My Cold and Elegant CEO Wife - ตอนที่ 697 ปิดทางหนี
“แผนที่สุสานของแกรนด์มาสเตอร์ถูกขายให้แก่เจียงไป่เต๋าแห่งตระกูลเจียงในราคาหมื่นล้านหยวนค่ะ!” ลั่วชุยชุยประกาศเสียงดัง
หมื่นล้านหยวนเป็นราคาบิดสูงสุดที่บ้านประมูลของตระกูลได้รับในวันนี้
ราคานี้สูงกว่าย่างก้าวผิวน้ำอยู่ถึง8 พันล้านหยวน !
ในเมื่อรายการสุดท้ายถูกขายไปเรียบร้อยแล้วการประมูลก็ถือว่าสิ้นสุดลง
ผู้คนเริ่มทยอยเดินออกจากห้องโถงเมื่อสิ้นสุดการประมูลในขณะที่เฮลคิงและโยชิจิโร่กำลังจะออกไป พวกเขาก็เหลือบมองฉิงเฟิงด้วยจิตสังหารที่เอ่อล้นไปทั่วดวงตา
ฉินเซียนจื่อก็มองฉิงเฟิงอย่างมีความหมายด้วยท่าทางที่ไม่อาจอ่านออกได้ในแววตาของเธอไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร เมื่อได้เห็นลั่วหนี่ซางดึงฉิงเฟิงไว้อยู่ข้างๆก็ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดไม่น้อยอย่างไรก็ตามที่นี่เป็นถิ่นของเธออีกทั้งเธอก็ทรงอำนาจ ฉินเซียนจื่อจึงไม่อาจแสดงอะไรออกมาได้
ฉิงเฟิงนั้นไม่ได้รู้เลยว่าท่าทางที่สนิทสนมของเขากับลั่วหนี่ซางทำให้ฉินเซียนจื่อเกิดความไม่พอใจ เพราะเธอเป็นคนแรกที่พยายามชักชวนเขาเข้ามาร่วมมาก่อน
“วูฟคิงนี่เป็นบัตรวีไอพีระดับห้าดาวของตระกูลลั่ว คุณสามารถนำมันไปใช้ในสถานที่ใดๆก็ได้ที่เป็นของตระกูลลั่ว อีกทั้งบัตรนี้ยังมีเงินทุนเริ่มต้นแก่คุณถึงหมื่นล้านหยวน”
ด้วยรอยยิ้มอย่างมีเสน่ห์บนใบหน้าของลั่วหนี่ซางเธอยื่นบัตรวีไอพีระดับห้าดาวให้แก่ฉิงเฟิง
บัตรใบนี้แกะสลักด้วยตัวอักษร‘ลั่ว’ ที่เป็นสัญลักษณ์ของตระกูลลั่ว มันทำจากทองคำทั้งใบจนเปล่งแสงสีทองเป็นประกายระยิบระยับ
ด้วยเหตุผลบางอย่างดูเหมือนตระกูลลั่วจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับทองคำ แม้แต่บัตรวีไอพีของพวกเขาก็ยังทำด้วยทองคำทั้งใบ ฉิงเฟิงพูดไม่ออกกับความมั่งคั่งของตระกูลลั่ว
“วูฟคิงชั้นว่าคุณไม่ควรกลับไปตอนนี้ มีคนมากมายที่จ้องจะเขมือบคุณทันทีที่ก้าวออกจากบ้านประมูลตระกูลลั่ว”
เป็นธรรมดาที่ลั่วหนี่ซางจะสัมผัสได้ถึงจิตสังหารและเจตนาฆ่ามากมายที่รายล้อมรอบตัวเขาเธอจึงพยายามกล่าวเตือน
ตอนนี้ฉิงเฟิงค่อนข้างฮ็อตในหมู่ศัตรูเขาเหมือนกับไส้กรอกแสนอร่อยที่อยู่ท่ามกลางสุนัขที่หิวโหย ก่อนหน้านี้เขามีศัตรูเพียง 3-4 คน แต่ตอนนี้แทบจะทุกคนในสถานที่นี้ที่อยากจะได้เลือดมังกรของเขา
ฉิงเฟิงรู้ถึงเหตุผลเบื้องหลังคำเตือนของลั่วหนี่ซางเลือดมังกรหยดนั้นช่วยให้เขาทะลวงเข้าสู่ระดับยอดยุทธ์ขั้นเหนือสวรรค์และเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาเป็นอย่างมาก เขาไม่กลัวโยชิจิโร่หรือเฮลคิง แต่เขากังวลเหล่าผู้แข็งแกร่งที่ซ่อนอยู่ในเงามืดอยู่บ้าง “มิสลั่วฉันไม่สามารถอยู่กินกับคุณที่นี่ได้ตลอดชีวิตหรอกนะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด มันไร้ประโยชน์และเป็นการเสียเวลาเปล่าๆที่จะต้องมาคอยหลบซ่อน ยังไงสุดท้ายฉันก็ต้องไปอยู่ดี” ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย ไอลีนโนเวล
เขาต้องการที่จะทดสอบความแข็งแกร่งและคนเหล่านั้นที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการทดสอบฝีมือ ในเมื่อพวกมันหมายจะฆ่าเขา เขาจะตอบโต้พวกมัน ให้รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นเหยื่อ !
