My Cold and Elegant CEO Wife - ตอนที่ 839 ศาลากระบี่, กำลังกองชั้นยอด
ปัง!
หลังจากลั่วเตียวและถังเจียงเฮอแยกจากการปะทะถังเจียงเฮอถูกบีบให้ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง มันเป็นสัญญาณของความเสียเปรียบเล็กน้อยจากการต่อสู้ในยกแรก
ถังเจียงเฮอคุณถอยไปก่อน ฉันจะฆ่าเขาเอง ฉิงเฟิงกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
ตอนแรกเขาคิดจะให้ถังเจียงเฮอฆ่าลั่วเตียวแต่จากการต่อสู้แสดงให้เห็นว่าความแข็งแกร่งของลั่วเตียวนั้นเหนือกว่าถังเจียงเฮอเล็กน้อย
ฉิงเฟิงได้เห็นว่าถึงแม้ว่าลั่วเตียวจะอยู่ขั้นปลายเช่นเดียวกับถังเจียงเฮอแต่ด้วยอายุและประสบการณ์ ทำให้เขามีพลังลมปราณกักเก็บไว้เหนือกว่า ยิ่งสู้นานไปผลแพ้ชนะก็จะค่อยๆปรากฏมากขึ้น
ขอรับนายท่าน ถังเจียงเฮอพยักหน้าและถอยออกมาด้วยความเคารพ
เขารู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถเอาชนะลั่วเตียวได้หลังจากประมือกันมาได้สักพักเขาอยากได้เครดิตต่อหน้าฉิงเฟิงในฐานะข้ารับใช้ แต่เขาก็ทำไม่สำเร็จ
อย่างไรก็ตามฉิงเฟิงไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยต่อความล้มเหลวของเขา เพราะฉิงเฟิงรู้ว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถเอาชนะลั่วเตียวได้ ความพ่ายแพ้ของหัวหน้าตระกูลลั่วก็ถือเป็นประจักษ์พยานถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของลั่วเตียว
ลั่วเตียวฉันจะให้โอกาสคุณได้ใช้ชีวิตต่อไปถ้าหากคุณยอมคุกเข่ายอมจำนนและกลายมาเป็นข้ารับใช้ของฉัน ไม่งั้นฉันจะฆ่าคุณด้วยกระบี่เดียว
อะไรนะ
จะฆ่าข้าด้วยการโจมตีครั้งเดียว
เมื่อได้ยินคำพูดของฉิงเฟิงลั่วเตียวก็หัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน หลี่ฉิงเฟิง แกคิดว่าตัวเองเป็นจักรพรรดิราตรีในตำนานหรือไง ถึงสามารถฆ่ายอดฝีมือระดับแกรนด์มาสเตอร์ขั้นปลายได้ด้วยกระบี่เดียว น่าขันสิ้นดี !
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกเขารู้ว่าหลี่ฉิงเฟิงมีพลังในระดับแกรนด์มาสเตอร์ขั้นกลางซึ่งต่ำกว่าเขาหนึ่งขั้นย่อย ดังนั้นคำพูดของฉิงเฟิงจึงฟังดูไร้สาระสำหรับเขา
นี่หลี่ฉิงเฟิงเป็นบ้าไปแล้วหรือ เขากลับกล้าพูดว่าจะฆ่าอาวุโสลั่วเตียวด้วยกระบี่เดียว ?
นั่นสิอาวุโสลั่วเป็นหนึ่งในยอดฝีมือแกรนด์มาสเตอร์ขั้นปลายที่แข็งแกร่ง ข้าคิดว่าอาวุโสลั่วต่างหากที่จะฆ่าเขาด้วยกระบวนท่าเดียว
ถูกต้องหลี่ฉิงเฟิงหลงตัวเองยิ่งนัก แม้แต่จาวเกออี้ผู้อัจฉริยะก็ยังไม่กล้ากล่าวอ้างว่าจะฆ่าอาวุโสลั่วได้ด้วยกระบี่เดียว
ผู้คนรอบๆต่างพูดคุยกันเขามองไปที่ฉิงเฟิงด้วยอาการเยาะเย้ย แน่นอนคนที่เย้ยหยันต่อฉิงเฟิงนั้นส่วนใหญ่เป็นผู้สนับสนุนของลั่วเตียวถ้าหากเขาเคลียร์เรื่องทุกอย่างตอนนี้ได้และขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูล พวกเขาก็จะได้รับประโยชน์เช่นกัน
ฉิงเฟิงไม่รังเกียจต่อคำพูดที่ล้อเลียนของคนเหล่านั้นและก้าวเดินไปข้างหน้า
เช้ง!
