My Cold and Elegant CEO Wife - ตอนที่ 978 ทำลายค่ายกลด้วยหนึ่งดรรชนี
ตอนที่ 978 ทำลายค่ายกลด้วยหนึ่งดรรชนี
ฉิงเฟิงลงมืออย่างรวบรัดและมีประสิทธิภาพเขากำจัดสาวกนิกายแวมไพร์ทั้งสองคนด้วยสองฝ่ามือ จนกระทั่งสาวกคนอื่นๆที่อยู่ไม่ไกลได้ยินเสียงและมุ่งหน้ามาทันที
ในครานี้หน่วยลาดตระเวนของนิกายแวมไพร์แห่กันมามากกว่าสิบคนโดยที่แต่ละคนเต็มเปี่ยมไปด้วยออร่าที่แข็งแกร่ง
เจ้าเป็นใคร! เจ้ากล้าสังหารสาวกของนิกายแวมไพร์ได้อย่างไร ? ชายชุดคลุมแดงผู้มีท่าทางเป็นหัวหน้ากลุ่มกล่าวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ปัง!
ฉิงเฟิงขี้เกียจเกินกว่าที่จะเจรจาโต้ตอบเรื่องไร้สาระดังนั้นเขาจึงตบฝ่ามือเข้าใส่ชายที่เพิ่งกล่าววาจา ชายผู้นั้นต้องการปัดป้อง แต่ฝ่ามือของฉิงเฟิงนั้นรวดเร็วเกินไปอีกทั้งยังทรงพลังอย่างมากทำให้ร่างกายของชายคนนั้นแตกกระเซ็นเป็นชิ้นๆ ในในของฉิงเฟิงสาวกนิกายแวมไพร์เหล่านี้ล้วนเป็นคนตายไปแล้ว …
เปรี้ยงเปรี้ยง ปัง !~
หลังจากฉิงเฟิงปลิดชีพหัวหน้ากลุ่มเขาใช้วิธีการเดียวกันในการโจมตีสาวกนิกายแวมไพร์ที่เหลือและกำจัดพวกเขาทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
ไปกันเถอะบุกเข้าตำหนักกลางกัน ฉิงเฟิงยิ้มและพาหลินเสวี่ยพร้อมกับคนอื่นๆขึ้นไปบนภูเขา
ระหว่างทางสาวกนิกายแวมไพร์บางคนเริ่มโจมตีฉิงเฟิงทันทีที่เห็นแต่พวกเขาเหล่านั้นทุกคนต่างก็ต้องจบชีวิตด้วยฝ่ามือเดียวของฉิงเฟิง ไม่มีผู้ใดรอดชีวิต…
สืบเนื่องจากหลินเสวี่ย,ฉิงเฟิงเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ฉากในวันนี้คือการสังหารหมู่และทุกคนของนิกายแวมไพร์จะต้องตาย !
ฉิงเฟิงกวาดล้างตลอดทางจนถึงครึ่งทางก่อนจะถึงตำหนักกลางนี่คือตึกที่เป็นเหมือนพระราชวังขนาดใหญ่ด้วยรูปทรงสี่เหลี่ยมที่ด้านหน้า
ภายในจัตุรัสสี่เหลี่ยมด้านหน้าจ้าวนิกายแวมไพร์และอาวุโสต่างก็นำเหล่าสาวกที่เหลือออกมา พวกเขารู้แล้วว่าวันนี้มีคนกำลังท้าทายนิกายของพวกเขา
จ้างนิกายแวมไพร์เป็นชายกลางคนอายุราวๆห้าสิบปีที่มีชื่อว่าเซี่ยซาหยางใบหน้าของเขาผอมซูบซีดและเป็นสีแดงเลือดซึ่งเป็นผลมาจากเทคนิคการบ่มเพาะพลังนอกรีตของเขา ดวงตาสีแดงเลือดของเขาคู่นั้นต่างก็เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
ปัง!
เมื่อได้เห็นความตายอันน่าสลดของสาวกนิกายที่กองระเนระนาดบนทางเดินสู่ตำหนักกลางใบหน้าของเซี่ยซาหยางก็เย็นยะเยือกและปลดปล่อยออร่าที่ทรงพลังออกมา
จ้าวนิกายผู้นี้กลับเป็นถึงผู้ฝึกตนระดับจิตวิญญาณแท้จริงขั้นกลาง
!
คิ้วของฉิงเฟิงขมวดมุ่นด้วยความประหลาดใจ
ถึงแม้ว่าเซี่ยซาหยางจะเป็นผู้ฝึกตนระดับจิตวิญญาณแท้จริงขั้นกลางแต่ฉิงเฟิงก็ไม่หวั่นเกรง พลังของเขาในตอนนี้สามารถฆ่ายอดฝีมือระดับจิตวิญญาณแท้จริงขั้นกลางได้อย่างไม่ลำบากนัก
เจ้าเป็นใครกัน! ทำไมถึงได้ล้างสังหารสาวากนิกายแวมไพร์ของข้าอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ ! ใบหน้าของเซี่ยซาหยางเปลี่ยนเป็นมืดครึ้มและถามอย่างเย็นชา
ฉันคือหลี่ฉิงเฟิงคนที่แกสั่งให้สาวกมาฆ่าไง ฉิงเฟิงยิ้มบางและกล่าวด้วยความเย่อหยิ่ง
ใบหน้าของเซี่ยซาหยางเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและสงสัยว่านี่มันเรื่องอะไรกัน หลี่ฉิงเฟิง ชายหนุ่มผู้นั้นตายพร้อมกับเครื่องบินระเบิดไปแล้วนี่ เจ้าจะเป็นมันไปได้อย่างไร ?
