My Cold and Elegant CEO Wife - ตอนที่ 733 ลงสู่ใต้ดิน
ฉิงเฟิงเดินไปเดินมารอบๆศิลาหินโดยมีผู้คนรอบๆที่กำลังเยาะเย้ยเขาและคิดว่าเขานั้นโง่เขลามาก เนื่องจากมียอดยุทธ์ที่แข็งแกร่งหลายคนได้ทดลองแล้ว แต่ก็ไม่มีใครสามารถทำให้มันขยับได้
ฉิงเฟิงไม่สนใจการเยาะเย้ยของฝูงชนเขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะเข้าไปในสุสานนี้ให้จงได้เพื่อเถาวัลย์อีกาดำ
ฉิงเฟิงยืนอยู่หน้าศิลาหินเขาไม่ได้โจมตีมันในทันที แต่เขาตรวจสอบประตูอย่างระแวดระวัง
เขารู้ดีว่าแม้แต่ยอดยุทธ์ที่แข็งแกร่งกว่าเขาก็ยังไม่สามารถทำอะไรกับศิลาหินที่ขวางกั้นนี้ได้ดังนั้น ต่อให้เขาโจมตีมันสุดแรงก็คงไม่อาจทำให้มันขยับได้เช่นกัน
ฉิงเฟิงวางมือขวาไว้บนศิลาหินและสัมผัสถึงรายละเอียดของมันอย่างระมัดระวังทันใดนั้นเขาก็หรี่ตาลง แท้จริงแล้วศิลาหินนี้ทำมาจากหินสะเก็ดดาวนอกโลกนั่นเอง ก็ไม่น่าแปลกที่ไม่มีใครสามารถทำลายมันได้
กริชพรากชีวิตของฉิงเฟิงก็มีส่วนผสมของหินสะเก็ดดาวดังนั้นเขาจึงเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความแข็งแกร่งทนทานและความหายากของแร่ชนิดนี้
ในฐานะราชันแห่งทวีปหมาป่าฉิงเฟิงมีทรัพยากรและคอนเนคชั่นมากมาย แต่แม้กระทั่งเขาเองก็ยังหาหินสะเก็ดดาวได้เพียงแค่ขนาดเท่าไข่เท่านั้น ตรงกันข้าม ประตูศิลาหินเบื้องหน้าเขานี้มีความกว้างอย่างน้อย 3 เมตรซึ่งทำมาจากหินสะเก็ดดาวทั้งสิ้น ! เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ก็ทำให้หัวใจของเขากระตุก
ไม่อยากเชื่อเลย…ยอดยุทธ์แกรนด์มาสเตอร์ช่างไม่ธรรมดานัก แม้กระทั่งประตูสุสานยังทำจากหินสะเก็ดดาว ช่างฟุ่มเฟือยเหลือเกิน
ฉิงเฟิงพึมพำในใจ เขารู้ว่าแกรนด์มาสเตอร์เป็นตัวตนที่สูงส่งขนาดไหนย้อนกลับไปตอนที่อยู่ในทวีปเสือ แกรนด์มาสเตอร์อัลบรอนแห่งสมาพันธ์เทวานภา เพียงแค่เปิดใช้เขตแดนก็ทำให้ฉิงเฟิงขยับตัวไปไหนไม่ได้ราวกับหมูในอวย หากเนี่ยอู๋ซวงไม่มาทำลายเขตแดนและช่วยเขาเอาไว้ ป่านนี้เขาก็ตายไปนานแล้ว
เจ้าของสุสานนี้ต้องไม่ใช่แกรนด์มาสเตอร์ระดับทั่วๆไปอย่างแน่นอนบางทีอาจจะอยู่ในขั้นที่เหนือกว่านั้นหรือเปล่า
ฉิงเฟิงมีข้อสันนิษฐานในใจยอดยุทธ์ที่เป็นเจ้าของสุสานนี้ต้องไม่ใช่แกรนด์มาสเตอร์ธรรมดา แม้แต่ลู่เต๋าซางแห่งบู๊ตึ๊งและราชาอสูรเทียนหมิงแห่งนิกายชะตาฟ้าที่เคยอยู่ในระดับแกรนด์มาสเตอร์มาก่อนก็ยังไม่ได้ครอบครองหินสะเก็ดดาวมากขนาดนี้