เขาชักกระบี่เพลิงคะนองออกมาและเกิดประกายเพลิงลุกไหม้ในอากาศออร่าของกระบี่ที่เปล่งออกมาฉีกทะลุพื้นดินราวกับเกิดแผ่นดินไหวและเกิดรอยแยก
เขาเหวี่ยงกระบี่ออกไปและออร่าของกระบี่ที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าผ่าก็มุ่งเข้าหาลั่วเตียวอย่างดุดัน
เมื่อสัมผัสได้ถึงออร่ากระบี่ที่คมกริบลั่วเตียวก็รีบยกกระบี่ยาวของเขาขึ้นมาขวางกั้น
เคร้ง!
ในพริบตาที่ปะทะกระบี่ยาวของลั่วเตียวก็ถูกตัดเป็นสองซีกเหมือนไข่ที่บอบบางด้วยน้ำมือของกระบี่เพลิงคะนองที่พัฒนาเป็นอาวุธจิตวิญญาณไปแล้ว
อะไรกัน
!
อาวุธระดับแกรนด์มาสเตอร์ถูกทำลายด้วยออร่ากระบี่เดียวงั้นหรือ
เมื่อเห็นกระบี่ที่หักในมือของเขาลั่วเตียวก็ตกตะลึง กระบี่เล่มนี้อยู่คู่กับเขามาสามสิบปีแล้วและผ่านการต่อสู้กับยอดฝีมือมานับไม่ถ้วนโดยไร้ความเสียหายใดๆ มันจะถูกผ่าเป็นสองซีกด้วยกระบี่เดียวได้อย่างไร
ฉิงเฟิงไม่ปล่อยให้ลั่วเตียวมัวแต่ยืนงงด้วยความประหลาดใจเขาฟันกระบี่ออกไปใส่ลั่วเตียวอีกครั้งและออร่ากระบี่ที่คมกริบก็ตัดหัวของลั่วเตียวออกจากบ่า
กระบี่นี้รวดเร็วนักนี่เป็นความคิดสุดท้ายในใจของลั่วเตียวก่อนที่เขาจะตายด้วยความประหลาดใจและความกลัวที่ตกค้างอยู่บนใบหน้า
ลั่วเตียวเป็นหนึ่งในยี่สิบอันดับแรกของรายชื่อแกรนด์มาสเตอร์ทั้ง81 คน เขาเคยเห็นอัจฉริยะมานับไม่ถ้วนในชีวิตของเขา แต่เขาก็ไม่เคยเห็นใครที่มีพรสวรรค์เทียบเท่าชายหนุ่มคนนี้หรือมีความว่องไวขนาดนี้มาก่อน เขาไม่มีเวลาตอบสนองแม้แต่น้อย
ฉูด!!
หัวของลั่วเตียวลอยออกไปพร้อมกับเลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่วห้องโถงทุกคนรู้สึกงงงวยกับฉากที่น่ากลัวนี้
ผู้อาวุโสลั่วเตียวตายแล้วเขาถูกฆ่าตายด้วยการโจมตีเพียงกระบี่เดียว !
ทุกคนต่างอ้าปากค้างด้วยความไม่เชื่อ
แม้แต่ลั่วอี้ซานก็ยังอ้าปากค้างราวกับว่าเขากำลังเห็นผี
ในฐานะหัวหน้าตระกูลลั่วไม่มีใครรู้ความสามารถของลั่วเตียวได้ดีกว่าลั่วอี้ซาน อาวุโสคนนี้แข็งแกร่งกว่าเขามากนักมิฉะนั้นเขาคงไม่ได้เป็นผู้อาวุโสใหญ่
อย่างไรก็ตามหลี่ฉิงเฟิงผู้นี้กลับแข็งแกร่งยิ่งกว่า การเคลื่อนไหวของกระบี่ของเขานั้นรวดเร็วมาก ลั่วอี้ซานจ้องมองฉิงเฟิงด้วยความกลัวในสายตาของเขา
เขารู้ว่าแม้แต่ตัวเขาเองถ้าหากให้ประมือกับชายหนุ่มคนนี้ เขาก็คงไม่แคล้วต้องคอขาดด้วยกระบี่เช่นกัน ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะตอบโต้กลับ
ในเวลานี้ลั่วอี้ซานเข้าใจแล้วว่าทำไมถังเจียงเฮอจึงเต็มใจยอมเป็นข้ารับใช้ของหลี่ฉิงเฟิงนั่นก็เพราะเวลานี้เขาช่างน่ากลัวและทรงพลังมาก
เคร้งเคร้ง !