“อ่ออีกเรื่องหนึ่ง สุสานแกรนด์มาสเตอร์จะเปิดขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า ระหว่างนี้คุณควรจะรออยู่ในเมืองนี้ เมื่อถึงเวลาพวกเราจะได้เข้าไปในสุสานพร้อมกัน”
ลั่วหนี่ซางกล่าว
เข้าสุสานของแกรนด์มาสเตอร์ด้วยกัน
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่งุนงงและถามว่า“ไม่ใช่ว่าคุณขายแผนที่สุสานของแกรนด์มาสเตอร์ให้เจียงไป่เต๋าไปแล้วหรอกหรือ เราจะเข้าไปได้อย่างไรยัง” “ใครบอกคุณว่าแผนที่มีชุดเดียวละคะ”
“มีหลายชุดงั้นหรือ”
“ถูกต้องมีอยู่ทั้งหมด 3 ชุดและพวกเราขายไปแค่ 1 ชุดเท่านั้นเอง” ลั่วหนี่ซางกล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เธอเหมือนสุนัขจิ้งจอก
“
แม่เจ้าเธอแม้แต่กล้าปั่นหัวเจียงไป่เต๋า
,
กระบี่พิโรธแห่งเมืองเทียนจิง
”
ฉิงเฟิงกลอกตาเขาอึ้งเล็กน้อย
ฉิงเฟิงได้ยินมาว่าลั่วหนี่ซางสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองเทียนจิงชอบปั่นหัวผู้ชายความจริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ถ้าเธอปั่นหัวคนทั่วไป แต่คราวนี้เธอกล้าหาญมากที่หลอกเจียงไป่เต๋า หนึ่งในสามยอดยุทธ์ขั้นเหนือสวรรค์อีกทั้งยังเป็นลูกชายคนโตของตระกูลเจียง หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ ถ้าหากเจียงไป่เต๋ารู้ว่าแผนที่นี้ถูกทำสำเนาเอาไว้แต่เขายังต้องเสียเงินซื้อมาในราคาสูงลิบเช่นนี้ แน่นอนว่าเขาต้องมาคิดบัญชีกับลั่วหนี่ซางแน่นอน นอกจากนี้ในสายตาทุกคนฉิงเฟิงเหมือนเป็นคนของตระกูลลั่วไปแล้วจากการที่ลั่วหนี่ซางออกหน้าปกป้อง ดังนั้นเขาต้องซวยไปด้วยแน่นอนถ้าเจียงไป่เต๋ามาคิดบัญชี
“ฮิๆคุณอย่ากังวลไปเลย ด้วยการปกป้องของพี่สาวใหญ่ผู้นี้ ไม่มีใครกล้าหาเรื่องคุณแน่นอน” ลั่วหนี่ซางเผยอริมฝีปากสีแดงของเธอเล็กน้อยและกล่าวด้วยความเย่อหยิ่ง
ฉิงเฟิงพ่นลมทางจมูกเมื่อได้ยินคำพูดของลั่วหนี่ซางที่บอกว่าจะปกป้องเขาฉิงเฟิงเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตนเองเท่านั้น เขาไม่ต้องการให้ใครปกป้อง
“มิสลั่วฉันจะกลับไปที่เมืองตงไห่ก่อนนะ อีกสามวันข้างหน้าฉันจะกลับมา”
ฉิงเฟิงกล่าวพร้อมกับเดินออกไป
ถึงแม้ว่าลั่วหนี่ซางต้องการให้เขาอยู่ในเมืองนี้รอเวลาสุสานเปิดแต่ฉิงเฟิงก็ปฏิเสธข้อเสนอของเธอเนื่องจากหลินเสวี่ยและหลิวหรูหยานกำลังรอเขากลับมาที่เมืองตงไห่
ราชาอสูรสิงโตและมังกรเขียวกำลังยืนรอเขาอยู่ที่หน้าทางออกเมื่อเขาเดินออกมา