ก็อย่างที่แกเห็นฉันรอดมาได้ แกส่งลุกชายของแกมารังควานภรรยาของฉันและบุกรุกบริษัทฉัน ดังนั้นฉันจึงคิดที่จะมาเยี่ยมแกบ้าง
ลูกชายของข้า เติ้งเฟยงั้นหรือ ?
มันตายล่วงหน้าแกไปแล้ว ฉิงเฟิงกล่าวอย่างเย็นชา
ไม่! บุตรชายข้า ! เซี่ยซาหยางโพล่งขึ้นด้วยความตกใจ แม้ว่าเขาจะมีลูกชายสองคน แต่เขาก็ให้ความรักถนอมกับลูกชายคนนี้มากที่สุด เซี่ยเติ้งเฟยเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์และความสามารถที่แข็งแกร่ง แต่ตอนนี้เขากลับถูกสังหารด้วยน้ำมือของหลี่ฉิงเฟิงไปเสียแล้ว ความโกรธแค้นภายในใจของเขาปะทุขึ้นราวกับภูเขาไฟที่พร้อมจะระเบิดทุกเมื่อ
เจ้าฆ่าบุตรชายของข้าข้าจะฆ่าเจ้า !! เซี่ยซาหยางตะโกนกึกก้อง ในขณะที่เขากระโจนขึ้นกลางอากาศเขาก็เหยียดมือขวาออกมา มันก่อตัวขึ้นเป็นวิญญาณอสูรโลหิตที่มุ่งเป้าไปที่หลี่ฉิงเฟิง
เช้ง!
ฉิงเฟิงชักกระบี่เพลิงคะนองออกมาด้วยมือขวาเขากุมกระบี่ในแนวนอนเหนือหน้าอกของเขา พลังงานกระบี่อันแหลมคมเปล่งออกมาต้านรับการโจมตีของเซี่ยซาหยาง
กระบี่ยาวของฉิงเฟิงแทงทะลุอากาศและพลังงานกระบี่ที่ยาวนับยี่สิบเมตรลอยอยู่เหนืออากาศจนทำให้เกิดรอยแตกขนาดใหญ่มันกระทบกับฝ่ามือแดงโลหิตอย่างรุนแรง
พรู่ดดด!
เซี่ยซาหยางอ้าปากพ่นเลือดสดออกมาเป็นจำนวนมากในขณะที่ใบหน้าของเขาซีดจางลงรอยแดงจากกระบี่ถูกทิ้งไว้บนฝ่ามือของเขาราวกับว่ามันเฉือนผ่านผิวหนังและกล้ามเนื้อจนเผยให้เห็นกระดูกขาวจากภายใน นับตั้งแต่ที่หลี่ฉิงเฟิงขัดเกลา[เคล็ดวิชากระบี่เพลิงภูเขาไฟ] พลังงานกระบี่ของเขาก็ยิ่งน่ากลัวและก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น แม้ว่าเซี่ยซาหยางจะเป็นยอดฝีมือระดับจิตวิญญาณแท้จริงขั้นกลาง แต่เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉิงเฟิงในยามนี้
ท่านจ้าวนิกาย,หลี่ฉิงเฟิงแข็งแกร่งเกินไป ใช้ค่ายกลกันเถอะ ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าว
ผู้อาวุโสนิกายแวมไพร์ล้วนตกใจกับความแข็งแกร่งจากการโจมตีด้วยกระบี่ของหลี่ฉิงเฟิงพวกเขาคิดคำนวนในใจว่าชายหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งเกินไปและแม้แต่จ้าวนิกายเองก็คงไม่อาจเอาชนะเขาได้อย่างง่ายดาย วิธีเดียวที่จะชนะได้ก็คือต้องใช้ค่ายกล
ใบหน้าของเซี่ยซาหยางเปลี่ยนไปอย่างมืดมนเขาหันหน้าไปกล่าวกับอาวุโสทั้งสามที่อยู่ข้างหลังว่า รีบเตรียมค่ายกล !