ฉิงเฟิงเหวี่ยงกระบี่ตัดโซเหล็กให้ลั่วอี้ซานและกล่าวว่าท่านหัวหน้าตระกูลลั่ว เป็นอะไรหรือไม่
มะ…ไม่เป็นไร ลั่วอี้ซานพูดติดอ่าง เขายังคงงงงวยกับความจริงที่ว่าผู้อาวุโสลั่วเตียวถูกฆ่าตายด้วยการโจมตีเพียงกระบี่เดียว
เมื่อเห็นถึงความงุนงงของบิดาลั่วหนี่ชิงก็เข้าใจทันทีว่าพ่อของเธอกำลังคิดอะไร เธอเดินเข้าไปและกล่าวกับเขาว่า ท่านพ่อ กู่เจิ้นเทียนก็ตายด้วยน้ำมือหลี่ฉิงเฟิงเช่นกันค่ะ
เมื่อได้ยินคำพูดของลั่วหนี่ชิงลั่วอี้ซานก็กลอกตา เขาตกใจจนแทบจะหมดสติ
กู่เจิ้นเทียนเป็นหัวหน้าตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดจากทั้งสี่ตระกูลใหญ่แม้แต่ลั่วอี้ซานก็ยังไม่ใช่คู่มือของเขา
และในเมื่อตอนนี้ได้รับรู้ว่ากู่เจิ้นเทียนผู้นั้นก็ยังต้องตายด้วยน้ำมือของหลี่ฉิงเฟิงลั่วอี้ซานจะไม่ตกใจได้อย่างไร นอกจากตกใจแล้วเขายังรู้สึกหวาดกลัวอีกด้วย
วูฟคิง…เจ้ากำลังเจอปัญหาใหญ่หลวงแล้ว ลั่วอี้ซานลั่วกล่าวในทันที ใบหน้าเขาซีดเผือดไร้สีสัน
มีบางอย่างที่คนอื่นไม่รู้เกี่ยวกับกู่เจิ้นเทียนซึ่งลั่วอี้ซานได้ค้นพบภูมิหลังของกู่เจิ้นเทียนโดยบังเอิญ
ท่านหัวหน้าตระกูลผมเพิ่งฆ่ากู่เจิ้นเทียนไป แล้วจะมีปัญหาอะไรอีกหรือ ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงของเขาดูไม่แยแส
จากการแสดงออกของฉิงเฟิงทำให้ลั่วอี้ซานรู้ว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของกู่เจิ้นเทียนเลย
วูฟคิงเจ้ารู้เกี่ยวกับระดับชั้นของกองกำลังของเหล่าผู้ฝึกยุทธโบราณหรือไม่
รู้มาบ้างจากต่ำสุดไปถึงสูงสุด และแบ่งเป็นกองกำลังชั้นหนึ่งไปจนถึงชั้นสาม แต่ละชั้นยังแบ่งอีกเป็นระดับเล็ก กลาง สูงและสูงสุด
ถูกต้องตามนั้นสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองเทียนจิงเป็นเพียงกองกำลังชั้นหนึ่ง แต่กู่เจิ้นเทียนที่เจ้าสังหารไปนั้นมาจากศาลากระบี่, กองกำลังชั้นยอด ลั่วอี้ซานกล่าว
กองกำลังชั้นยอด
การแสดงออกของฉิงเฟิงดูมืดมนเขารู้เกี่ยวกับกองกำลังชั้นยอดซึ่งตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ก็นับได้ว่าเป็นหนึ่งในนั้น