“นายน้อยครับพวกเราได้เดินดูรอบๆและพบคนจำนวนมากหลบซ่อนตัวอยู่ พวกเราเกรงว่าหากจากไปตอนนี้คงไม่ปลอดภัยนัก “ราชาอสูรสิงโตเดินเข้าหาฉิงเฟิงและกล่าวกระซิบด้วยเสียงต่ำ”
ในขณะที่เขายังอยู่บ้านประมูลของตระกูลลั่วคนเหล่านั้นไม่มีทางเลือกนอกจากต้องรอ ไม่ว่าพวกเขาจะเกลียดชังฉิงเฟิงแค่ไหนก็ไม่มีใครกล้าลงมือในพื้นที่ของตระกูลลั่ว แต่ทันทีที่ฉิงเฟิงเดินออกมาก็ถือว่าไม่ใช่ถิ่นของตระกูลอีกแล้ว เหล่าคนที่ดักซุ่มจะต้องลงมือแน่นอน
“ไม่ต้องสนใครหาเรื่องเราก็ตอบโต้กลับ ใครอยากได้ชีวิตฉัน ฉันจะเอาชีวิตมันแทน ไปกันเถอะ !” ฉิงเฟิงปัญญาอ่อนรึเปล่า คำตอบคือไม่ใช่แน่นอน เขาเป็นคนใจร้อน ? ก็ไม่ถึงขั้นนั้น เหตุผลที่เขากล้าจะเดินออกไปในลักษณะนี้ เห็นได้ชัดคือเขามีความเชื่อมั่นในตัวเอง มิฉะนั้นเขาคงไม่กล้าเดินออกมาซึ่งๆหน้าโดยที่มีศัตรูรายล้อม
บนแท่นประมูลฉิงเฟิงได้ดื่มเลือดมังกรเข้าไปทำให้เขาทะลวงเข้าสู่ขั้นเหนือสวรรค์แต่มีศัตรูของเขาหลายคนเช่นโยชิจิโร่และเฮลคิงที่ยังไม่รู้ว่าฉิงเฟิงตัดผ่านห้วงใหญ่ไปแล้ว และคงเข้าใจว่าฉิงเฟิงยังอยู่ในขั้นใต้สวรรค์ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบของเขา
ได้ยินคำพูดของฉิงเฟิงราชาอสูรสิงโตและมังกรเขียวต่างก็หันไปมองหน้ากันด้วยความกังวล เขาคิดว่านายน้อยหุนหันเลือดร้อนเกินไป แต่ในเมื่อเจ้านายตัดสินใจแล้วพวกเขาก็ทำได้เพียงต้องเดินตาม
ฉิงเฟิงเดินออกมาไม่ไกลนักจากประตูบ้านประมูลก็มีชายชุดดำหลายคนยืนขวางทางเขา ชายในชุดสีดำต่างก็สวมกิโมโนของเกาะแปซิฟิคและผู้นำของพวกเขาก็ไม่มีใครอื่นนอกจากโยชิจิโร่นั่นเอง
หลังจากที่โยชิจิโร่ปรากฏตัวได้ไม่นานเฮยหวู่ชางพร้อมถึงเฮลคิงก็ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังฉิงเฟิง พวกเขาล้อมหน้าล้อมหลังทำให้ฉิงเฟิงไร้หาทางหลบหนี
“หลี่ฉิงเฟิงวันนี้แกต้องตาย !” ด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง โยชิจิโร่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
เนื่องจากพวกเขาไม่กล้าลงมือภายในบ้านประมูลของตระกูลลั่วโยชิจิโร่และลูกน้องจึงซ่อนตัวอยู่ข้างนอกรอจนกระทั่งฉิงเฟิงออกมา นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเขาในการฆ่าฉิงเฟิง
แน่นอนว่าการแก้แค้นไม่ใช่เหตุผลทั้งหมดสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่โยชิจิโร่อยากจะฆ่าฉิงเฟิงก็คือเขาต้องการเลือดมังกรในกายของฉิงเฟิงนั่นเอง