My Cold and Elegant CEO Wife - ตอนที่ 690 ภาพสลักของราชาอสูรทั้งสิบ
“โทษทีลืมทำให้ศพแกอยู่ในสภาพสมบูรณ์” ฉิงเฟิงกล่าวพร้อมกับมองไปที่ร่างไร้หัวของซาโต้ ถึงแม้ว่าเขาจะกล่าวขอโทษ แต่เขาก็ไม่รู้สึกเสียใจ
สำหรับคนเลวบริสุทธิ์เช่นนี้สมควรแล้วที่จะต้องตายอย่างโหดร้ายเพื่อที่มันจะไม่ได้มีโอกาสจับมนุษย์คนอื่นไปทำการทดลองอีก
ฉิงเฟิงไม่ได้มองร่างไร้วิญญาณของซาโต้แต่เขาเดินไปที่เตียงของอสูรสิงโตเพื่อปล่อยเขาออกมา เขาเหวี่ยงกระบี่ตัดกุญแจมือทั้ง 4 ออกจนแตกเป็นเสี่ยงๆ
“นายน้อยท่านสุดยอดมาก !” ราชาอสูรสิงโตและราชาอสูรมังกรเขียวกล่าวชมเชยฉิงเฟิงด้วยความชื่นชม
ซาโต้คือราชานินจาที่มีชื่อเสียงมากในโลกของเหล่านินจาจากเกาะแปซิฟิกแต่ไม่คาดฝันว่าวันนี้เขาจะจบชีวิตในมือของฉิงเฟิง ถ้ายอดฝีมือจากเกาะแปซิฟิครู้ข่าวเข้าพวกเขาจะต้องตกใจมากแน่นอน
“อสูรสิงโตตราผู้พิชิตของพ่ออยู่ไหนหรือ ”
“นายน้อยอยู่กับราชานินจาครับ”
“ดีในที่สุดฉันก็ได้ของที่ระลึกของพ่อคืนมาซะที” ฉิงเฟิงรู้สึกตื่นเต้นมาก ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาเที่ยวตามหาข้อมูลเกี่ยวกับตราผู้พิชิต แต่ไม่สามารถหาได้ วันนี้ในที่สุดเขาก็พบมัน
ฉิงเฟิงเดินไปที่ศพของซาโต้และเริ่มค้นจนกระทั่งพบตราอันหนึ่งที่อยู่บริเวณหน้าอกเสื้อ เขาหยิบมันออกมาและเห็นตัวอักษรตัวใหญ่สามตัวสลักไว้บนนั้นว่า “ตราผู้พิชิต”
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉิงเฟิงได้เห็นตราผู้พิชิตมันเป็นตราสีดำขนาดเท่าฝ่ามือ ตราทั้งแผ่นทำจากหินสะเก็ดดาวอุกกาบาตเป็นพิเศษไม่ใช่แค่ทำจากไม้ธรรมดาหรือเหล็กทั่วไป
เพียงแค่การมองจากข้อเท็จจริงที่ว่ามันถูกสร้างขึ้นมาจากหินอุกกาบาตก็บอกได้ว่าตรานี้ไม่ใช่ของดาษดื่น
ด้วยตัวอักษรที่สลักไว้ด้านหน้าว่า“ตราผู้พิชิต” และมีรูปภาพสัตว์สิบรูปสลักอยู่ที่ด้านหลัง มันราวกับว่าผู้ที่ถือครองมันจะได้รับพลังอำนาจมหาศาล !