ในเวลานี้อาวุโสทั้งสามคนก็ตอบสนองพวกเขาแยกย้ายกันไปยืนคนละจุดเป็นสี่ตำแหน่งและจัดวางรูปแบบค่ายกลออกมา แวมไพร์ขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นภายในค่ายกลทันที
ภูติขุนพลนั้นทรงพลังกว่าภูติทหารมันมีความแข็งแกร่งของยอดฝีมือระดับจิตวิญญาณแท้จริงขั้นปลายที่ล่วงลับไปแล้ว
ค่ายกลมีหลากหลายประเภทบางค่ายก่อตัวขึ้นโดยใช้อุปกรณ์วิญญาณ, หินพลัง, การก่อตัวของสนามแม่เหล็กและปรมาจารย์ค่ายกล ซึ่งการก่อตัวขึ้นของค่ายกลแวมไพร์นี้เป็นรูปแบบที่เกิดขึ้นโดยปรมาจารย์ค่ายกล
ค่ายกลแวมไพร์นั้นมีความสามารถในการดักจับคู่ต่อสู้และขัดขวางการโคจรพลังแท้
ฉิงเฟิงยังคงยืนอยู่ท่ามกลางการก่อตัวของค่ายกลโลหิตเขารู้สึกได้ว่ากำลังถูกขัดขวางการโคจรพลัง แต่เขาก็ไม่กังวล
วิญญาณชั่วร้ายขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นและเริ่มพุ่งเข้าใส่ฉิงเฟิงมันต้องการฆ่าเขาในขณะที่เขากำลังยืนอยู่ตรงกลางของค่ายกล ฉิงเฟิงเก็บกระบี่เพลิงคะนองกลับไปเพราะเขารู้ว่าวิชากระบี่แทบไม่มีผลต่อภูตระดับขุนพลที่มีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงขั้นปลาย
หลี่ฉิงเฟิง! ภูติขุนพลมีพลังในระดับจิตวิญญาณแท้จริงขั้นปลาย เจ้าเป็นคนตายไปแล้ว ! เซี่ยซาหยางมองไปที่ฉิงเฟิงที่ติดอยู่ในใจกลางค่ายกล เขาคำรามด้วยน้ำเสียงโหดร้ายและต้องการให้ภูติขุนพลสูบเลือดเขาให้เกลี้ยง
ฉิงเฟิงขี้เกียจเกินกว่าที่จะสนใจกับคำพูดของเซี่ยซาหยางเขามีไพ่ลับในมือที่ใช้ได้ดีในตอนนี้ ในบรรดายอดฝีมือระดับจิตวิญญาณแท้จริงอาจกล่าวได้ว่าเขาไร้เทียมทานและไม่มีคู่ต่อสู้โดยสมบูรณ์
ดรรชนีผู้พิชิต
,
หนึ่งดรรชนีแยกสรรพสิ่ง !
ฉิงเฟิงตะโกนกึกก้องพลังงานแท้ของเขาโคจรไหลเวียนผ่านเส้นลมปราณและไปรวมกันที่นิ้ว จากนั้นเขาก็ยกนิ้วขึ้นและชี้ไปที่ขุนพลภูติที่พุ่งเข้ามาอย่างดุร้าย
ลำแสงสีเขียวปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วดั่งฟ้าผ่าและทะลุทะลวงผ่านอากาศกระทบเข้ากับร่างของขุนพลภูติโดยตรง
ปัง!
ดรรชนีผู้พิชิตแยกร่างวิญญาณของขุนพลภูติออกเป็นสองส่วนส่งผลให้มันสลายไปในอากาศ
เคล็ดวิชาแรกของดรรชนีผู้พิชิต[หนึ่งดรรชนีแยกสรรพสิ่ง] มันสามารถแยกทุกสิ่งทุกอย่างในขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงเป็นสองส่วนได้อย่างน่าเกรงขาม !
ฉูดฉูด ฉูด ฉูด !!
ขุนพลภูติที่เกิดขึ้นจากการก่อตัวของค่ายกลแวมไพร์ถูกแยกเป็นสองส่วนด้วยนิ้วของหลี่ฉิงเฟิงมันตายจนไม่อาจจะเรียกว่าตายได้ ส่งผลให้ยอดฝีมือทั้งสี่ของนิกายแวมไพร์พ่นเลือดสดออกมาเต็มปาก ใบหน้าของพวกเขาทุกคนซีดเซียวราวกับคนตาย วิชาค่ายกลของพวกเขาเกิดขึ้นจากพลังจิตและพลังวิญญาณ ในเมื่อขุนพลภูติสูญสลายจากการโจมตี พวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บไปด้วย
จะจะ เจ้า เจ้า !! พลังของนิ้วนั่นคือผีสางอันใดกัน ! เหตุใดเจ้าถึงได้ทำลายค่ายกลแวมไพร์ของพวกข้าได้ง่ายดายเช่นนี้ ?
เซี่ยซาหยางร่ำร้องออกมาด้วยใบหน้าซีดเผือดดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เป็นที่ทราบกันดีว่าค่ายกลแวมไพร์นั้นทรงพลังมากการก่อตัวของค่ายกลประเภทนี้ได้สังหารยอดฝีมือระดับจิตวิญญาณแท้จริงมาแล้วมากมาย มันเป็นค่ายกลเลื่องชื่อของนิกายแวมไพร์ซึ่งเป็นที่รู้จักกัน แต่หลี่ฉิงเฟิงกลับทำลายมันลงได้อย่างง่ายดายด้วยนิ้วเดียว ย่อมเป็นธรรมดาที่เซี่ยซาหยางจะตกตะลึงขนาดนี้