถ้านายไม่อยากนอนบนโซฟา นายก็ออกไปนอนที่อื่น” หลินเสวี่ยกล่าว เธอไม่เคยตามใจน้องชายของเธอ
“ก็ได้ๆ…ผมนอนที่โซฟาก็ได้” หลินไห่กล่าวอย่างไม่เต็มใจ เขาเกรงๆพี่สาวที่เย็นชาคนนี้เล็กน้อย
ฉิงเฟิงรู้สึกตื่นเต้นและขอบคุณพ่อตาแม่ยายมากที่นอนค้างที่นี่เพราะมันทำให้เขาสามารถไปนอนเตียงเดียวกันกับหลินเสวี่ยได้แล้ว
ฉิงเฟิงโอบเอวของหลินเสวี่ยและพาเธอเดินขึ้นไปชั้นสอง “ฉิงเฟิง..พ่อแม่ยังอยู่นะ อย่าประเจิดประเจ้อ”
“ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่ คุณเป็นภรรยาของฉันและนี่เป็นเรื่องปกติของสามีภรรยา”
“…“
หลินเสวี่ยพูดไม่ออกรอยแดงปรากฏบนใบหน้าที่งดงามของเธอ
ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอนอนกับฉิงเฟิงบนเตียงเดียวกันแต่ทุกครั้งมันก็ทำให้เธอเขินอายและหัวใจเต้นรัว
ในโลกธุรกิจและเรื่องการงานหลินเสวี่ยเป็นราชินีผู้งดงามและเย่อหยิ่ง แต่ยามอยู่ที่บ้าน เธอกลายเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆต่อหน้าฉิงเฟิง
“ที่รักอากาศหนาว พวกเรามาห่มผ้าผืนเดียวกันเถอะ” ฉิงเฟิงกล่าวด้วยความตื่นเต้น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถปิดเกมกับเธอได้เพราะเธอยังไม่หายดี แต่ลูบคลำเล็กน้อยคงไม่ทำให้เธอเจ็บนัก หลินเสวี่ยรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ไหลผ่านร่างกายของเธอเมื่อเธอเห็นความตื่นเต้นเร่าร้อนของฉิงเฟิงเธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเพราะเธอรู้ว่าฉิงเฟิงคิดอะไรอยู่และมันทำให้หัวใจเธอเต้นเร็วขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
“เอ่อ…ที่รักชั้นมักจะเตะผ้าห่มออกตอนชั้นหลับ ดังนั้นพวกเราห่มของใครของมันดีกว่ามั้ย ” หลินเสวี่ยกระพริบตาที่งดงามของเธอและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“โอ้! เรื่องเล็กน้อย ไม่เป็นไรหรอกที่รัก ฉันมันเป็นเด็กอ่อนแอขี้โรคและทนความหนาวเย็นไม่ได้ คุณจะทำให้ผมอุ่นขึ้นถ้าพวกเราห่มผ้าผืนเดียวกัน”
ฉิงเฟิงสวมหน้ากากน่าสงสารและแสร้งทำเป็นว่าเปราะบางอ่อนแอ
ซึ่งลูกล่อลูกชนนี้ของเขาถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงจะหลงเชื่อแต่ไม่ใช่กับหลินเสวี่ย เธอรู้ว่าฉิงเฟิงแข็งแรงแค่ไหน ตั้งแต่รู้จักกันมาเขาไม่เคยเจ็บป่วยแม้แต่ครั้งเดียว ความจริงเขาต้องการห่มผ้าผืนเดียวกับเธอเพื่อฉวยโอกาสจากเรือนร่างของเธอต่างหาก