ภาพสัตว์สิบภาพนี้สอดคล้องกับราชาอสูรทั้งสิบคนด้วยการใช้สิ่งนี้ มันจะสามารถค้นหาและรวบรวมราชาอสูรทั้งสิบคนได้ Aileen-novel
ภาพแรกของสัตว์ทั้งสิบคือช้างเผือก ซึ่งเป็นโทเท็มสายเลือดของอาจารย์ฉิงเฟิง, ราชาอสูรมีดวายุ เขามีรอยสักช้างเผือกอยู่บนหน้าอกของเขา แต่มันเป็นสายเลือดที่ยังไม่ถูกปลุกขึ้นมา
การที่จะปลุกพลังสายเลือดจำต้องมีความสามารถและพรรสวรรค์รวมไปถึงเงื่อนไขพิเศษบางอย่างดังนั้นถึงแม้ว่าคนผู้นั้นจะมีสายเลือดโบราณที่สืบทอดจากบรรพบุรุษ ก็ไม่อาจปลุกมันขึ้นมาสำเร็จชั่วชีวิตก็เป็นได้
ตัวอย่างเช่นในบรรดาราชาอสูรทั้งสิบคน ฉิงเฟิงพบเพียงแค่ 3 เท่านั้น ราชาอสูรมีดวายุหรือเรียกอีกฉายาหนึ่งว่า ราชาอสูรช้างเผือก (White Elephant Demon King, หวังเหยาไป๋เซี่ยง), ราชาอสูรสิงโต (Lion Demon King, หวังเหยาซือจือ)และราชาอสูรมังกรเขียว (Green Dragon Demon King, หวังเหยาหลงลู่เซอ) ทั้งสามคนนี้พลังสายเลือดก็ยังไม่เคยตื่นขึ้นแม้แต่ครั้งเดียว ส่วนราชาอสูรที่เหลืออีก 7 คน ฉิงเฟิงยังไม่เคยเจอมาก่อน
“นายน้อยในห้องทดลองของมันมีข้าวของดีๆมากมาย พวกเราลองสำรวจหน่อยไหมครับ ” ราชาอสูรสิงโตกล่าวพร้อมกับเดินมาข้างๆฉิงเฟิง
ฉิงเฟิงพยักหน้าและเก็บตราผู้พิชิตไปและทั้งสามคนก็เริ่มค้นห้องทดลองแต่เมื่อพวกเขาเริ่มค้นหา ใบหน้าของพวกเขาก็ซีดเผือดด้วยความสะอิดสะเอียน
ซาโต้เป็นคนชั่วร้ายที่สมควรตายเป็นร้อยครั้งเขาใช้ร่างของเด็กตัวเล็กๆเพื่อทำการทดลอง พวกเด็กเหล่านั้นตายหมดแล้ว ไม่ว่าความสามารถทางการแพทย์ของฉิงเฟิงจะยอดเยี่ยมแค่ไหนก็ไม่อาจช่วยเด็กเหล่านั้นได้
“โอ้!นายน้อย ดูนี่สิครับ มันเป็นเทียบเชิญ” อสูรสิงโตกล่าวพร้อมกับหยิบเทียบเชิญสีดำในมือเดินมา
“เทียบเชิญอะไรให้ฉันดูนหน่อย”ฉิงเฟิงยิ้มและหยิบเทียบเชิญมาอ่านดู มันเขียนไว้ว่า ‘งานประมูลของผู้ฝึกวิทยายุทธ์’
การประมูลของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์
ฉิงเฟิงรู้สึกดีใจและตื่นเต้นมากที่ได้เห็นสิ่งนี้เขาเคยได้ยินจากลู่เต๋าซางว่ามีสำนัก นิกาย ตระกูลและกองกำลังต่างๆของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์มากมาย ส่วนการประมูลนี้เป็นการประมูลที่จัดขึ้นโดยกองกำลังของผู้ฝึกยุทธ์ มันมีสิ่งของและสมบัติล้ำค่ำในงานนั้นมากมายที่จะช่วยส่งเสริมในการฝึกปรือวิทยายุทธ์ได้
“เอาละพวกคุณเก็บสิ่งของมีค่าทั้งหมดและไฟที่นี่ทิ้งซะ พรุ่งนี้พวกเราจะไปเข้าร่วมงานประมูลนี้กัน” ฉิงเฟิงและกล่าว หลังจากที่ตัดผ่านจากนักสู้ปุถุชนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ฉิงเฟิงได้รู้จักความลึกลับของโลกใบนี้มากขึ้นและยังมีเหล่าคนที่ทรงพลังกว่าเขาอีกมากมาย นอกจากนี้เขายังเพาะสร้างศัตรูไว้จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นตำหนักโกสคิง, สันตะสำนัก, สมาพันธ์เทวานภา, ราชาดาบทั้ง 7 และตระกูลนินจาอีกด้วย