ฉิงเฟิงเอานิ้วเคาะซ้ำๆบนกำแพงศิลาหินนิ้วของเขาทำให้เกิดเสียงเคาะที่ชัดเจนขณะที่เขาตรวจสอบพื้นผิวของกำแพงศิลา
กำแพงศิลาหินนี้สูงกว่าร่างของฉิงเฟิงและกว้างถึง3 เมตร ฉิงเฟิงต้องกระโดดขึ้นไปในอากาศและลองเอามือเคาะจากด้านบนของจนมาถึงด้านล่าง
เมื่อนิ้วที่เคาะอยู่ของฉิงเฟิงเลื่อนมาจนถึงที่มุมขวาล่างของกำแพงศิลาเขาก็หรี่ตาลงด้วยความสงสัยในทันทีเขารู้สึกว่ามีเสียงแปลกๆเกิดขึ้นที่มุมนั้น มันเป็นเสียงที่ต่างจากจุดอื่นที่เขาเคาะ
หลี่ฉิงเฟิงไม่ใช่ว่ามีคนบอกนายไปแล้วหรือว่า กำแพงนี้มันปิดตายทางเข้าสุสาน ตอนนี้เชื่อรึยัง
ใช่ทุกคนที่นี่ไม่มีใครที่สามารถเปิดทางเข้าได้ นายจะพยายามไปเพื่ออะไร
เหอะ! ถ้าแกเปิดทางเข้าได้ ข้าจะยอมกินขี้ให้ดูเลย
ผู้คนรอบข้างต่างก็พูดคุยกันขณะมองดูฉิงเฟิงสำเร็จกำแพงศิลาแม้กระทั่งมีคนบอกว่าจะยอมกินขี้ถ้าหากเขาเปิดทางได้
ฉิงเฟิงหันกลับไปมองคนรอบๆประกายตาของเขาแฝงไปด้วยความเยือกเย็น เขาได้ค้นพบความลับของกำแพงศิลาหินนี้แล้ว แต่คำพูดดูหมิ่นของฝูงชนโดยเฉพาะคนที่บอกว่าจะยอมกินขี้นั้นทำให้เขาหงุดหงิดไม่น้อย
เขามองหาคนพูดอย่างช้าๆและพบว่าคนพูดคำนั้นคือศัตรูของเขาเจียงไป่เต๋านั่นเอง
เจียงไป่เต๋านายบอกว่านายจะกินขี้ใช่ไหมถ้าฉันเปิดทางได้ ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
เจียงไป่เต๋ายิ้มเยาะเย้ยและกล่าวว่า ถูกต้อง ! ถ้าแกสามารถเปิดทางเข้านี้ได้ ข้าจะกินขี้ให้ดูเดี๋ยวนี้เลย
เจียงไป่เต๋าร่วมมือกับถังหยุนทั้งคู่ต่างเกลียดชังฉิงเฟิง ดังนั้นเขาจึงเยาะเย้ยฉิงเฟิงอย่างไม่เกรงใจ
ส่วนศัตรูคนอื่นๆของฉิงเฟิงเช่น กู่เจี้ยนหลง เฮลคิงและเหลิงเสวี่ยต่างยืนกอดอกอยู่เฉยๆรอชมการแสดง
ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า เจียงไป่เต๋า ในเมื่อนายชอบกินขี้นัก ฉันก็จะให้นายได้กินต่อหน้าทุกคน
หลังจากที่พูดจบฉิงเฟิงก็ออกแรงผลักอย่างมากไปตรงจุดที่ยื่นออกมาเล็กน้อยที่มุมขวาล่างของกำแพงศิลาหิน ท่ามกลางความประหลาดใจของทุกคน มุมที่ยื่นออกมานั้นยุบลงไปในกำแพงศิลาหินทันที
เขาค้นพบว่ามีกลไกลับอยู่ภายในกำแพงหินนี้มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเปิดทางเข้ากำแพงศิลาหินนี้ด้วยการใช้แรงควาย ต่อให้แข็งแรงแค่ไหนก็ไม่มีทาง หากจะเข้าไปภายในจำเป็นต้องเปิดกลไกของมัน
ครืด…ครืด
!!
กำแพงศิลาที่ทำจากหินสะเก็ดดาวค่อยๆขยับอย่างช้าๆจากนั้นมันก็ล้มลงไปบนพื้นและเผยทางเข้าต่อหน้าทุกคน
บ้าไปแล้ว
! หลี่ฉิงเฟิงมันเปิดทางเข้าได้จริงๆ
!
ทุกคนที่อยู่รอบข้างต่างตกตะลึงด้วยความไม่อยากเชื่อ
กู่เจี้ยนหลงเตี๋ยชุ่ยหลัน เจียงไป่เต๋า เหลิงเสวี่ย ถังหยุนและเฮลคิง พวกเขาทั้งหมดต่างเป็นยอดยุทธ์ที่แข็งแกร่ง แต่ก็ไม่มีใครสามารถเปิดทางเข้าจากกำแพงศิลานี้ได้ แต่สุดท้ายฉิงเฟิงกลับเป็นคนเดียวที่ทำได้ นี่หมายถึงอะไร มันหมายความว่าฉิงเฟิงฉลาดกว่าพวกเขา
เจียงไป่เต๋าเป็นคนแรกที่หน้าซีดเผือดราวกับญาติเสียเพราะเขาเป็นคนที่ประกาศกร้าวออกมาว่าจะกินขี้ถ้าหากฉิงเฟิงเปิดทางได้ ซึ่งเขาไม่อยากทำ !
สุสานแกรนด์มาสเตอร์เปิดแล้วพวกเรารีบเข้าไปกันเถอะ อย่ารอช้า !!
เจียงไป่เต๋าตะโกนดังลั่นในขณะที่พุ่งเข้าไปภายในสุสานเป็นคนแรก ต้องยอมรับว่าหมอนี่ฉลาดมากเพื่อหลีกเลี่ยงการต้องกินขี้ เขารีบเบี่ยงเบนความสนใจทุกคนด้วยเสียงดังและพุ่งหายเข้าไปในสุสานอย่างรวดเร็ว
ในตอนแรกฉิงเฟิงก็อยากจะรอดูเจียงไป่เต๋ากินขี้แต่อย่างไรก็ตาม เขารีบติดตามเข้าไปอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าเจียงไป่เต๋าจะได้ของดีๆไปก่อน
ส่วนคนอื่นๆก็รีบตามเข้าไปในสุสานเช่นกันหลังจากเห็นเจียงไป่เต๋าและฉิงเฟิงหายวับไป
มันมีทางเดินขนาดมหึมาอยู่ด้านหลังของกำแพงศิลาหินมันคดเคี้ยวและขยายตัวออกไปเรื่อยๆซึ่งนำไปสู่ใต้ดิน
อ้ากกกกกกกก
!!!
ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นจากด้านหน้ามันมาจากเจียงไป่เต๋านั่นเอง ฉิงเฟิงหรี่ตาลงและหยุดตามด้านหน้าจะต้องมีอันตรายบางอย่างแน่นอน เนื่องจากเจียงไป่เต๋าเป็นคนแรกที่อยู่ข้างหน้า แต่ตอนนี้เขากลับกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
คนอื่นๆที่ตามฉิงเฟิงมาก็หยุดเช่นกัน
วูฟคิงเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า ลั่วหนี่ชิงถามฉิงเฟิงด้วยความสับสนในแววตาเพราะเธอก็ได้ยินเสียงกรีดร้องที่เจ็บปวดจากข้างหน้าเช่นกัน
ฉินเซียนจื่อและคนของเธอก็เดินมาข้างๆฉิงเฟิงด้วยใบหน้าที่งงงวย
ข้างหน้ามีอันตรายพวกเราช้าลงหน่อย ฉิงเฟิงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง เขาหยิบไฟแช็กขึ้นมาและจุดไฟขึ้น คนรอบข้างต่างก็ทำตามเขาและค่อยๆเดินไปพร้อมกัน
โชคดีที่ทางเดินค่อนข้างกว้างขวางและเพียงพอสำหรับทุกคนหลังจากเดินไปได้ระยะหนึ่งๆ ทุกคนต่างก็สูดหายใจเข้าลึกๆเมื่อสายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่ภาพเบื้องหน้า ที่ทางเดินเต็มไปด้วยลูกศรนับไม่ถ้วน ! ในบรรดาลูกศรจำนวนนับไม่ถ้วนเจียงไป่เต๋าถูกลูกศรปักร่างเพียงแค่ 3 ดอก โชคดีที่เขาแข็งแกร่งมากพอที่จะปัดลูกศรส่วนใหญ่ออกไปได้ หากเป็นคนอื่นป่านนี้คงกลายเป็นเม่นไปแล้ว
แต่กระนั้นก็ตามเจียงไป่เต๋าผู้แข็งแกร่งก็ยังถูกธนูปักร่างถึงสามดอก
ใบหน้าของทุกคนต่างก็มืดครึ้มและจริงจังมากขึ้นเมื่อได้เห็นภาพนี้ยังมีกับดักอีก !
ภายในสุสานแกรนด์มาสเตอร์แห่งนี้ต่างเต็มไปด้วยกลไกที่ซุกซ่อน
เห็นได้ชัดว่าปรมาจารย์ผู้นี้ไม่ต้องการให้ใครมาปล้นสมบัติในสุสานของเขาไปได้ง่ายๆดังนั้นเขาจึงตั้งกลไกไว้มากมาย