ฉิงเฟิงรู้ว่าถ้าเขาไม่แข็งแกร่งพอศัตรูเหล่านี้จะต้องคิดบัญชีกับเขาและรุมทึ้งเขาเป็นชิ้นๆแน่นอน
จากนั้นทั้งสองราชาอสูรก็ทำตามคำพูดของฉิงเฟิงและหยิบฉวยของมีค่าทั้งหมดในห้องทดลองไปพูดจากใจจริงถึงแม้ว่าซาโต้จะชั่วร้ายมากและสารเลว แต่ข้าวของของเขาก็ล้ำค่ามาก
ไม่ต้องพูดถึงของอื่นๆเพียงแค่ดาบหลินเปียนก็ถือเป็นยอดศาสตราวุทธที่ประเมินค่ามิได้แล้ว อีกทั้งยังรวมถึงเคล็ดวิชากระบี่วิญญาณวารีซึ่งเป็นวิชาระดับแกรนด์มาสเตอร์ เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีเงินทองซุกซ่อนมากมายและอุปกรณ์ทดลองราคาแพงหูฉี่อีกด้วย
“อสูรสิงโตคุณเป็นคนเดียวที่ฝึกฝนวิชาดาบ ดังนั้นดาบเล่มนี้กับเคล็ดวิชาเป็นของคุณแล้ว” ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยและมอบของล้ำค่าทั้งสองให้ราชาอสูรสิงโต (ตอนอยู่เหมียวเจียงมันใช้กระบองไม่ใช่เหรอวะ – – )
“นายน้อยของเหล่านี้ล้ำค่าเกินไป ผมรับไม่ได้หรอกครับ” อสูรสิงโตส่ายศีรษะและพยายามจะปฏิเสธ
มีคำกล่าวว่า“No pain No Gain (ไม่เจ็บไม่โต)” ราชานินจาถูกนายน้อยของเขาฆ่าและยังเป็นผู้ช่วยชีวิตเขาไว้อีกด้วย ในขณะที่เขาแทบไม่ได้ทำอะไร ทั้งสองสิ่งนี้เป็นสมบัติล้ำค่าที่ไม่สามารถซื้อได้แม้จะมีเงินพันล้านหยวนก็ตาม แต่นายน้อยกลับต้องการมอบสิ่งเหล่านี้แก่เขา ราชาอสูรสิงโตรู้สึกอับอายเกินกว่าจะรับมันไว้
“รับไปเถอะฉันฝึกกระบี่ ดังนั้นทั้งดาบและวิชาดาบนั้นไร้ค่าสำหรับฉัน ถ้าคุณไม่ยอมรับมันก็ไม่ต้องเรียกฉันว่านายน้อย”
ฉิงเฟิงกล่าวยืนยันจะมอบของทั้งสองให้ทำให้ราชาอสูรสิงโตรู้สึกซาบซึ้งมาก
“ขอบคุณขอรับนายน้อยข้า ราชาอสูรสิงโตขอสาบานว่าจะทำทุกอย่างเพื่อนายน้อย”
เขาคุกเข่าลงบนพื้นข้างหนึ่งและกล่าวด้วยความเคารพ
ราชาอสูรมังเขียวมองไปที่ของล้ำค่าทั้งสองด้วยใบหน้าที่อิจฉาเขาไม่ได้โง่และสามารถบอกได้ทันทีว่าของเหล่านี้มีคุณค่ามหาศาลแค่ไหน มันเป็นสมบัติล้ำค่าของผู้ฝึกยุทธ์ระดับแกรนด์มาสเตอร์ทีเดียว
ฉิงเฟิงมองไปที่ใบหน้าของมังกรเขียวและรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรฉิงเฟิงจึงยิ้มและกล่าวว่า “มังกรเขียวอย่าน้อยใจไป คุณใช้อาวุธปืน ไว้มีโอกาสฉันจะหาของที่เหมาะสมกับคุณไว้ให้”
“ขอบคุณมากขอรับนายน้อย”มังกรเขียวกล่าวด้วยความขอบคุณ ตราบใดที่นายน้อยไม่ลืมเขา เขาก็ดีใจมากพอแล้ว
จากนั้นพวกเขาก็รวบรวมของมีค่าที่นี่ทั้งหมดเดินออกจากห้องทดลองพร้อมกันและจุดไฟเผา
เปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำจากห้องทดลองใต้ดินและความชั่วร้ายทั้งหมดนี้ถูกเผาจนกลายเป็นขี้เถ้าและควัน